หายห้าวซิ! 2 ช่างแอร์ไล่ตีคนส่งแก๊ส เจอทีเด็ดปืนมีลูกเผ่นแน่บ ขอจ่ายหมื่นจบคดี (คลิป)
ทีมข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย เจ้าของร้านแก๊ส ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทราบชื่อ นายสุริยา ศักดารัตน์ หรือ แดง อายุ 55 ปี พร้อมภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุ เจ้าตัวเล่าว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ตนกำลังขับรถกระบะมีลูกกรงกำลังจะไปอัดแก๊ส มีลูกสาววัย 4 ขวบนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อขับผ่านแยกหมู่บ้านสหกรณ์ 3 ก่อนถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาลกรุงไทย มีรถกระบะสีบรอนซ์ทอง ยี่ห้อ Toyota รุ่นTiger มีตู้ทึบคันหนึ่งขับมาปาดหน้า ทราบภายหลังเป็นรถของบริษัทรับติดตั้งแอร์ ตนก็เลยขับตามไปปาดหน้าคืนที่บริเวณทางลงอุโมงค์ห้าแยกปากเกร็ด คาดว่าคงทำให้คู่กรณีไม่พอใจ พยายามขับรถตามไล่บี้ตนมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าไปในอุโมงค์ มีการขับพุ่งชนรถตน พร้อมกับเปิดกระจกรถลงมาเพื่อจะคุยกับตน แต่ตนตะโกนบอกไปประมาณว่าให้ขับตามมาที่บ้าน
ทำให้หลังจากนั้น คู่กรณีก็ขับไล่บี้เพื่อจะพุ่งชนตนมาตลอดทาง จากนั้นพอมาถึงใกล้หน้าบ้านของตน บริเวณซอยชูชาติอนุสรณ์ 7 ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รถตนก็เกิดเสียหลักตอนเลี้ยวโค้ง เฉี่ยวชนรถฟอร์ด 4 ประตู ทำให้หน้ารถของตนกับรถฟอร์ดพังเสียหาย ทางคู่กรณีก็ยังไม่หยุด ตนจึงโทรหาลูกชายอายุ 24 ปีที่อยู่บ้าน บอกว่าตัวเองกำลังถูกไล่บี้ ให้เตรียมปืนไว้รอที่บริเวณหน้าบ้าน หากเกิดอะไรขึ้นจะได้ใช้ป้องกันตัว พร้อมกับบอกให้ลูกสาววัย 4 ขวบหมอบอยู่ในรถ
กระทั่งตนขับมาถึงซอยหน้าบ้าน รถคู่กรณีที่ขับตามมาก็จอด และเปิดประตูลงมา 2 คน เป็นชายฉกรรจ์วิ่งจะมาทำร้ายตน ลูกชายของตนจึงถือปืนออกมาจากบ้านแต่ไม่ได้มีเจตนาจะยิงหรือทำร้าย แค่ต้องการให้คู่กรณีเขาเห็นปืน เมื่อคู่กรณีเห็นปืนก็พากันรีบวิ่งหนีขึ้นรถขับหนีไป หลังจากนั้นตนเลยไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
หลังจากแจ้งความเสร็จ ตนก็โทรไปหาคู่กรณีตามเบอร์โทรที่ปรากฎข้างตู้ทึบ คู่กรณีก็มีการขอโทษ และขอเลขบัญชีตนเพื่อจะโอนเงินค่าเสียหายมาให้ แต่ตนไม่ขอรับในตอนนั้น และนัดให้มาคุยกันที่โรงพักในวันที่ 18 ก.ค. 65 เวลา 14.00 น. แล้วกลายเป็นว่าพอถึงวันนัด ตนมาทราบว่าทางคู่กรณีได้มีการเข้าแจ้งความตนในข้อหาพยายามฆ่าก่อนแล้ว ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ส่วนตัวจึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงไม่ขอคุยด้วยต่อและแยกย้ายกันกลับ
จนกระทั่งวันที่ 20 ก.ค. 65 ประมาณ 11.00 น. ตนได้โทรศัพท์ไปหาร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อสอบถามความคืบหน้า บวกกับแจ้งให้ทราบว่ารถตนได้รับความเสียหาย แต่ร้อยเวรบอกประมาณว่า "เอาผิดไม่ได้หรอก รถมันวิ่งมาตามปกติของมัน" ตนก็บอกว่าจะส่งกล้องวงจรปิดให้ดู ร้อยเวรก็ไม่ดู และตนบอกไปอีกว่าตนโดนไล่ทำร้าย ร้อยเวรก็บอกว่า "คุณคิดไปเอง คุณชนเขา คุณก็ซ่อมเขาไป ลูกคุณเจ็บก็รักษาไป" และร้อยเวรก็ถามตนต่อว่า "คุยจบหรือยัง ง่วงนอน จะนอนแล้ว" ตนเลยต้องวางสายไปแบบงง ๆ
และเมื่อวานนี้ 28 ก.ค. 65 ก็เดินทางเข้าไปพบทนายโป้ง นายเกียรติคุณ ต้นยาง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าทางคดี และขอความเป็นธรรมช่วยประสานงานร้อยเวรเพื่อเรียกคู่กรณีมารับผิดชอบ บวกกับว่าตอนนี้ลูกสาวของตนขวัญเสียไม่กล้านั่งรถ เพราะจังหวะที่ตนถูกไล่บี้และต้องเบรกเป็นระยะ หัวของลูกสาวไปกระแทกกับคอลโซลหน้ารถ
หลังจากเข้าพบทนายโป้ง คู่กรณีก็โทรมาไกล่เกลี่ยอีกรอบ บอกว่าจะชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 30,000 บาท แต่ตนขอต่อรองเป็นเงิน 50,000 บาท เพราะตั้งใจไว้ว่าเงินที่ได้มาครั้งนี้จะนำไปซื้อไข่ไก่แจกชาวบ้าน 30,000 บาท นำไปบริจาคให้โรงเรียนเด็กต่างด้าว บ้านปลายคลองวรรณ 10,000 บาท และทำบุญซื้อที่สร้างหอฉันท์กับสำนักสงฆ์ในพื้นที่อีก 10,000 บาท เนื่องจากปัจจุบันตนก็เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของปากเกร็ดด้วย อยากจะช่วยเหลือสังคม
ล่าสุด เวลา 12.30 น. ทนายโป้งประสานเชิญตัว นายปริญญา จำปาตูม อายุ 20 ปี หนึ่งในคนที่อยู่ในรถติดตั้งแอร์ ซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังและในวงจรปิดจะเป็นคนที่ 2 ที่วิ่งลงจากรถ มาพร้อมกับนางสาวพัชราภร” (สงวนนามสกุล) แม่ของนายธนากร อายุ 15 ปี อีก 1 คนในรถติดตั้งแอร์ นั่งเบาะข้างคนขับและเป็นคนแรกที่วิ่งไปหานายสุริยาตามภาพวงจรปิด ปัจจุบันนายธนากรกลับไปเรียนที่ จ.ร้อยเอ็ด จึงให้แม่มาไกล่เกลี่ยแทน ส่วนคนขับรถติดตั้งแอร์ชื่อนายพล อายุ 32 ปี ปัจจุบันติดโควิด-19 ไม่สามารถเดินทางมาได้
โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากไกล่เกลี่ย นายปริญญา ให้สัมภาษณ์ว่าวันที่เกิดเหตุพวกตนเพิ่งกลับจากซื้อแอร์ย่านติวานนท์ และกำลังจะไปติดตั้งแอร์ให้ลูกค้า แต่ระหว่างนั้นนายพล ซึ่งเป็นคนขับก็พยายามดูจีพีเอสนำทางตามที่ลูกค้าส่งมาให้ แล้วจีพีเอสเกิดผิดพลาด บอกให้ยูเทิร์นแต่ในความเป็นจริงต้องขับตรงไป ทำให้มีการหักรถกลับและบังเอิญไปปาดหน้าคู่กรณีโดยไม่ได้ตั้งใจ คู่กรณีก็ปาดหน้ากลับพร้อมกับชูนิ้วกลางให้ตน แถมยังบอกให้ตนขับตามไปด้วย
พวกตนก็เลยขับตามไปเรื่อย ๆ โดยอ้างว่าไม่ได้จะไปหาเรื่องแค่อยากขับไปขอโทษ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงนั้นเป็นบ้านของนายสุริยา แล้วพอไปถึงบริเวณถนนหน้าบ้านของคู่กรณี นายธนากรก็วิ่งลงจากรถไป ตนก็วิ่งตามไปเพื่อจะขอโทษ แต่เห็นว่านายสุริยามีปืนก็เลยพากันวิ่งกลับขึ้นรถ ซึ่งนายสุริยาตามมาทุบกระจกรถตนด้วย พวกตนก็กลัวไม่อยากมีเรื่อง จึงขับหนีไปอย่างที่เห็นในวงจรปิด
ส่วนกรณีที่พวกตนต้องเข้ามาแจ้งความกับนายสุริยาในข้อหาพยายามฆ่า เพราะหลังเกิดเหตุมีชายรายหนึ่ง บอกว่าเป็นน้องชายของ นายสุริยาโทรมาข่มขู่นายพล คนขับรถ เป็นการชักชวนให้มีเรื่องต่อ บอกให้พวกตนไปหาที่บ้าน แต่ตนก็ปฎิเสธ เพราะไม่อยากมีเรื่องและต้องการทำมาหากิน พร้อมบอกว่าจะไปแจ้งความ เพราะถูกนายสุริยาใช้ปืนข่มขู่ ทั้งที่พวกตนยังไม่ได้ทำอะไร ยังไม่ได้เข้าไปในบ้านของนายสุริยา บวกกับชายปลายสายยังพูดจาหยาบคายและพูดข่มขู่อีกว่า "ไอ้เหี้- สมองหมา ถ้าเป็นกูนะ มึงไม่เห็นแค่ปืนหรอกจะบอกให้ มึงวิ่งตามมาแบบนี้ กูบอกเลย ไอ้คว*ย"
วันนี้ที่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย ด้านของนายสุริยาก็เรียกค่าเสียหาย 30,000 บาท พวกตนมีให้แค่ 10,000 บาท ก็เลยยังตกลงกันไม่ได้ จึงต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป แต่เบื้องต้นพวกตนทั้ง 3 คนก็ถูกแจ้ง 2 ข้อหาคือ 1. ขับรถโดยประมาทและน่าหวาดเสียว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น 2.ทะเลาะวิวาท
ส่วนนายสุริยา ก็โดน 2 ข้อหา คือ 1.ทะเลาะวิวาท 2. พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
หลังจากนั้น ทนายโป้งถามถึงประเด็นที่นายสุริยาบอกว่าตนมีการโทรมาสอบถามคืบหน้าคดีกับร้อยเวร แต่กลับไม่ตามเรื่องให้และบอกว่าง่วงนั้น เบื้องต้นทาง พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด บอกว่าตอนนี้ร้อยเวรคนดังกล่าวออกไปปฏิบัติหน้าที่ต่างจังหวัด หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากมีความพฤติผิดตามที่ผู้เสียหายบอกจริงก็จะลงโทษทางวินัย
Advertisement
