จากกรณีนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ด้วยการอัดคลิปวิดีโอในช่วงทำการบ้าน และกินข้าวเวลากลางคืน โดยการจุดเทียนและใช้ตะเกียงเจ้าพายุในบ้านพัก โดยมีพ่อต้องสวมหมวกติดไฟส่องกบ นั่งกินข้าวร่วมกัน บรรยายถึงความลำบากและอันตรายจากสัตว์มีพิษ และมีการร้องขอให้ผู้ที่มีอำนาจช่วยเหลือ เพราะบ้านถูกตัดมิเตอร์ไฟฟ้า หลังจาหพ่อมีปัญหากับพระลูกวัดแห่งหนึ่งในเขต อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แจ้งให้การไฟฟ้ามายกมิเตอร์ไป เนื่องจากบ้านที่พักอาศัยเป็นที่ธรณีสงฆ์
ล่าสุดช่วง เย็นวันที่ 27 ก.ค. 65 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้เดินทางมาติดตั้งหม้อมิเตอร์ให้แล้วที่ ม.8 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่เป็นที่ดินของที่พักอาศัยเป็นที่ธรณีสงฆ์ วัดหนองโพธิ์ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
นายสมเกียรติ อ.สงวน ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.กำแพงแสน บอกว่าเบื้องต้นหลังจากรับแจ้งเรื่องดังกล่าว และมีกระแสข่าวเค้าออกในช่วงบ่าย ทางการไฟฟ้าไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ และเข้าประสานพูดคุยรอทางวัด และรอทางบ้านของนายประสิทธิ์ นามวงษ์ อายุ 57 ปี คู่กรณีวัด ได้ตกลงไกล่เกลี่ยกันแล้ว ในช่วง 15.00 น.
จากการสรุปข้อสรุปดังกล่าวนั้น ได้มีการผ่อนผันโดยทางวัดตายให้ นายประสิทธิ์ และครอบครัวอยู่ต่อจนกระทั่งลูกสาวเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ช่วงเดือนเมษยน 2566 แต่หลังจากนั้นจะสามารถอยู่ต่อได้หรือไม่นั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องเป็นผู้ปรึกษาหารือกันเองตนเอง เสมือนเป็นผู้ให้บริการทำหน้าที่ตามผู้แจ้ง แจ้งเรื่องมายังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพียงเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ช่วงก่อนได้มีการถอดมิเตอร์ไฟฟ้าออกไปนั้ นเนื่องจากว่าทางวัดได้มีการแจ้งส่งหนังสือมาทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อร้องขอให้ถอดมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านหลังดังกล่าวออก เนื่องจากเป็นพื้นที่ของทางวัด จึงจำเป็นต้องดำเนินการทำตามคำร้องขอของเจ้าของพื้นที่
พระปรวัชช์ พระลูกวัด วัดหนองโพธิ์ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ระบุว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีกระแสข่าวเผยแพร่ออกมาว่าพระและวัดกันแกล้งชาวบ้านนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ยืนยันว่าขอย้อนว่าทางด้านนายประสิทธิ์ นามวงษ์ อายุ 57 ปี ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของวัดประมาณ 7-8 เดือน โดยได้ให้ทำงานให้กับวัด ไม่ว่าจะเป็นก่อสร้างส่วนต่าง ๆ ก่อสร้างองค์พระ หรือก่อสร้างอาคารภายในวัด ก็รับจ้างตามปกติ โดยทางวัดเองก็อนุเคราะห์ให้มาอยู่ในพื้นที่ พื่อจะได้สะดวกในการก่อสร้าง
ส่วนไฟวัดนั้นก็สามารถให้ใช้ฟรี เป็นระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ตั้งเดือนตุลาคม 2564 - พฤษภาคม 2565 ทางด้านนายประสิทธิ์ ยืนยันว่าจะช่วยจ่ายค่าไฟให้กับวัด แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะช่วยจ่ายให้จำนวนเท่าไหร่ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นก็ไม่ได้รับเงินแต่อย่างใดเนื่องจากระบุว่าฐานะยากจน
อีกทั้งอยู่ฟรีเช่นนี้ยังทำคอนเทนต์เอาทางวัดไปพูดเสียเสียหายหาย อีกทั้งทางวัดไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไปเรียกร้องถึงค่าไฟที่เขาจะต้องจ่าย โดยปกติวัดจ่ายค่าไฟประมาณ 6,000-7,000 บาทต่อเดือน โดยที่อ้างว่าทางวัดติดเงินหลายบาทนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางวัดนั้นได้มอบเงินให้แล้วจำนวน 400,000 บาท ในเรื่องของการก่อสร้างองค์พระพุทธรูป ก่อสร้างอาคาร และส่วนสุดท้ายคือการก่อสร้างราวสเตนเลสหน้าโบสถ์
แต่การก่อสร้างราวสเตนเลสนั้นทำไม่เสร็จสิ้น และเขาก็จะหยุดงานไปหลายครั้ง จนปัจจุบันนี้ราวสเตนเลสที่เคยสั่งซื้อออก บิล ประมาณเกือบ 80,000 บาทนั้นของก็ยังไม่ได้ งานก็ไม่เสร็จ ตนเองจึงกันเงินเอาไว้ และหักส่วนต่าง ๆ ออก จากสิ่งที่ไม่แล้วเสร็จ อีกครั้งในเรื่องของการที่นายประสิทธิ์ อ้างว่าไปก่อสร้างบ้านให้กับโยมแม่ของตนเองนั้น บ้านหลังดังกล่าวมีการก่อสร้างราคาประมาณ 400,000 บาท โดยได้จ่ายเงินไปแล้วสามงวดจำนวน 300,000 บาท เหลือเพียงงวดสุดท้ายอีกประมาณกว่า 100,000 บาท ที่ยังไม่ได้โอนเงินจ่ายให้เนื่องจากก่อนหน้านั้นทางด้านนายประสิทธิ์ได้ขอให้มีการค้ำประกันในการซื้อรถยนต์ให้ และค้ำประกันจำนวนเงินประมาณกว่า 173,000 และเขาเองนั้นก็ไม่ได้จ่ายค่างวดรถจนถึงปัจจุบันนี้
จึงจำเป็นต้องการเงินส่วนกว่า 100,000 บาทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางวัดเลยไม่จ่ายให้กับนายประสิทธิ์ อีกทั้งมาประกอบกับเรื่องที่ นายประสิทธิ์ไม่ได้ก่อสร้างราวสเตนเลส ซึ่งการก่อสร้างจะต้องใช้งบประมาณ 120,000 บาทรวมค่าแรง จึงมองว่าทางด้านนายประสิทธิ์ก็ติดเงินวัดอยู่จำนวนหนึ่งเช่นเดียวกัน ตอนนี้ได้หาทางออกกันแล้วอนุโลมให้นายประสิทธิ์จะอยู่พื้นที่ของวัดถึงเดือน เมษายน 2566 หลังลูกสาวของเขาเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และให้เขาจ่ายค่าไฟฟ้าเอง เนื่องจากได้มีการติดมิเตอร์ไฟฟ้าเองส่วนตัวแล้ว
นายประสิทธิ์ นามวงษ์ อายุ 57 ปี อาชีพรับจ้าง บอกว่า บ้านหลังที่ตนอาศัยอยู่เป็นพื้นที่ของวัดหนองโพธิ์ ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน ซึ่งตนเองได้ไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาส ในการขอใช้ที่ดินปลูกสร้างบ้านอาศัย โดยได้รับอนุญาตเรียบร้อย ซึ่งได้อาศัยในพื้นที่มาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว และได้มีเอกสารรับรองจากผู้ใหญ่บ้าน และอบต.ห้วยหมอนทอง ในการใช้ที่ดินอย่างถูกต้องตามหลักกการทั้งหมด เนื่องจากตนเองทำหน้าที่เป็นช่างอยู่ในวัดแห่งนี้ โดยตอนนี้ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้มาแล้วประมาณ 1 เดือน ต้องอาศัยอยู่อย่างลำบาก โดยเฉพาะช่วงกลางคืนลูกสาวต้องทำการบ้าน จุดเทียน หรือสวมหมวกที่มีสายยางรัดที่มีไฟส่อง ทั้งทำการบ้านและกินข้าวตามคลิบที่ปรากฏ
สาเหตุที่บ้านพักตนเองถูกตัดไฟ เชื่อได้ว่าเป็นเพราะตนเองมีความขัดแย้งกับพระลูกวัดรูปหนึ่ง ซึ่งเคยรับงานไปทำบ้านให้พระรูปนี้แล้วไม่ได้รับเงินค่าว่าจ้าง เมื่อทวงถามก็ถูกปฏิเสธมาตลอด เงินค่าซื้อของหรือว่าจ้างทำงานในวัดพระรูปนี้ก็ไม่ยอมจ่าย อ้างว่าไม่มีเงิน หลายคนรู้ว่าตนเองพยายามทวงมาตลอด แต่ก็ไม่ได้
ต่อมาตนเองได้ไปขออนุญาตขอการใช้ไฟชั่วคราวจากวัดหนองโพธิ์ แต่ทางวัดได้มีการให้ตัดไฟที่พ่วงออกมาจากวัด และยังได้ดำเนินการในการหักค่าแรงที่ทำงานของวัดเป็นค่าใช้ไฟฟ้า
"ผมได้รับการช่วยเหลือจาก อบต.ห้วยหมอนทอง ในคืนแรกคือเอาเครื่องปั่นไฟมาปั่นให้ แต่เสียค่าน้ำมันไป 1,000 กว่าบาท ซึ่งผมก็สู้ไม่ไหวต่อมาก็ได้พยายามแก้ปัญหาเอาไฟจากรถยนต์แปลงเป็นไฟฟ้า 12 โวลต์ เพื่อมาเป็นไฟส่องสว่าง ก็เสียค่าน้ำมันอีกคืนละ 200-300 บาท ผมก็ไม่ไหว ผมถอดใจ ไม่ขอทวงเงินที่ทางพระรูปนั้นติดไว้แล้ว ไม่เอาแล้ว แต่อยากจะให้ใครก็ได้มาต่อมิเตอร์ไฟฟ้าให้ลูกผมได้ใช้ไฟฟ้าบ้างก็ยังดี" นายประสิทธิ์ กล่าว
Advertisement