จากกรณีเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. 65 พ.ต.ท.จีรพัฒน์ เนื่องเหมรัช ร้อยเวรสอบสวน สภ.บำเหน็จณรงค์ ได้รับแจ้งจาก นายอำพัน แสงสว่าง อายุ 65 ปี ที่อาศัยอยู่บ้าน ม.20 ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ได้ขี่ จยย. สีน้ำเงินมามอบตัวที่โรงพัก
และบอกกับตำรวจว่าตนเองได้ฆ่านางไสว แสงสว่าง อายุ 62 ปี ที่เป็นเมียตัวเอง ใช้ขวานฟันที่หัวตายคาที่อยู่ที่บ้าน อ้างว่าเมียบนด่า และไล่ออกจากบ้านทุกวัน
ล่าสุดวันที่ 15 มิ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ม.20 ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ โดยลักษณะบ้านหลังที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ที่จุดพบศพนางไสว เป็นห้องครัวที่อยู่หลังบ้าน มีโต๊ะอาหารที่ยังหลงเหลือร่องรอยข้าวที่อยู่ในจาน และหม้อข้าวที่อยู่บนเตาแก๊ส
ซึ่งบริเวณพื้นยังมีรอยเลือดติดอยู่ ส่วนที่ฝาพนังหลังบ้านมีข้อความที่นายอำพันเขียนเอาไว้ ให้นางไสวท่องทุกวัน โดยมีข้อความว่า "คนนะ ไม่ใช่แมว สกปรกแต่เพียงร่างกาย แต่อย่าให้ หัวใจสกปรก อย่าเห็นแก่ตัว สำเนียง ส่อภาษา กิริยา ส่อสกุล"
นายนิคม ศรีประเทศ ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ตอนเกิดเหตุ ตนเองไปทำธุระในอำเภอ ช่วงประมาณ 10.30 น. มีตำรวจโทรศัพท์มาแจ้งว่า นายอำพัน ฆ่านางไสว ตายอยู่ภายในบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบขับรถกลับมาที่บ้าน เนื่องจากบ้านตัวเองอยู่ติดกับบ้านที่เป็นจุดเกิดเหตุ ซึ่งตอนเกิดเหตุยืนยันว่าไม่มีชาวบ้านได้ยินเสียงหรือรู้ว่านายอำพันก่อเหตุฆ่าเมียแล้วหลบหนีไป เพราะตอนเช้าชาวบ้านทุกคน เห็นทั้งคู่ขี่รถออกไปตลาดด้วยกัน
โดยหลังเกิดเหตุ ตนเองได้ถามกับนายอำพันว่าทำไมไม่มาแจ้งกับตนเอง และทำไมถึงไปมอบตัวกับตำรวจ แต่นายอำพันบอกว่า จริงแล้วตอนฆ่าเมียเสร็จตกใจ ตั้งใจจะขี่รถหลบหนี แต่คิดไปคิดมาน้ำมันรถจะหมด เงินก็ไม่มี ไม่มีที่ไป จึงตัดสินใจขี่รถเข้าไปมอบตัว
ยืนยันว่าที่ผ่านมานางไสวเป็นคนรักผัว เวลาถูกผัวทำร้ายก็ไม่เคยปริปากบอกใคร มีอยู่ครั้งเดียวที่เคยพูดกับชาวบ้านว่า ถ้าเขาตายไม่มีใครทำเขา นอกจากเขาจะถูกผัวตัวเองฆ่า ตนเคยตักเตือนนายอำพันแล้วว่ามีปัญหาอะไรให้ออกมาบอก แต่นายอำพันไม่เคยฟัง
นายเจียม แรกเรียง อายุ 73 ปี ชาวบ้านที่เข้าไปพบศพผู้ตายพร้อมกับตำรวจ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุยืนยันว่าไม่มีใครได้ยินเสียงนางไสวร้องขอความช่วยเหลือ ถ้าหากตำรวจไม่นำตัวนายอำพันมาที่บ้าน ชาวบ้านก็ไม่มีใครรู้ว่านางไสวเสียชีวิต โดยตอนตำรวจมาถึงก็ได้พานายอำพันไปชี้จุดที่ฆ่านางไสวในห้องครัวหลังบ้าน ยอมรับว่าเมื่อเห็นสภาพศพ นางไส นอนเสียชีวิตอย่างอนาถ ชาวบ้านก็พากันแตกตื่น เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้มาก่อน
ซึ่งสองผัวเมียคู่นี้จะอยู่บ้านกัน 2 คน ไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับชาวบ้าน เพราะมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก ที่นายอำพันอ้างกับตำรวจว่าถูกเมียด่าไล่ออกจากบ้านจนต้องฆ่าเมีย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมานายอำพันเป็นคนขี้ระแวง ไม่ให้เมียออกจากบ้านไปพูดคุยกับชาวบ้าน เวลาทั้งคู่ทะเลาะกัน คนเป็นผัวมักจะปิดบ้านตีเมียอยู่ภายในบ้าน ไม่เคยเห็นคนเป็นเมียด่าผัวเลยสักครั้ง
ตอนเกิดเหตุคาดว่านายอำพันน่าจะกำลังนั่งกินข้าวอยู่ แล้วคงจะหงุดหงิดที่นางไสวทำกับข้าวให้กินช้า จึงก่อเหตุฆ่าเมียตายในห้องครัว ไม่คิดว่าหมู่บ้านที่อยู่กันอย่างสงบจะมาเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้ หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้ตำรวจดำเนินคดี ถึงขั้นติดคุกตลอดชีวิต เพราะหากออกมาก็จะเป็นภัยสังคม
ทีมข่าวไล่กล้องวงจรปิดหลายจุด พบว่าออกจากหมู่บ้าน ผู้ต้องหาใช้เส้นทางท้ายหมู่บ้านออกไปตามป่า แล้วก็ขี่รถผ่านหน้ากล้องบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อมุ่งหน้าไปมอบตัวกับตำรวจที่ สภ. บำเหน็จณรงค์ ในเวลา 10.31 น.
นางกองไก วงพันธุ์ อายุ 53 ปี น้องสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า พี่สาวแต่งงานอยู่กินกับนายอำพันมาประมาณ 30 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน ที่ผ่านมายืนยันว่าพี่สาวไม่เคยปริปากบอกเลยว่าถูกนายอำพันทำร้ายหรือมีปัญหาอะไร ยอมรับว่าพี่สาวและนายอำพันมีโรคประจำตัว แต่ไม่เคยรู้ว่าอาการจะกำเริบถึงขนาดไหน เนื่องจากตนเองใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพ
ตนเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เคยชวนพี่สาวไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ หลายครั้งแล้ว แต่พี่สาวก็ไม่ยอมไป บอกแต่ว่ารักผัว ทิ้งผัวไม่ได้ ไม่คิดว่านายอำพันจะฆ่าพี่สาวได้อย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ ยืนยันว่าตนเองและครอบครัวจะไม่อโหสิกรรมให้เด็ดขาด เป็นไปได้ก็อยากจะให้นายอำพันรับโทษประหารชีวิต
Advertisement