กรณีพ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิวัฒน์ จิระชีวี อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทปราการ กระทำผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ชิงทรัพย์ในเคหะสถาน โดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยที่ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยใช้อาวุธ
ล่าสุดวันที่ 16 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นห้องพักสูง 5 ชั้น ตั้งอยู่ภายในซอยเทพารักษ์ 76 โดยห้องที่เกิดเหตุ หมายเลข 105 สามารถเดินเข้าออกได้แบบไม่มีระบบป้องกัน
จากนั้นทีมข่าวมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนางสาวกิ่งฟ้า (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดเมื่อช่วง 07.00 น. ของวันที่ 13 มกราคม 65 โดยนายอภิวัฒน์ ได้มาเคาะประตูห้อง ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นลูกชายเดินทางมาหา เนื่องจากลูกชายมีพฤติกรรมเคาะประตูแล้วเล่นซ่อนแอบกับตน
ในช่วงเวลาเช้า ตนไม่ได้ใส่เสื้อผ้านอน จึงนุ่งกระโจมอกออกมาเปิดประตู ทันทีที่เปิดประตูเห็นนายอภิวัฒน์ พุ่งเข้ามาพร้อมกับผลักตนเข้าไปในห้อง จากนั้นชักอาวุธมีดปลายแหลมออกมา แล้วถามว่า "เห็นมั้ยว่าถืออะไร? กลัวมั้ย?" จากนั้นก็ผลักตนลงที่นอน พร้อมกับใช้มือลวนลามร่างกาย แต่จังหวะนั้นนายอภิวัฒน์ เหลือบไปเห็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้ พร้อมกับพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ ที่วางไว้บนหัวเตียงนอน นายอภิวัฒน์จึงคว้าทรัพย์สินใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายมา
หลังจากนั้น นายอภิวัฒน์ ได้บอกกับตนว่า “ขอทีดิ” หลังจากนั้นนายอภิวัฒน์ สั่งให้ตนเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วห้ามหันหลัง ซึ่งตนได้ยินเสียงปิดประตูห้องดัง แล้วนายอภิวัฒน์ก็หลบหนีไป โดยที่ล็อกกลอนประตูข้างนอกไว้ ไม่ให้ตนออกจากห้องได้ ซึ่งตนก็ออกไปร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านข้างนอกไม่ได้ จึงใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าโทรหาลูกชาย จากนั้นก็ไปแจ้งความ
"ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่าเขาจะใช้อาวุธมีดแทง ก็ยอมรับว่าเคยรู้จักและพูดคุยกันผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เคยขอที่อยู่เพื่อจะมาหากัน ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาหาที่บ้าน ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญจริง ๆ แม้ว่าในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมตัวได้ แต่ก็ยังเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากวันที่มีการชี้ตัวผู้ต้องหา นายอภิวัฒน์บอกว่า กูไม่กลัวหรอก เดี๋ยวพ่อกูก็มาประกันตัว จึงปรึกษากับลูกชายว่าจะย้ายออกจากที่พักเก่า และอยากให้ลงโทษประหารชีวิตไปเลย เพราะเดี๋ยวออกมาก็ทำอีกเหมือนเดิม ถ้าหนักไปจนถึงทำร้ายร่างกายถึงชีวิตจะทำยังไง" ผู้เสียหาย กล่าว
ทีมข่าวมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับ นางประเทือง จิระชีวี อายุ 56 ปี แม่ของผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจหลังทราบข่าวจากตำรวจว่าลูกชายไปก่อเหตุข่มขืนและชิงทรัพย์ เนื่องจากลูกชายเป็นคนที่มีนิสัยเรียบร้อย เงียบ ๆ ไม่เคยก้าวร้าว และไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงิน เพราะก็ยังขอเงินที่บ้านใช้ประจำ ๆ ส่วนอาชีพเขาก็ทำงานในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ส่วนประเด็นเรื่องมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ลูกชายเคยเล่าให้ฟังว่า มีสาวไซด์ไลน์ ทักแชตมาทางเฟซบุ๊กเพื่อขอหลับนอนด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเต็มใจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนก็เคยเตือนลูกชายแล้วว่าให้ระมัดระวัง อย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้ เพราะหากฝ่ายหญิงมีแฟนอยู่แล้ว ก็ไม่ควรไปนัดเจอ ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุ ส่วนการชิงทรัพย์ตนมองว่าลูกชายแค่หยิบของเขามาเฉย ๆ ไม่ได้มีเจตนาขโมย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุตนยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมลูกชาย ทราบมาจากแฟนเขาว่า ลูกชายเครียดมาก ๆ เขาไม่อยากติดคุก ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนยอมรับว่าลูกชายเคยติดยา ส่งบำบัดและรับโทษจนหายดีแล้ว ซึ่งในมุมของผู้หญิงก็ต้องเกิดความเสียหาย ตนจึงอยากขอโทษผู้เสียหายแทนลูกชายด้วย และคงไม่มีเงินไปชดใช้หรือไปประกันลูกชาย เพราะต้องใช้เงินประกันมากถึง 500,000 บาท
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ให้ข้อมูลว่า นายอภิวัฒน์ มีการนัดกับหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งประสงค์ไม่เอาความ เพื่อไปมีเพศสัมพันธ์กันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งภายหลังที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หญิงสาวกำลังอาบน้ำอยู่ นายอภิวัฒน์ได้มีการฉกทรัพย์ 1,000 บาท โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง แล้วหลบหนี
ส่วนอีกเหตุการณ์ ในวันที่ 13 ม.ค.65 ผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ว่า ขณะอยู่ในห้องพักใน ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีชายไม่ทราบชื่อและนามสกุล มาเคาะประตูห้องพัก เข้าใจว่าเป็นลูกชายจึงได้เปิดประตูให้ คนร้ายได้ผลักประตูเข้ามาในห้องพักแล้วใช้อาวุธมีดข่มขู่รื้อค้นเอาทรัพย์สิน จากนั้นคนร้ายได้บังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ แล้วหลบหนีไป
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งกระทำผิดฐาน ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ชิงทรัพย์ในเคหะสถาน โดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยที่ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยใช้อาวุธ และฝากขังตามหมายศาลไปตั้งแต่วานนี้ (15 ม.ค.65)
Advertisement