ส่อพลิก หนุ่มหล่อถูกตีหน้ายับ มือหวดแฉเมาปลิ้นป่วนก่อน ร้านงัดภาพเด็ดจับโป๊ะ (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ทวีตรูปภาพตัวเองซึ่งมีเลือดออกที่ศีรษะไหลอาบหน้า พร้อมข้อความระบุว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เป็นตำรวจ รุมทำร้ายในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ แต่แจ้งความแล้วคดีไม่คืบ แถมยังถูกคู่กรณีข่มขู่อ้างว่าให้ดูด้วยขับรถอะไร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา

 

วันที่ 3 มิ.ย. 65 เวลา 13.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ ผู้ก่อเหตุพร้อมเพื่อนเดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าว

 

นายชินโชติ นิธิสุนทร 25 ปี ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตั้งแต่รุ่นพี่จับผู้เสียหายลงพื้น เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นมาได้ก็อาละวาด ใครเข้าไปใกล้ก็โดนลูกหลง รวมถึงพนักงานร้านที่ผู้เสียหายเข้าไปตบหน้า ทั้งที่ไม่รู้เรื่องด้วย ตนจึงใช้ขวดโซดาตีศีรษะอีกฝ่าย เพื่อให้เหตุการณ์สงบลง เพราะกลัวว่าผู้เสียหายจะอาละวาดจนหยุดไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดใช้แก้วปามาที่ตนซึ่งตนหลบทัน ก่อนที่การ์ดของทางร้าน จะดึงตัวออกไปด้านนอก

ตนยอมรับว่าตนทำรุนแรงที่ใช้ขวดตีอีกฝ่าย แต่ด้วยความที่ผู้เสียหายสูงใหญ่กว่า ประกอบกับเมาด้วยกันทั้งคู่จึงลงมือตีไปแบบนั้น
โดยตนมองว่าฝั่งผู้เสียหายเมาหนักกว่าตนมาก ถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีเรื่องกับใคร กลับไปทำร้ายร่างกายพนักงานคนอื่น ซึ่งตนรับไม่ได้ในส่วนนี้ โดยเรื่องทำร้ายร่างกายพนักงานร้านก็อยู่ในสำนวนของตำรวจแล้ว

ทั้งนี้ ตนไม่กังวลเรื่องคดี ปล่อยให้อยู่ในกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นตำรวจ รวมถึงไม่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายหลังเกิดเหตุ โดยสุดท้ายอยากบอกว่าสิ่งที่ทำลงไหนส่วนไหนที่ผิดก็ยอมรับ นอกเหนือจากนั้นขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

นายภัทรพล นิธิสุนทร อายุ 26 ปี เพื่อนผู้ก่อเหตุ ระบุว่า ในคืนที่เกิดเหตุพวกตนไปกินเหล้ากัน 4 คน ผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 1 คน โดยตนเข้าไปในร้านเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 28 พ.ค. เวลา 23.30 น. ผู้เสียหายซึ่งเมามาก มีการเดินมาชนรุ่นพี่ของตนซึ่งเป็นผู้ชาย และทำท่าจะต่อยรุ่นพี่ ทางรุ่นพี่จึงกอดและทุ่มผู้เสียหายลงพื้นไปพร้อมกัน

เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นมาได้ ก็ไปตบพนักงานร้าน เพื่อนของตนจึงใช้ขวดโซดาตีศีรษะอีกฝ่าย และเกิดเหตุชุลมุนขึ้น ก่อนการ์ดร้านจะมาแยกผู้เสียหายออกไป จากนั้นก็เดินทางมาที่สถานีตำรวจกันทั้งคู่ ยอมรับว่าฝั่งตัวเองผิดที่ใช้ขวดตีอีกฝ่าย แต่อยากให้ผู้เสียหายตั้งสติ คิดดี ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะถูกตี เพราะอีกฝ่ายอาจจะเมามากจนจำไม่ได้ว่ามีการพยายามทำร้ายฝั่งตนก่อน ซ้ำยังไปทำร้ายพนักงานร้านซึ่งไม่ได้รู้เรื่องด้วย

ทั้งนี้ ตนกับฝั่งผู้เสียหายไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องกัน โดยฝั่งตนไม่ได้มีใครเป็นตำรวจแม้แต่คนเดียว และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ ก็ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกรณีที่อีกฝ่ายอ้างว่าฝั่งตนพูดว่า "มึงดูด้วยกูขับรถอะไรนั้น" ยอมรับว่ามีคำพูดบางอย่างด้วยความโกรธ แต่ไม่ได้มีเจตนาข่มขู่ แค่พูดในทำนองว่าให้ดูด้วยว่าพวกตนขับรถอะไร ทำไมจะต้องไปทำแบบนี้แค่นั้น โดยพูดที่สถานีตำรวจหลังจากเกิดเหตุ

ทางตนยอมรับผิดในสิ่งที่ทำ ไม่ได้มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงหรือหลบหนี ทั้งนี้ ทางตนยินดีที่จะไกล่เกลี่ยตั้งแต่วันแรก เพราะมองว่าเป็นเรื่องทะเลาะกันน่าจะคุยกันได้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ก็ขอให้แล้วแต่อีกฝ่าย

เวลา 16.00 น. นายต้นคริสมัส ผู้เสียหาย พร้อมแม่และพี่สาว เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่ออกมาจากห้องสอบสวน ผู้เสียหายระบุว่า ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์

จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปที่ร้านเกิดเหตุ เป็นร้านในซอยสุขุมวิท 24 น.ส.ชนม์สิตา แต่งทรง อายุ 35 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน นำทีมข่าวเข้าไปดูภายในร้าน ซึ่งเป็นลักษณะโต๊ะกลมสูง ไม่มีเก้าอี้ อยู่ใกล้กับบาร์โดยโต๊ะของผู้ก่อเหตุอยู่โต๊ะแรก ส่วนผู้เสียหายอยู่โต๊ะที่ 3 ในแถวเดียวกัน

น.ส.ชนม์สิตา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ สังเกตว่านายต้นคริสมัส ผู้เสียหาย มีอาการเมาอย่างหนัก เดินไปชนโต๊ะอื่นจนแก้วตกลงมาหลายครั้ง ตนจึงไปยืนที่บาร์ข้าง ๆ เพื่อคอยดูแล จากนั้นนายต้นคริสมัสประคองเพื่อนผู้ชายซึ่งเมาหนักมาก เพื่อจะเดินออกจากร้าน แต่ไปชนฝั่งคู่กรณี โดยนายต้นคริสมัสหันมามองหน้าคู่กรณีประมาณ 10 วินาที และง้างมือคล้ายจะทำร้าย ก่อนจะเซลงมา คู่กรณีจึงหลบและจับทุ่มลงไปกับพื้น มาโดนตนที่ยืนอยู่บริเวณบาร์

เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นมาได้ ก็จับมือซ้ายตนบิดแล้วตบกับบาร์ ก่อนจะตบหน้าตนฝั่งซ้ายเข้าบ้องหูจนตนมึน และไม่ทันสังเกตช่วงที่คู่กรณีใช้ขวดตีศีรษะผู้เสียหาย หลังจากนั้น เพื่อนผู้ชายของผู้เสียหายจะเข้ามาตบตนอีก ตอนนั้นตนกำลังมึน ไม่แน่ใจว่าโดนหรือไม่ แต่พนักงานในร้านก็เข้ามาช่วย จับฝั่งผู้เสียหายแยกออกไป ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางไปที่สถานีตำรวจ

โดยตนเองก็แจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกายเช่นกัน เพราะฝั่งผู้เสียหายตบตนจนมีอาการแก้วหูซ้ายบวมอักเสบ และแขนช้ำ ตนยืนยันฝั่งคู่กรณีไม่ได้หาเรื่องนายต้นคริสมัสก่อน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นการทะเลาะวิวาทกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่ถูกรุมรังแก ทั้งนี้ตนได้รับการติดต่อมาว่าฝั่งผู้เสียหายจะขอไกล่เกลี่ย ตนก็ยินดี คิดว่าหากพูดคุยกันได้ เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่

ขณะที่พนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการเรียกผู้เสียหาย และคู่กรณีมาสอบแล้ว แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา เพราะต้องรอผลแพทย์ก่อน ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 2 คดี คือกรณีที่นายต้นคริสมัสถูกทำร้ายร่างกาย และกรณีที่นายต้นคริสมัสทำร้ายร่างกายผู้ช่วยผู้จัดการ