เจ๊ข้าวเปิดใจยืนฉี่รดหน้าชาย แค้นถูกเย้ยจน หนุ่มฝันร้ายเงยหน้าเจอของดำฉะเถื่อน (คลิป)

กรณีผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องกองปราบฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 65 เพื่อดำเนินคดีกับ “เจ๊ข้าว สระบุรี” เท้าแชร์ เเละคนปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ จ.สระบุรี โดยรายเเรกถูกลงโทษด้วยการฉี่รดใส่หน้า ก่อนเอาเรื่องราวไปโพสต์ประจานลงเฟซบุ๊กส่วนตัว สร้างความอับอายและเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่วนอีกรายถูกทวงหนี้โหด บุกทำร้ายเเละส่งพวงหรีดข่มขู่ถึงหน้าบ้าน

ล่าสุด วันที่ 3 พ.ค. 65 ผู้เสียหายคือ นายอนันตพล ถุงทรัพย์ หรือ อาร์ม อายุ 34 ปี เปิดเผยว่าตนเองมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ขายของออนไลน์ นอกจากนี้เคยทำงานเป็นลูกน้องเจ๊ข้าว 4 ปี มีความสนิทสนมพอสมควร สามารถเข้าออกบ้านเจ๊ข้าวได้ เเต่จุดเริ่มต้นของปัญหาย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย. มีคนติดต่อมาบอกว่ามีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่ 3 ใบ จะขายในราคา 80,000 บาท ให้ตนหาลูกค้าให้หน่อย เพราะตนรู้จักคนเยอะ ตนเองจึงติดต่อไปหาเจ๊ข้าวเพื่อเสนอขาย เพราะมองว่าเป็นคนที่มีกำลังซื้อ เจ๊ข้าวบอกว่าแพงไป แล้วก็ไม่ได้ซื้อ จากนั้นตนก็พยายามติดต่อหาลูกค้าอีกหลายคน ก็ยังไม่มีใครซื้อ กระทั่งเจ้าของกระเป๋าติดต่อมาบอกว่าเปลี่ยนใจไม่ขายเเล้ว

จากนั้น ตนจึงโพสต์เฟซบุ๊กในทำนองว่าขายกระเป๋าได้เเล้ว เพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเอง ระบุข้อความว่า "คนจริงไม่พูดเยอะ 3 ใบ 90,000 ครับอาร์ม เลขบัญชีมาน้องรัก สุดจี๋เลยพี่จ๋า" ทำให้เจ๊ข้าวไม่พอใจ คิดว่าตนโพสต์เยาะเย้ย ทั้งที่ความจริงโพสต์ดังกล่าวไม่ได้หมายถึงเจ๊ข้าวเลย

หลังจากนั้น เจ๊ข้าวได้มาคอมเมนต์ใต้โพสต์ ทวงเงิน 1,000 บาทที่ตนเคยยืมไป ตนเองก็รีบโอนคืน พร้อมกับโพสต์สลิปการโอนเงินลงเฟซบุ๊ก แท็กชื่อสามีขอเจ๊ข้าว โดยใช้ข้อความว่า "ขอบคุณพี่นะครับ ที่ดีและน่ารักกับผมเสมอมา ผมจะไม่ลืมทุกสิ่งที่มีดีกับผมเลยครับ #คุณกับผมเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะอดีตเจ้านาย เสียดายเวลาชิบหาย"

ทางเจ๊ข้าวก็มาคอมเมนต์ต่อว่าอีกว่า "ยืมเงินในแชท แล้วทำไมเวลาคืนต้องมาโพสต์หน้าเฟซบุ๊ก" พร้อมกับข่มขู่ว่าให้ระวังตัว จากนั้นก็เริ่มมีการโต้เถียงกันทางโซเชียล ต่อมาวันที่ 30 เม.ย. เวลา 22.30 น. หลังจากเลิกงานตนขี่รถจักรยานยต์กำลังจะเข้าบ้าน พบว่ามีรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ตนทราบดีว่าเป็นลูกน้องที่เจ๊ข้าว คาดว่าจะส่งมารุมทำร้าย ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์หนี ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาหาตน ข่มขู่ว่าถ้าไม่อยากตายให้เข้าไปขอโทษเจ๊ข้าว ตนเองเกิดความหวาดกลัว จึงรีบโทรไปหาเจ๊ข้าว เพื่อขอเข้าไปขอโทษที่บ้าน

จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืน รอยต่อเช้าวันที่ 1 พ.ค. ตนเองไปหาเจ๊ข้าวที่บ้านเพื่อขอโทษ ถึงเจ๊ข้าวสั่งให้ตนเองนอนลง ตนก็ทำตามคำสั่ง เพราะคิดว่าเจ๊ข้าวคงจะกระทืบสั่งสอน แต่เมื่อนอนหงายลงไปแล้วหลับตา ก็รู้สึกเหมือนมีน้ำมาโดนหน้า เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นเจ๊ข้าวกำลังฉี่รดหน้าตนอยู่ ตนรู้สึกเหมือนเห็นโอโม่ แต่เป็นสีดำ อีกทั้งมีการถ่ายคลิปไว้ด้วย ตนเสียใจมาก รู้สึกเหมือนโดนหยามศักดิ์ศรี แต่ก็ทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงนั่งคุกเข่าร้องไห้ หลังจากนั้น เจ๊ข้าวได้โพสต์ข้อความเยาะเย้ยเรื่องฉี่ใส่หน้า ทำให้ตนรู้สึกอับอาย จึงเข้าปรึกษารุ่นพี่ชื่อ "เฟิร์น" ทางรุ่นพี่จึงพาไปร้องกองปราบฯ

ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านของเจ๊ข้าว เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน อ.เมือง จ.สระบุรี การตรวจค้นบ้านของเจ๊ข้าวในวันนี้ ใช้กำลังตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย เข้าร่วมตรวจค้นทั้งภายในและภายนอกบ้าน รวมถึงยังตรวจปัสสาวะของผู้ชายภายในบ้านด้วย มีทั้งญาติและเพื่อนของเจ๊ข้าวหลายคน

เนื่องจากว่ามีข้อมูลเรื่องไปเกี่ยวข้องกับเท้าแชร์และเงินกู้ ทางตำรวจจึงต้องเข้ามาค้นหาพยานหลักฐานที่บ้าน เจ๊ข้าวยอมรับว่าอดีตเคยทำเงินกู้ และปัจจุบันยังคงเกี่ยวข้องกับเท้าแชร์ ถึงต้องเข้ามาเก็บหลักฐานในโทรศัพท์และกล้องวงจรปิด ก่อนเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้ข้อมูลที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี

ขณะเดียวกันตำรวจยังได้ตรวจค้นรถเก๋ง 2 คันที่จอดอยู่หน้าบ้าน คันแรกเป็นรถเบนซ์ สีขาว เป็นรถยนต์ส่วนตัวของเจ๊ข้าว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนอีกคันเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน สีกรม เป็นรถยนต์ส่วนตัวของนายธนวัฒน์ วิเชียร อายุ 53 ปี พ่อของเจ๊ข้าว จากการตรวจค้นพบแม็กกาซีนอยู่ในคอนโซลหน้ารถ ตรวจสอบภายในพบมีลูกกระสุนบรรจุอยู่ 10 นัด ไม่พบกระบอกพบปืน ตำรวจจึงได้นำไปตรวจสอบ

น.ส.เพ็ญศิริ ศิริวิเชียร หรือ เจ๊ข้าว อายุ 32 ปี เปิดเผยภายหลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองสระบุรี ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามที่แฟนหนุ่มของตนบอกตำรวจไปก่อนหน้านี้ โดยนายอาร์มเป็นอดีตลูกน้องที่อยู่กับตนมาหลายปี ได้ติดต่อมาขายกระเป๋าแบรนด์เนมให้ ซึ่งส่วนตัวไม่อยากได้ จึงไม่ซื้อ แต่หลังจากนั้นนายอาร์มกลับมาโพสต์ว่าขายกระเป๋าได้แล้ว ทั้งที่ความจริงกระเป๋ายังไม่ได้ขาย อีกทั้งข้อความที่โพสต์ยังเป็นเหมือนการดูถูกตน

หลังจากนั้น นายอาร์มก็มีการต่อว่าตนผ่านทางเฟซบุ๊กอีกหลายข้อความ ทำให้ตนเกิดความโมโห เพราะเป็นลูกน้องที่เลี้ยงมาอย่างดี แต่กลับมาหักหลังกัน จึงนัดมาที่บ้านเพื่อเคลียร์ แต่ด้วยความที่เจ็บใจจึงเลือกใช้วิธีฉี่รด การฉี่ตนไม่ได้นั่งคร่อมหน้าตามที่นายอาร์มกล่าวอ้าง ตนได้ให้นายอาร์มนอนลงกับพื้น ก่อนจะเอาผ้าขนหนูมาพันเอว แล้วเดินฉี่ใส่ตั้งแต่ขาถึงศีรษะ เพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำเท่านั้น หลังจากเกิดเหตุตนก็เสียใจ รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำลงไปมันผิด

ส่วนกรณี น.ส.ปั๊บ รู้จักกันมาหลายปี มีความไว้ใจถึงขั้นให้ทำงานในตำแหน่งเลขา แต่ น.ส.ปั๊บ กลับมาโกงเงินตนถึง 3 ครั้ง เป็นจำนวนเงินหลายแสนบาท ซึ่งรายละเอียดไม่ขอพูดถึง จะขอให้ปากคำกับตำรวจ

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของ น.ส.เพ็ญศิริ ศิริวิเชียร หรือ เจ๊ข้าว อายุ 32 ปี พบว่าตัวเจ๊ข้าวอยู่ในบ้าน ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยแฟนหนุ่มของเจ๊ข้าวคือ นายจิรายุทธ บุญใจ อายุ 28 ปี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ของทั้ง 2 คนที่ออกมาบอกว่าตัวเองตกเป็นผู้เสียหาย ไม่ได้ร้ายแรงขนาดที่เป็นข่าว สาเหตุที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากแฟนสาวถูกท้าทาย และถูกดูถูกก่อน จึงทำให้รู้สึกโกรธ โมโห ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเจ้าแม่เงินกู้ หรือผู้มีอิทธิพลส่งชายฉกรรจ์ไปรุมดักตามที่ถูกกล่าวหา เพราะบ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตหรือรวยล้นฟ้าเลย ยอมรับว่าที่บ้านทำธุรกิจแชร์จริง แต่ไม่ได้เป็นเจ้าแม่เงินกู้ ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล

นายจิรายุทธ เล่าว่า เหตุการณ์ของอาร์ม ผู้เสียหายที่เป็นผู้ชาย ก่อนเกิดเหตุนายอาร์มโพสต์ขายกระเป๋าแบรนเนม 3 ใบ รวมราคา 80,000 บาท และได้ทักมาหาแฟนสาวว่า "เอากระเป๋าไหม" แต่แฟนสาวไม่ได้ซื้อ เพราะมีอยู่แล้ว ประกอบกับได้บอกไปว่าดูจากสภาพกระเป๋าราคาคงไม่ถึง 80,000 บาท นายอาร์มก็ถามอีกว่าจะให้ราคาเท่าไร แต่แฟนสาวก็ไม่ได้ตอบ จากนั้นอีกฝ่ายก็โพสต์เฟซบุ๊กแขวะเเฟนสาวตนว่า "คนจริง ไม่พูดเยอะ 3 ใบจบไป 9 หมื่น" อารมณ์เหมือนประชด แฟนสาวจึงรู้สึกไม่พอใจ ได้เข้าไปคอมเมนต์ในโพสต์ว่า "ช่วยเอาเงินมาใช้หนี้ 1,000 บาทด้วย จะเอาไปซื้อข้าวให้หมากิน"

จากนั้นแฟนสาวและอาร์มจึงมีปัญหาโต้คารมกันผ่านเฟซบุ๊กอยู่ตลอด ก่อนจะมาว่าแฟนสาวว่า "คนอย่างมึงหรอ จะมีปัญญาทำอะไรกู" ทำให้แฟนสาวยิ่งรู้สึกโกรธ จึงเรียกให้นายอาร์มมาเคลียร์ แต่ก็ไม่ยอมเข้ามา กระทั่งวันเกิดเหตุอาร์มได้เข้ามาที่บ้านเองช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ไม่ได้มีใครไปบังคับข่มขู่หรือรุม ไม่ได้ทำให้เจ็บตัวด้วย แต่ยอมรับว่าแฟนสาวได้นำผ้าขนหนูมารอง และฉี่ใส่ตามร่างกายของอีกฝ่ายจริง ก่อนจะโยนเงิน 1,000 บาทให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังรับเงินไป และคิดว่าเรื่องจะจบไปแล้ว

ส่วนกรณีของ "ปั้ป" เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ปั๊ปเป็นเพื่อน และเคยเป็นเลขาของแฟนสาวมานานกว่า 4 ปี เคยถูกโกงมาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรก 1 แสน,ครั้งที่ 2 อีก 1 แสน และครั้งที่ 3 หลายหมื่น และยังชอบมาพูดจาเอาดีเข้าตัว ท้าทายแฟนสาวว่า "อย่างอีข้าว จะมีปัญญาไปฟ้องใคร" ทำให้แฟนสาวไม่พอใจ ก่อนบุกไปที่ตลาด และไปล็อกคอปั๊ป พร้อมเอาโทรศัพท์เคาะหัว และเหยียบคอ บังคับให้อีกฝ่ายก้มกราบเท้า โดยตอนนี้แฟนสาวเสียใจมาก เพราะแฟนสาวดูแลทั้ง 2 คนมานานกว่า 4 ปี และคาดว่าทั้งคู่เป็นหมากของบุคคลที่ 3 ที่มีปัญหาเรื่องเท้าแชร์ ก่อนถูกให้ไปแจ้งความ