เมื่อเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 01.30 น. ร.ต.อ.จักรชัย เพ็ชรกอง พงส.สภ.ท่าพระ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตาย ที่เกิดเหตุ อยู่ที่หอพักแม่สำลี บ้านหนองนิยม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ หอพักแม่สำลี หมู่ที่ 14 หมู่บ้านหนองนิยม ต.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พบศพผู้ตายทราบชื่อภายหลังคือ นายวีรชน บุตุธรรม อายุ 40 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณหน้าห้องพักในที่เกิดเหตุ พบ จ.ส.ต.พชรพรรณ บุญนาม อายุ 36 ปี ผบ.หมู่งานจราจร สภ.ท่าพระ แจ้งว่าเป็นลูกเขยของเจ้าของหอพัก และเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย พร้อมของกลางคือ อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ
จากการสอบสวนทราบว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ขณะที่ จ.ส.ต.พชรพรรณ นอนเฝ้าหอพักอยู่กับภรรยานั้น นายวีรชน ผู้ตาย ถือท่อนเหล็กยาวบุกรุกเข้าไปในหอพักพร้อมกับร้องเสียงดังเอะอะโวยวาย โดยไม่ทราบสาเหตุ และเข้าไปทุบทำลายประตูและหน้าต่างบานเกล็ดของห้องพัก หมายเลขที่ 5 และ 6 ได้รับความเสียหาย
จ.ส.ต.พชรพรรณ ได้ยินเสียงจึงเปิดประตูห้องพักออกมาร้องตะโกนถามว่ามีเหตุอะไร นายวีรชนถืออาวุธมีด และท่อนเหล็กวิ่งเข้าหา จ.ส.ต.พชรพรรณ จึงได้ปิดประตูห้องกันไว้ แต่นายวีรชนได้กระโดดถีบประตูห้องจนพัง และสามารถเข้าไปในห้องได้ พร้อมกับเงื้ออาวุธมีดพร้าจะฟันใส่ศีรษะของ จ.ส.ต.พชรพรรณ จึงได้ยิงปืนยิงสวนออกมา 1 นัด กระสุนถูกบริเวณหน้าอก จนนายวีรชนเสียชีวิต ล้มลงกับพื้น ก่อนที่จ.ส.ต.พชรพรรณจะลากผู้ตายออกมาอยู่หน้าห้องในที่เกิดเหตุ
ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางมายังหอพักแม่สำลี ต.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น นางสาวอุไรพร ดาพะโย อายุ 42 ปี และนางสาวลัดดา เสริมสาย อายุ 43 ปี ที่พักอยู่ในห้องหมายเลข 6 และห้อง 7 เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. พวกตนนอนหลับเเล้ว เเต่ก็ได้ยืนเสียงชายคนดังกล่าวเข้ามาส่งเสียงเอะอะโวยวาย เเละได้ยินเสียงท่อนเหล็กทุบประตู รวมถึงทุบบานเกล็ดหน้าต่างจนเเตก ซึ่งเมื่อคืนนี้ในห้องหมายเลข 5 ไม่มีคนเช่าอยู่ก็จริง เเต่ในห้องหมายเลข 6 ลูกสาววัย 20 ปี เเละเพื่อนของลูกสาวอยู่ในห้องพัก โดยหลังจากผู้ตายมีการทุบลูกบิดประตูเเล้วก็เดินเข้าไปในห้องพัก เเต่ไม่เห็นหญิงสาวทั้ง 2 คน เนื่องจากไปหลบอยู่หลังห้อง
หลังจากนั้น ตนก็ได้ยินเสียงผู้ตายลากท่อนเหล็กเดินไปยังบ้านพักของจ่าสิบตำรวจที่พักอาศัยอยู่กับภรรยา ก่อนจะได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายอีกครั้ง เเละได้ปืนดังขึ้น 1 นัด หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเต็มบริเวณบ้านพัก ที่จริงเเล้วจ่าสิบตำรวจคนดังกล่าวเป็นคนอัธยาศัยดีมากคนหนึ่ง ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับใคร เเม้จะเป็นตำรวจเเต่ก็ไม่เคยพูดจาข่มขู่ผู้อื่น เเละไม่เคบนำปืนออกมายิงเล่นด้วย เชื่อว่าเมื่อคืนนี้ เป็นเพียงการยิงเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
ส่วนนายวีรชน ผู้ตาย ตนเองไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักมาก่อน ไม่ใช่คนในพื้นที่ คาดว่าน่าจะมาจากต่างถิ่น ตนก็ไม่ทราบที่มาที่ไปว่า นายวีรชนมาจากไหน มาทำอะไร ต้องการอะไร เพราะเมื่อคืนนี้นายวีรชน มีอาการตะโกนโหวกเวกโวยวาย ลักษณะคล้ายกำลังตามหาใครสักคน น้ำเสียงน่ากลัวมาก จนตนเองก็ไม่กล้าออกมา ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนในหอพักรู้สึกหวาดกลัว ขวัญผวาอย่างมาก
ต่อมาทีมข่าวได้เดินสำรวจในจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าห้องหมายเลข 5 ที่ถูกทุบทำลายที่ประตู จนลูกบิดหลัดอยู่กับพื้น โดยเป็นห้องว่างที่ยังไม่มีคนเช่า ส่วนห้องพักหมายเลข 6 สภาพห้อง ประตูพัง มีรู ลูกบิดมีร่องรอยถูกทุบ ส่วนบานเกร็ดถูกทุบทำลายจนแตกไป 3 แผ่น มีเศษกระจกตกอยู่ที่พื้น เเละมีรอยคราบเลือดบนพื้น
ด้านญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาจาก จ.ชัยภูมิ เพื่อมาให้ปากคำกับตำรวจ ในท่าทีเศร้า โดยมีนายยนต์ บุตุธรรม อายุ 74 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เเละลูกสาวของผู้ตาย 2 คน อายุ 23 ปี เเละ 17 ปี พร้อมกับญาติเดินทางมาด้วย หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำญาติของผู้เสียชีวิตเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ทีมข่าวได้มีการสอบถามนายยนต์ บุตุธรรม พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ส่วนตัวเเล้วคิดว่าจ่าสิบตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ตนอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายด้วย เเต่จะเรียกร้องอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกครั้ง ส่วนการกระทำของจ่าสิบตำรวจจะสมควรหรือไม่นั้น ก็อยากจะให้สื่อคิดดูเอาเอง
โดยปกติเเล้ว ลูกชายของตนเดินทางมาทำงานก่อสร้างกับเพื่อนที่ จ.ขอนแก่น โดยอยู่กับเพื่อน ไม่ได้อยู่กับครอบครัว ภรรยา หรือลูก ปกติเเล้วลูกชายไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อน เเละไม่เสพยาเสพติด มีเเต่ดื่มสุราเท่านั้น
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้รับภาพจากวงจรปิดมาความยาว 1.58 นาที เหตุการณ์ 4 ช่วง ตอนที่นายวีรชนโวยวาย ทุบประตูห้องหมายเลข 5 เปิดเข้าไป ก่อนจะเดินออกไปเคาะห้องถัดไป หมายเลข 6 แล้วเปิดประตูมาดู ก่อนที่นายวีรชนจะลากเหล็กเดินมาหา จ.ส.ต.พชรพรรณ จากนั้นนายวีรชนมีการโวยวายเเละถีบประตูจะเข้าไปทำร้าย จ.ส.ต.พชรพรรณ
ด้านนายสมคิด อ่อนโพธา อายุ 65 ปี รปภ.รีสอร์ต เปิดเผยว่า ช่วงก่อนหน้านี้ประมาณเดือน มิ.ย.65 ตนเองเคยเจอนายวีรชนมาเเล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งเเรก ช่วงกลางคืน นายวีรชนเดินมาบอกตนเองว่า “ช่วยด้วย ๆ มีคนจะมาฆ่าผม” ตนจึงไล่ให้ออกไปก้านนอก เพราะไม่อยากให้มามีเรื่องกันในรีสอร์ต เเต่นายวีรชนก็พยายามจะเข้าไปภายในรีสอร์ต เพื่อหาโทรศัพท์โทรเเจ้งควาท ตนต้องวิ่งตาม แต่นายวีรชนก็หายตัวไป ก่อนจะมีเสียงหมาเห่าจากทางด้านหลัง พอเช้ามาถัดมาตนจะไปเเจ้ง อบต. ฝ่ายนั้นก็บอกว่าไม่ต้องไปเเจ้งความ เพราะเมื่อคืนนั้น ตำรวจได้คุมตัวไปเเล้ว เพราะไปบุกรุกบ้านคนอื่น
ส่วนครั้งที่ 2 เวลาประมาณ 04.00 น. เดินมาขอยืมโทรศัพท์ตนบอกจะโทรหาเมีย อ้างว่าเมียทำงานอยู่บริษัทเเห่งหนึ่ง เเละจะมาเข้างานตอนเวลา 04.00 น. โดยลักษณะท่าทางของนายวีรชนตอนนั้น ดูพูดจารู้เรื่อง ก่อนจะเอาบัตรประชาชนของตัวเองออกมาให้ตนดู ตนก็ถ่ายภาพเก็บไว้ นายวีรชนก็โวยวายว่า “เป็นตำรวจหรือทำไมถึงถ่ายรูป”
ส่วนเหตุการณเมื่อคืนประมาณ ช่วงเวลา 01.00 น. ตนกำลังเฝ้ายามอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้ตายร้องเอะอะมาจากทางอีกฝั่งของรีสอร์ต ก่อนจะเดินผ่านหน้าถนนโดยถือมีดแหลมเเละมีดอีโต้มาด้วย ก่อนจะเลี้ยวเข้ามาในรีสอร์ต เเละพูดว่า “ใคร ๆ ใครเป็นอะไร ไอ้ผมยาวๆ เเจ้งความสิ” เเต่ตนเงินโทรศัพท์หมด นายวีรชนจึงบอกว่า “ไม่เเจ้งเหรอ” ก่อนจะถือมีดวิ่งไล่ฟันตน ตนพยายามวิ่งหนี นายวีรชนก็วิ่งอ้อมไปดักหน้าดักหลัง จนตนหนีออกจากรีสอร์ตไปขอความช่วยจากชาวบ้านใกล้เคียงให้ช่วยเเจ้งตำรวจ หากตนหนีออกมาไม่ทัน ตนก็คงจะเสียชีวิตไปแล้ว
Advertisement