ตั้งกรวยขวางทางด่วนทำฉุนต่อยตร.ดั้งหัก หนุ่มให้ปากคำแจงอีกมุมถูกปืนขู่ทำร้ายก่อน ลั่นไม่ยอม! (คลิป)
กรณีนายสิทธิโชค ศาลา อายุ 32 ปี ซึ่งมากับพวก 4 คน ลงมือทำร้ายร่างกาย ร.ต.ท.อารัญ ชวานนท์ รองสว.จร.ปฎิบัติหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 1 ในเวลาประมาณ 21.00 น. เป็นเหตุให้ ร.ต.ท.อารัญ จมูกหัก และนิ้วก้อยมือขวาหัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสิทธิโชค ขับรถเก๋ง ทะเบียน ฆท 9587 กรุงเทพมหานคร ชนกรวยยางจราจรระหว่างทางขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครท่าเรือ มุ่งหน้าไปบางนา เวลา 20.00 น. ของวันที่ 27 พฤศจิกายน 64 จนทำให้รถได้รับความเสียหาย จึงพาพวกเข้ามาทวงถามตำรวจ สน.ทางด่วน 1 ว่าทำไมต้องตั้งกรวยยางจราจรระหว่างทางขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครท่าเรือ จนเป็นเหตุทำให้ชนกรวยยางดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 29 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ สน.ทางด่วน 1 จึงได้พบกับ ร.ต.ท.อารัญ จำลองการตั้งกรวยทางขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครท่าเรือ ให้ทีมข่าวดู โดยวันที่ 27 พฤศจิกายน 64 ตำรวจจราจรรับคำสั่งจากวิทยุสั่งการและผู้บังคับบัญชา ให้เร่งระบายรถบนทางพิเศษ ก่อนวางกรวยเป็นแนวยาวบีบให้เหลือ 1 ช่องจราจร เพื่อไม่ให้รถตัดกระแสทางตรง แต่กรวยก็เป็นกรวยยาง อาจจะทำให้รถผู้ก่อเหตุมีรอยขีดข่วน สภาพที่เห็นยังขับขี่ต่อได้
ร.ต.ท.อารัญ เล่าให้ฟังว่า นายสิทธิโชค เข้ามาสอบถามถึงการตั้งกรวยยาง ตนจึงแจ้งว่าตำรวจมีความจำเป็นเพื่อบังคับให้รถที่ขึ้นทางด่วนเหลือ 1 ช่องทางซ้ายสุดในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วยให้การจราจรคล่องตัวและเพื่อไม่ให้รถไปตัดกระแสรถทางตรง อีกทั้งการตั้งกรวยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่ประเมินตลอด 24 ชม.ว่าควรจะตั้งกรวยยางหรือยกออกในช่วงเวลาใด
แต่การเฉี่ยวชนที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงได้แนะนำให้คู่กรณีมาติดต่อกับพนักงานจราจรเพื่อความชัดเจนในช่วงเวลาราชการ แต่กลับกลายเป็นว่าสร้างความไม่พอใจให้กับคู่กรณี จนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวเข้ามาทำร้ายร่างกายตนขณะที่การเจรจายังไม่แล้วเสร็จ
ร.ต.ท.อารัญ กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นฝ่ายทำร้ายร่างกาย หรือชักอาวุธปืนออกมาตามที่คู่กรณีกล่าวอ้างแต่อย่างใด ตนปฏิบัติหน้าที่มานานยาวนานกว่า 10 ปี เจอประชาชนใจร้อน แต่ตำรวจก็ต้องใจเย็น อดทนอดกลั้น และก็ไม่เคยมีเหตุเช่นนี้ ตนอยากอยากบอกคู่กรณีว่าทำอะไรต้องคิดให้มากกว่านี้ และมีสติ
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 ธันวาคม 64 แพทย์รพ.ตำรวจ ได้นัดให้ตนไปติดตามอาการบาดเจ็บบริเวณดั้งจมูก รวมทั้งวางแผนในการถอดเฝือก และใส่เหล็กที่นิ้วก้อย เพื่อไม่ให้ผิดรูปในภายหลัง ส่วนคดีพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งผลการรักษา รวมทั้งกล้องจรปิด และหลักฐานอื่น ๆ จึงจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
หลังจากนั้น นายสิทธิโชค ได้เดินทางเข้าไปให้การต่อพนักงานนานสอบสวนนานกว่า 3 ชม.ตัว ภายจากการให้การเสร็จสิ้นมีสีหน้าเครียด ก่อนจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่า "วันนี้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ในฐานะผู้เสียหาย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.อารัญพร้อมยืนยันว่าถูกทำร้ายก่อน และไม่กังวลกับการมีเรื่องหรือมีคดีกับตำรวจ เพราะต้องว่ากันในเรื่องของพยานนหลักฐาน และมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ที่ผ่านมามีการใช้เส้นทางนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยเห็นมีการตั้งกรวยยาง ส่วนรายละเอียดว่าตำรวจทำหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ ตรงนี้ไม่ขอพูด รวมไปถึงเรื่องใครต่อยใคร หรือใครเอาอาวุธปืนมาข่มขู่ก่อน ผมไม่ขอชี้แจงเพราะเขาก็ทำร้ายผมเหมือนกัน"
จากนั้น นายสิทธิโชค รีบเดินทางออกจากสถานีตำรวจกลับไปด้วยรถจักรยานยนต์ โดยไม่พบว่ามีการนำรถเก๋งคันที่ประสบอุบัติเหตุมาที่โรงพัก
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เปิดเผยว่า ในวันนี้นายสิทธิโชค เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม ในฐานะคู่กรณีที่ทำร้ายร่างกายตำรวจที่หน้าสน.ทางด่วน 1 ในคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน 64 ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีการแจ้งความในข้อทำร้ายร่างกาย จึงอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
Advertisement
