กรณีพนักงานสอบสวนสภ.สระบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายขโมยรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส ที่จอดอยู่หน้าบ้านขับหลบหนีไป สอบสวนนายไวยวิทย์ อายุ 50 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ให้การว่ารถยนต์คันที่คนร้ายขโมยไปเป็นรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียน 1 กพ 9810 กรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งซื้อมาในราคา 125,000 บาท จากผู้ขายทางเว็บไซต์ นัดรับรถเพียงชั่วข้ามคืน
ซึ่งผู้ที่ขายรถให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนชื่อว่า นายสุดเขตต์ ครุฑโท ทีมข่าวได้ข้อมูลว่าเป็นการแอบอ้างใช้บัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่น
วันที่ 7 ก.ค. 65 นายสุดเขตต์ ครุฑโท อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย ระบุว่าตัวเองก็ตกเป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อช่วงเดือนมี.ค. 65 ตนติดต่อซื้อรถมือสองจากชายรายหนึ่งที่โพสต์ขายรถในกลุ่มเฟซบุ๊ก เป็นรถฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียนชลบุรี โดยชายรายนี้อ้างว่าเป็นรถของเมียเก่าที่เอามาจำนำไว้กับตัวเอง ตอนนี้หลุดจำนำแล้วจึงนำมาขายต่อ เอกสารทุกอย่างครบ ตนจึงตกลงซื้อในราคา 50,000 บาท และนัดรับวันที่ 21 มี.ค. ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี
เมื่อถึงวันไปรับรถตนก็จ่ายเงินจำนวน 50,000 บาท โดยได้รถกลับมา แต่เจ้าของรถอ้างว่าต้องนำรถไปต่อภาษีก่อน วันรุ่งขึ้นให้ไปเจอกันที่สำนักงานขนส่งตลิ่งชัน ตนตอบตกลงไป จนวันที่ 22 มี.ค. ตนตื่นสาย ไม่ได้ไปตามนัด เจ้าของรถทักมาบอกว่าต่อภาษีให้เสร็จแล้ว นัดรับเอกสารช่วงเย็นที่ห้างสรรพสินค้าย่านบางใหญ่ ตนขับรถไปถึงห้างสรรพสินค้าในเวลาประมาณ 17.30 น. เมื่อจอดรถก็มีชายฉกรรจ์ 2 คนมาเคาะกระจก บอกว่าเป็นไฟแนนซ์มายึดรถฮอนด้า แจ๊ส ด้วยความตกใจตนจึงลงจากรถ และรีบล็อกประตูเดินเข้าห้างฯ
จากนั้นได้โทรศัพท์หาเจ้าของรถ เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง อีกฝ่ายทำทีตกใจว่าไม่รู้เรื่อง และบอกให้ตนใจเย็น ๆ ให้ออกมาจากตรงนั้นก่อนเพื่อความปลอดภัย ตนจึงนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านญาติย่านบางใหญ่ ระหว่างนั้นยังโทรศัพท์คุยกับเจ้าของรถ ถามอีกฝ่ายไปว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เจ้าของรถบอกตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง แต่จะช่วยเคลียร์ให้ จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตนกลับไปดูรถที่จอดทิ้งไว้ พบว่ารถหายไปแล้ว จึงรีบเข้าไปแจ้งความ
จากนั้น ตนโทรศัพท์ไปบอกเจ้าของรถว่ารถหายไปแล้ว อีกฝ่ายบอกว่าจะตามให้แล้วแจ้งกลับมาว่า รถกำลังมุ่งหน้าไป จ.ชลบุรี
จนวันที่ 23 มี.ค. ตนเข้าไปให้ปากคำกับตำรวจอีกรอบ ตำรวจระบุว่าดูกล้องที่ห้างแล้ว มีผู้ชายเดินมาไขประตูรถขับออกไปตามปกติ ไม่ได้มีการงัดแงะใด ๆ ซึ่งตำรวจก็มองว่าเป็นขบวนการหลอกขายรถ ตนจึงมั่นใจว่าคนขายรถเป็นมิจฉาชีพแน่นอน ตนยังคุยกับคนขายรถต่อ เพื่อหลอกให้อีกฝ่ายตายใจ ให้ตำรวจจับกุมให้ได้
อีกฝ่ายบอกให้ตนจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณ 34,000 บาท เพื่อไปเคลียร์ไฟแนนซ์ แล้วจะได้รถออกมาทันที แต่ตนไม่ยอมจ่าย จนอีกฝ่ายค่อย ๆ หายไป ระหว่างนั้นมีชายอีกคนโทรศัพท์มาหาอ้างเป็นตำรวจจาก จ.สมุทรปราการ ระบุว่า เจอรถแจ๊สคันเกิดเหตุแล้ว แต่ต้องการล่อมิจฉาชีพให้ออกมาขโมยรถเพื่อจะจับกุมให้ได้ โดยบอกให้ตนส่งเอกสารใบแจ้งความต่าง ๆ ไปให้ทางไลน์ ตนก็ถ่ายส่งไป หลังจากนั้นชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจก็เงียบหายไป พร้อมกับคนขายรถ ซึ่งตนมองว่าอาจจะเป็นพวกเดียวกันที่มาเช็กว่าตนแจ้งความจริงหรือไม่
โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในการตามตัวคนร้าย ซึ่งตนสูญทั้งเงินค่าซื้อรถ และเงินสดที่เก็บไว้ในรถจำนวน 200,000 บาท โทรศัพท์มือถือ และบัตรประจำตัวประชาชน และเมื่อ 2 วันที่แล้วก็มีผู้เสียหายอีกรายจาก จ.นนทบุรี ติดต่อมาหาตนบอกว่า มิจฉาชีพรายนี้ติดต่อขายรถให้ ซึ่งผู้เสียหายวางมัดจำไปแล้ว 2,000 บาท แต่เอะใจ เพราะชื่อในบัตรเป็นชื่อของตน อายุเพียง 27 ปี แต่คนขายรถหน้าไม่ตรงกับบัตร และดูมีอายุ จึงเอะใจ
ส่วนกรณีที่สระบุรี ก็เป็นลักษณะคล้ายกัน โดยคนขายรถคือคนเดียวกันกับที่ขายรถให้ตน และรถก็เป็นคันเดียวกันแต่เปลี่ยนทะเบียน
มิจฉาชีพรายนี้ นำบัตรประจำตัวประชาชนของตนไปแอบอ้างเป็นตัวเอง ตนก็ไม่รู้ว่าทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว ตอนนี้อยากให้ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุมาให้ได้ เพื่อจะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก ส่วนตัวไม่หวังเรื่องทรัพย์สินว่าจะได้คืนแล้ว เพราะคิดว่าคงยาก
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.เจน (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตัวเองเห็นโพสต์ขายรถฮอนด้า แจ๊ส สีขาว มือสองในเฟซบุ๊ก จึงแอดไลน์คนขายรถไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
จากนั้นได้พูดคุยและนัดดูรถที่ห้างสรรพสินค้าย่านบางใหญ่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยตกลงราคาซื้อขายที่ 125,000 บาท
ซึ่งคนขายอ้างว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของตัวเอง ใช้มือเดียว มีเอกสารเล่มทะเบียนครบ อีกฝ่ายได้ส่งภาพเล่มทะเบียนมาให้ดูเพราะอ้างว่าตัวเล่มอยู่ที่บ้าน ไม่ได้เอามา ตนตรวจสอบพบว่าชื่อตรงกับบัตรประชาชน คือนายสุดเขตต์ ครุฑโท
จากนั้นก็ตกลงซื้อรถแต่ขอวางมัดจำไว้ก่อน 2,000 บาท นัดรับรถวันถัดไปพร้อมเล่มทะเบียน หลังจ่ายมัดจำตนขอถ่ายภาพคนขายคู่กับรถ โดยขอให้อีกฝ่ายเปิดแมสก์ออก เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายก็เริ่มเอะใจว่าหน้าจริงกับภาพในบัตรไม่เหมือนกัน เพราะในบัตรอายุแค่ 27 ปี แต่ตัวจริงดูมีอายุมากกว่า แต่ไม่ได้ถาม คิดว่าจ่ายเงินไปแล้ว
วันที่ 2 ก.ค. คนขายรถส่งคลิปวิดีโอมาบอกว่าเล่มทะเบียนอยู่ที่ จ.สระบุรี ต้องขับรถไปเอา แล้วจะรีบกลับมาส่งมอบรถช่วงบ่าย
จากนั้นคนขายติดต่อมาบอกว่าขับรถชนเด็ก ต้องทำเรื่องที่สถานีตำรวจไม่สามารถนำรถมาส่งให้ได้ทันเวลา ขณะนั้นตนเริ่มเอะใจ จึงบอกให้อีกฝ่ายโอนเงินมัดจำคืนมาก่อน แต่คนขายรถยังไม่โอนเงินคืนมาให้ จนตนขู่ว่าจะแจ้งความ อีกฝ่ายจึงโอนเงินคืนมาให้ในวันที่ 3 ก.ค.
หลังจากนั้นคนขายรถยังติดต่อมาหาตน บอกว่าพร้อมขายรถ และนัดให้ไปรับรถที่สถานีตำรวจ ตนมองว่าเป็นการหลอกให้ตายใจมากกว่า ระหว่างนั้นลองเสิร์ชชื่อ สุดเขตต์ ตามบัตรประจำตัวประชาชน จนได้พูดคุยกับนายสุดเขตต์ตัวจริง จึงรู้ว่าคนขายรถแอบอ้างใช้บัตรประจำตัวประชาชนคนอื่น โดยตนยังสามารถติดต่อคนขายรถได้ครั้งสุดท้ายคือวันที่ 5 ก.ค. อีกฝ่ายยังยืนยันกับตนว่ารถยังอยู่หากสนใจให้ไปรับได้ กระทั่งมีข่าวที่ จ.สระบุรี ตนเห็นภาพรถแล้วมั่นใจว่าเป็นคันเดียวกัน และเลขทะเบียนก็เหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่าโชคดีที่ตัวเองไหวตัวทัน มั่นใจหากซื้อรถมาอาจจะถูกยึดคืนตามที่มีข่าว โดยส่วนของตนไม่ได้แจ้งความเพราะได้เงินคืน แต่รู้สึกสงสารคนอื่น อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้
น.ส.เจน ลองโทรศัพท์หาคนขายรถปรากฏว่าอีกฝ่ายรับสาย และบอกว่ารถขายไปแล้วที่ จ.สระบุรี ตอนนี้ตัวเองไม่มีรถคันอื่นแล้ว เพราะไม่ใช่นายหน้าขายรถ แค่ขายรถบ้านเท่านั้น
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายบอย (นามสมมติ) ซึ่งเป็นบุคคลตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่คนขายรถแจ๊สส่งให้นายสุดเขตต์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตน อ้างว่าชายรายนี้เป็นลูกน้องของตัวเองไว้ใจได้ โดยนายบอย บอกว่าไม่รู้จักกับชายที่ขายรถแจ๊สมาก่อน และรู้สึกแปลกใจมากที่อีกฝ่ายมีบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเอง
ปกติตนทำงานเป็นไรเดอร์ขับรถส่งอาหาร ไม่เคยซื้อขายรถมือสอง คาดว่าภาพบัตรประจำตัวประชาชนที่ส่งให้นายสุดเขตต์น่าจะหลุดมาจาก รปภ. ตามหมู่บ้าน ที่ถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของตนเอาไว้เวลาจะเข้าหมู่บ้าน ส่วนตัวก็รู้สึกว่าอันตรายมาก ที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปเผยแพร่แบบนี้
Advertisement