กรณี "แตงโม" พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี ขณะกำลังล่องเรือกับเพื่อนรวม 6 คนนั้น
วันที่ 10 มี.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่วัดเขมา จังหวัดนนทบุรี ตามเบาะแสของลุงตกกุ้งบริเวณใกล้กับสะพานพระราม 7 ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ที่ให้เบาะแสกับทีมข่าวว่ามีกลุ่มพรรคพวกที่ขับเรืออยู่บริเวณวัดดังกล่าว ได้ยินเสียงคนในเรือทะเลาะกัน
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสะพานพระราม 7 เวลาประมาณ 22.17 น. ของกล้อง ซึ่งช้ากว่าเวลาจริง 13 นาที เห็นเรือสปีดโบ๊ตของแตงโม เรียบติดกับฝั่งพระนคร ฝั่งใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม วิ่งจากสะพานพระราม 7 ไปยังนนทบุรี กลับจากการถ่ายรูป ก่อนที่จะไปผ่านกล้องวงจรปิดของเรือ และกล้องวงจรปิดของตำรวจล่าสุดที่เห็นมุมสูง เวลาประมาณ 22.36 น. ของกล้อง เห็นเรือลากขนแร่และพืชเกษตร แล่นมุ่งหน้าสะพานพระราม 7 เป็นเรือลำที่สวนกับเรือของแตงโมตามที่เกิดเหตุ แต่กล้องวงจรปิดมุมนี้จะไม่เห็นตอนสวนกัน
ทีมข่าวได้มีการตรวจสอบช่วงเวลาหลังจากที่เรือของแตงโมแล่นผ่าน จนกระทั่งหลังจากที่เรือลากผ่านสะพานพระราม 7 ปรากฏว่าไม่มีเรือสปีดโบ๊ตหรือเรือลำอื่นสัญจรในช่วงเวลาดังกล่าว กล้องวงจรปิดเวลา 22.43 น. ซึ่งห่างจากเรือนางสาวแตงโมประมาณ 27 นาที เพราะเรือลากผ่านเรือของนางสาวแตงโมบริเวณใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม กว่าจะมาถึงสะพานพระราม 7 และไปสวนกับเรือของสปีดโบ๊ตลำต้องสงสัย ใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน เพราะวิ่งด้วยความเร็วเพียงแค่ 2-3 น็อตเท่านั้น
โดยจากภาพกล้องวงจรปิดดังกล่าว ทีมข่าวได้มีการตรวจสอบเรือสปีดโบ๊ตที่ขับผ่านในช่วงเวลาที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเกี่ยวข้องกับคดีของแตงโม โดยทราบเป็นข้อมูลว่า เป็นเรือกู้ภัยของโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งในเรือได้มีทีมอาสาและพยาบาลที่กำลังมุ่งหน้าไปปฏิบัติหน้าที่เคสอื่น แต่มีการขับผ่านในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเท่านั้น โดยลักษณะเรือจะเป็นสีเขียว-ขาว มีคนบนเรือ 3 คน ชาย 1 หญิง 1 คน
นายแป้น (นามมมมติ) เปิดเผยว่า ในคืนนั้นเวลาประมาณ 21.30 น. เห็นเรือสปีดโบ๊ตมาจากจังหวัดปทุมธานี มุ่งหน้าไปที่สะพานพระราม 8 ซึ่งในตอนที่มีการขับผ่านจุดที่ตนเองกำลังขับเรืออยู่นั้น ได้ยินเสียงเปิดเพลงดังในเรือ และมีเสียงคนพูดเสียงดังลักษณะทะเลาะกัน เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงผู้ชายส่วนใหญ่ ส่วนผู้หญิงไม่ค่อยได้ยินเสียง ยอมรับว่าไม่สามารถที่จะจับใจความได้ เนื่องจากเรือขับอยู่บริเวณกลางแม่น้ำ ประกอบกับมีการเปิดเครื่องเสียงเสียงดัง ทำให้ไม่รู้ว่ามีการพูดคุยหรือทะเลาะกันเรื่องอะไร เพราะถ้าหากคนส่วนใหญ่มีการพูดคุยกันก็จะไม่มีการใช้น้ำเสียงอย่างที่ตนเองได้ยินอย่างแน่นอน
หลังจากที่เรือของนางสาวแตงโมผ่านไปเวลาประมาณ 21.30 น. ถัดไป หลังช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ตนเองจึงจะเริ่มทราบว่ามีคนตกน้ำ เนื่องจากเริ่มมีเรือเข้ามาขับวน ประกอบกับเรือสปีดโบ๊ตเริ่มมีลักษณะขับวนเหมือนหาอะไรบางอย่าง และมีการปิดเครื่องเสียงภายในเรือ โดยการขับตั้งแต่สะพานพระราม 7 มาแถววัดลุ่มและวัดปากน้ำ ก่อนที่จะขึ้นไปขับรถออกไป เป็นการขับขึ้นลงหลายรอบ
ส่วนตัวตั้งข้อสมมติฐานตามภาพกล้องวงจรปิดล่าสุดที่ตำรวจนำมาเปิดเผย ซึ่งก่อนหน้าก็เคยคิดเอาไว้ก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะตรงตามภาพกล้องวงจรปิดล่าสุด โดยสภาพบาดแผลที่เจอในตัวของแตงโม โดยเฉพาะรอยแผลลึกยาวที่ต้นขา ตนเองมองว่าไม่ได้เกิดจากการตกเรือในรอบแรก โดยลักษณะเรือหากมีการแล่นผ่านไป ไม่ได้มีการจอด เวลาที่มีสิ่งของตกท้ายเรือ จะทำให้สิ่งนั้นตกอยู่กับที่และไม่ได้ถูกผลักหรือดูดเข้าหาใบพัดเรือ แต่เรือยังคงวิ่งต่อไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ใบพัดเรือจะทำให้ขาของแตงโมเป็นแผล
ส่วนภาพกล้องวงจรปิด แม้จะเห็นระยะไกล หากแตงโมตกเรือก่อน เกิดได้จากเรือขับวนหลายรอบและมีการทับร่าง ทำให้ฟินอยู่ด้านใต้เรือ มีการเฉือนเข้าที่ต้นขา ฉะนั้นการที่ขับวนค้นหาภายใต้ของความมืด จึงมองไม่เห็นว่าในระหว่างที่แล่นเรือผ่านนั้นจะมีการทับอะไรหรือไม่ ในฐานะที่ตนเองเป็นคนขับเรืออยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา พบเห็นคนตกน้ำหลายรูปแบบ การตกน้ำในลักษณะตกเรือของแตงโมไม่สามารถที่จะจมโดยทันที หลังจากตกลงไปแล้วจะโผล่ขึ้นมาอยู่เหนือน้ำซักระยะ จนกว่าจะหมดแรงในการว่ายน้ำ หรือได้รับบาดเจ็บ จึงจะทำให้ร่างค่อย ๆ จมลงไป
ตนตั้งข้อสังเกตกรณีที่อาสากู้ภัย ได้มีการออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับฟันของนางสาวแตงโมที่หัก ตนเองบอกว่าไม่ได้เกิดจากการถูกเรือกระแทก เพราะถ้าหากเรือกระแทกหรือชนอย่างจัง ใบหน้าและกะโหลกศีรษะก็จะต้องแตกยุบ ไม่ใช่เพียงแค่ฟันหักเท่านั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้กรณีที่พัดตกจากเรือและหน้าบางส่วนไปฟาดกับกราบเรือ หรืออาจมีความเป็นไปได้ตามข้อสมมติฐานที่อาจจะมีการทำร้ายร่างกายกันก่อนที่จะตกเรือหรือไม่
Advertisement