กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความ "วันนี้เราไปกินคิมบับที่บิ๊กซีแทบอ้วกพุ่ง เพราะคนขายร้านนี้เอาที่ม้วนซูชิที่ขึ้นราจนดำแทบจะเต็มทั้งแผ่น แล้วมาทำให้ลูกค้ากิน ซึ่งตาเราไปเห็นจึงได้ตำหนิไปว่า อย่าไปทำให้คนอื่นเค้ากินต่ออีก เราจึงแนะนำให้เขาเอาไปทิ้ง เราไม่ได้ต่อว่าอะไรเค้าเลย แต่เราตำหนิในมุมที่ว่า เราก็รับไม่ได้ที่ทางร้านใช้อุปกรณ์สกปรกเช่นนี้มาทำให้เราทาน ถ้าเราไม่เห็นก่อน เค้าจะไปทำให้ลูกค้าคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้หรอคะ และร้านนี้ยังยืนกรานอีกว่าไม่ได้ทำสกปรกขนาดนั้น แต่ที่เห็นคือราขึ้นดำเกือบทั้งผืน ? ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ ขอไปอ้วกแป๊บ #ไก่ทอดเกาหลี"
ล่าสุดวันที่ 8 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนางสาวนิรมล สีคำ อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.65) ตนไปเดินตลาดก่อนจะเห็นร้านไก่ทอดเกาหลีตกแต่งร้านน่ากินมาก ๆ และร้านก็สวยดูดี จึงสั่งซื้อไก่ทอด แต่ทางร้านยังไม่พร้อมเสริฟเมนูนี้ ตนจึงสั่งคิมบัมอันใหญ่ 2 แท่ง และน้ำเปล่า 1 ขวด นั่งทานที่ร้าน พอทาเสร็จเดินไปจ่ายเงิน 114 บาท ตนเห็นเสื่อที่ใช้ห่อข้าวสภาพขึ้นรา จึงรับไม่ได้ และให้พนักงานเปลี่ยน แต่ร้านอ้างว่าใช้มาแค่ 3 สัปดาห์ ตนจึงถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าของร้านมาคุยและฉีดแอลกอฮอล์โชว์ เป็นการแก้ตัวและไม่ยอมรับผิด
นอกจากนี้ ตนขอให้ร้านทิ้งเสื่อที่ใช้ห่อข้าวดังกล่าว แต่ก็ไม่เห็นจะทิ้ง และคุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งหลังจบคลิปพนักงาน 3 คนมารุมตำหนิตน ร้านได้โอนเงินคืน ตนจึงออกจากร้าน ทั้งนี้ หลังโพสต์คลิป ร้านก็ทักมาขอโทษ เหมือนไม่ได้ตั้งจะขอโทษจริง ๆ และไม่รับผิดในสิ่งที่ทำ ซึ่งตนอยากให้ขอโทษด้วยการเยียวยาความรู้สึก ขอให้ถ่ายคลิปขอโทษลูกค้าที่กินไปก่อนหน้าตนแต่ร้านไม่ทำ ซ้ำยังแนะให้ตนไปตรวจร่างกาย ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่ตนเหตุคือร้านต้องยอมรับ ปรับปรุง และขอโทษจากใจจริง
สำหรับตนเคยทำร้านอาหารมาก่อน ที่บ้านตนก็เคยทำซูชิกิน สิ่งของ เช่น เสื่อห่อซูชิ มีวิธีการทำไม่ให้ขึ้นราได้ คือ เอาไปแช่น้ำมันร้อน ๆ ก่อน และใช้สัปดาห์เดียวก็ทิ้ง แต่ถ้าเป็นเสื่อคุณภาพดี ระยะใช้งานก็จะนานมากกว่านี้ กรณีนี้ตนเชื่อว่าร้านไม่รับผิดที่ทำต่อลูกค้าแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้มีร้านอาหารหลายร้าน ตนอยากแนะนำว่าหากเราเป็นผู้บริโภคก็เลือกให้ดี ไม่มีทางรู้หรือเห็นขั้นตอนการทำทั้งหมด ส่วนร้านอาหารก็ควรคำนึงถึงความสะอาดด้วย
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้เดินทางไปร้านดังกล่าว พบเป็นร้านเช่าในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง โดยจะเปิดให้บริการเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ในเช้าวันนี้จึงยังไม่พบแม่ค้าเข้ามาเปิดร้านแต่อย่างใด
ทีมข่าวเดินทางมาที่ร้านซูชิดังกล่าว พบเป็นร้านที่เน้นขายอาหารเกาหลี แบ่งโซนครัว กับโซนนั่งทานอาหารแยกกัน บริเวณร้านดูสะอาด แต่เมื่อทีมข่าวส่องเข้าไปในร้านโซนทำครัวจุดประกอบอาหาร โดยเฉพาะการทอด พบผ้าใบสีใสมีคราบน้ำมันขึ้นราดำเป็นจุด ๆจึงไม่ชัดเจนว่าจุดนี้จำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยหรือไม่ หรือเป็นธรรมดาของร้านอาหาร
จากการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่เป็นประเด็นดราม่า ร้านสาขาดังกล่าวโพสต์ชี้แจงในแฟนเพจเฟซบุ๊กว่า “ทางร้านขอปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...ทางร้านไม่ได้นิ่งนอนใจและขอใช้โอกาสนี้แก้ไขและปรับปรุงต่อไป ทางร้านน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทุกประการ ขอให้ทางร้านได้ปรับปรุงแก้ไขแล้วพบกันในรูปแบบใหม่ ขออภัยมา ณ โอกาสนี้”
ทีมข่าวจึงติดต่อไปที่เจ้าของร้าน ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้กำลังปรับปรุงร้าน โดยเฉพาะจุดที่ยังไม่ดี จะรีบปรับปรุงแก้ไข ก่อนปรึกษาหุ้นส่วนว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากมีหลายสาขาที่ได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ยืนยันจะกลับมาในรูปแบบที่ดีกว่าเดิมในเร็ว ๆ นี้
ดังนั้น ร้านไม่ขอเป็นน้ำมันราดใส่ไฟ แต่ขอยอมตกเป็นจำเลยสังคมไปก่อน ยอมกฎหมู่ไปก่อน และหันมาโฟกัสที่ร้านเพื่อแก้ไขการให้บริการ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการออกมาสื่อสารเพื่อแก้ตัว และหากร้านปรับปรุงเรียบร้อยจะแถลงแจ้งให้สื่อมวลชนทราบทันที
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางโศรยา เทวิลทรภักติ อายุ 57 ปี แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ เปิดเผยว่า ตนขายอาหารที่นี่มา 7 ปี ตั้งแต่ยังไม่มีร้านอาหารมากมายเท่านี้ ส่วนร้านอาหารเกาหลีดังกล่าวเพิ่งขายได้แค่ 2 ปี ที่ผ่ามามีปัญหากับร้านข้างเคียง เรื่องความสะอาด ปล่อยน้ำ เหม็น จึงร้องเรียนไปที่เจ้าของตลาด
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่เห็นว่าเขาทะเลาะกัน แต่เพื่อนแม่ค้ามาเล่าให้ฟัง ตนมองว่าถ้าเป็นตนจะยอมรับผิดทันที พร้อมขอโทษลูกค้าก่อน ดังนั้นถ้าไม่สะอาดก็ต้องยอมรับ สิ่งสำคัญคือตรวจอุปกรณ์ในร้านให้สะอาด และต่อไปต้องระมัดระวัง และทำให้ลูกค้ามั่นใจประทับใจการให้บริการอย่างดีที่สุด
Advertisement