จับโจรใส่สูทฉกพระนับร้อย เฉลยทำไมต้องถูพื้น อึ้งย่องเบาจนคนไม่ได้ยิน (คลิป)

กรณีโจรขึ้นบ้านชายชราวัย​ 82 ปี​ ในหมู่ 3 ตำบลศาลาแดง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง​ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้าย​ได้​ เป็นชายรูปร่างผอม สวมเสื้อสีดำคล้ายชุดสูท ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้า งัดหน้าต่างชั้น 2 เข้ามาภายในบ้าน ทำทีเดินไปมาสำรวจทั่วบริเวณบ้าน แล้วไปแอบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านนานกว่า 3 ชั่วโมง พอสบโอกาสจึงเข้าไปขโมยพระเครื่องกว่า 1,000 องค์ รวมทั้งนาฬิกาดิจิตอล 2 เรือน​ก่อนจะหลบหนี ขณะที่ก่อเหตุนั้นก็มีคนอยู่ในบ้าน ​แต่ไม่มีใครทราบเรื่อง​ โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่​ 2 พฤศจิกายน​ 64

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อมรินทร์ทีวี ทุ่ม 330 ล้าน ! สร้างตึกใหม่ ย้ายสตูดิโอข่าว อลังการซีจี

จับแล้ว! แชมป์ยิงปืนหลานคนดังยิงฝรั่งดับคาถนน เผยปมบีบแตรดัง ยัวะโดนทุบรถก่อน (คลิป)

เฒ่าเมาแอ๋แทงเพื่อนบ้านดับ สร่างอ้างจำไม่ได้ ชาวบ้านผวาเจอมีดขู่รีดเงินอึ้งฆ่า 2 ศพ (คลิป)

กระทั่งวันที่ 10 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ​ พบนายสุขสำราญ เตรียมวิจารณ์กุล อายุ 82 ปี เจ้าของบ้าน เล่าให้ฟังว่า ในวันที่​ 3 พฤศจิกายน​ 64 ตอนเช้ามืดขึ้นไปไหว้พระที่ห้องพระ​ก็พบว่าข้าวของภายในห้องพระกระจัดกระจายทั้งหมด และพบว่าพระเครื่องที่เก็บไว้กว่าพันองค์หายไปยกกล่อง ซึ่งสะสมไว้กะว่าจะใช้เป็นของชำร่วยแจกในงานศพตัวเอง​ เพราะอายุมากแล้ว​ หูก็ฟังไม่ได้ยิน​ 

โดยพระเครื่องที่หายไป​ หนึ่งในนั้นมีเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง และพระสมเด็จจิตรลดา มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปด้วย และยังมีนาฬิกาดิจิตอล 2 เรือน ที่ชาร์จไว้อยู่ชั้นล่างหน้าทีวีก็หายไปด้วย​ เมื่อไปตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็พบว่ามีโจรย่องเข้ามาในบ้านตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน​ 64 ช่วงเวลา 15.49 น. โดยงัดหน้าต่างห้องนอนเก่าของลูกสาวติดระเบียงหลังบ้านเข้ามา​ จากนั้นย่องเข้าไปรื้อข้าวของทุกห้อง​ มีทั้งหมด​  5 ห้องบนชั้น 2 แต่ไม่มีห้องไหนมีของมีค่า มีเพียงห้องพระห้องเดียว โดยทุกห้องไม่มีการล็อกกุญแจไว้​ เพราะอยู่มากกว่า 50 ปี ไม่เคยถูกโจรขึ้นบ้าน

"ในกล้องวงจรปิด ทำให้เห็นว่าโจรเข้าในไปในห้องพระถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที​ จากนั้นยังลงมาชั้นล่าง​  ซึ่งมีคนอยู่ในบ้าน 3 คน​ มีผลและน้องสาวภรรยา อายุ 78 ปี ตอนนั้นภรรยากำลังล้างจานพร้อมกับเปิดธรรมะฟังด้วย สวนผมเดินออกไปนั่งที่หน้าบ้าน​ น้องสาวภรรยาก็นอนพักอยู่ในห้องนอน​ โจรใช้เวลาอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้ขโมยนาฬิกาดิจิตอล 2 เรือนที่วางชาร์จไว้อยู่หน้าทีวีไป ก่อนจะกลับขึ้นไปบนชั้น 2 ขนพระออกไปทางหน้าต่างที่นัดเข้ามา ซึ่งกล่องใส่พระยังวางกองอยู่​บนระเบียง​" เจ้าของบ้าน กล่าวให้ฟัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด คนร้ายใช้ระยะเวลาในการก่อเหตุอยู่ในบ้านเกือบ 3 ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น ตน ภรรยา และน้องสาว ก็อยู่ในบ้าน แต่ไม่มีใครได้ยินเสียง เพราะคนร้ายทำอย่างระมัดระวัง​ อีกทั้งคนในบ้านทุกคนมีอายุมากกันหมด หูฟังไม่ได้ยิน​ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่โจรเข้าบ้านโดยเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว ตนอยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ เพราะกลัวว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาขโมยซ้ำอีก​ บ้านหลังนี้อยู่กัน 3 คน มีแต่ผู้สูงอายุ​ ส่วนตอนนี้ก็ได้จ้างช่าง​มาซ่อมประตูหน้าต่างปิดให้มิดชิด และนำกุญแจมาล็อกประตูห้องไว้ทุกห้อง

นอกจากนี้ ที่สำคัญคนร้ายใช้ไม้ม็อบถูพื้นทำความสะอาดพื้นด้านบนบ้านชั้น 2 ก่อนที่จะหนีไป เพื่อทำลายหลักฐาน ทั้งนี้ตำรวจสามารถนำตัวคนร้ายมาได้ ตนก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใช่ก่อเหตุจริงหรือไม่ เพราะไม่อยากจะปรักปรำใคร แต่สิ่งของที่ได้กลับคืนมาส่วนใหญ่เป็นของตนทั้งนั้น แต่หากสรุปแล้วชายคนนี้เป็นคนร้ายจริง ตนก็จะไม่ให้อภัย ขอปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย

ล่าสุดวันที่ 11 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง สามารถควบคุมตัวนายพงษ์เทพ หาญกิจ อายุ 35 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านใกล้ที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยของกลางเป็นพระเครื่องจำนวนมาก สร้อยทองคำและทรัพย์สินอื่น ๆ รวมถึงผ้าเช็ดหน้าที่มีลักษณะคล้ายกับผ้าที่คนร้ายใช้คลุมศีรษะ มาสอบสวนที่ สภ.เมืองอ่างทอง และประสานเจ้าของบ้าน มาตรวจสอบว่าเป็นพระเครื่องที่หายไปหรือไม่ โดยพบว่าเป็นพระที่ถูกขโมยไปจริง แต่ยังไม่พบพระสมเด็จจิตรลดา และเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยัง สภ.เมืองอ่างทอง โดยนายพงษ์เทพ หาญกิจ อายุ 35 ผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ที่ห้องสอบสวน ทีมข่าวพยายามเข้าสอบถาม แต่นายพงษ์เทพ ปฏิเสธว่าไม่ใช่คนขโมยพระเครื่องดังกล่าว แต่พระเครื่องมีเพื่อนชื่อเก๋ นำมาฝากขาย ส่วนสร้อยคอและทรัพย์สินอื่น ๆ เป็นของน้องสาว

นายพงษ์เทพ กล่าวด้วยว่า ตนเพิ่งย้ายมาอยู่กับน้องสาวได้แค่ 1 เดือน ไม่เคยรู้จักบ้านของผู้เสียหาย และไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ปกติตนก็เป็นนักสะสมพระเครื่อง ส่วนผ้าเช็ดหน้าก็ขอยืนยันว่าเป็นของตนจริง แต่หากผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าวนั้นไปตรงกับคนร้ายในคลิปวงจรปิด ก็รู้สึกเสียหายเช่นกัน เพราะตนยืนยันว่าไม่ได้ขโมยพระ ทั้งนี้ ตนจะขอสู้ในชั้นศาลต่อไป

ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายพงษ์เทพ ซึ่งห่างจากบ้านของนายสุขสำราญ เพียงแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น พบว่าบริเวณหน้าบ้านมีประตูรั้วกั้นด้านนอกไว้ ห้ามบุคคลภายนอกเข้า จึงได้พบกับนางเจี๊ยบ (นามสมมติ) น้องสาวของผู้ต้องสงสัย กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุคือวันที่ 2 พฤศจิกายน 64 ช่วงเวลาค่ำ จู่ ๆ พี่ชายได้นำพระเครื่องมาให้ตน 1 องค์ และสามีของตนอีก 1 องค์ เพื่อไม่ให้ตนถามไถ่อะไรมาก

เวลาผ่านไป ตนทราบข่าวว่าเพื่อนบ้านพระเครื่องหาย จึงนำไปให้ทางตำรวจตรวจสอบดู โดยตำรวจก็ได้นำไปให้นายสุขสำราญตรวจสอบ จนทราบว่าเป็นพระเครื่องที่หายไปจริง ทำให้ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของตน ก็พบพระเครื่องจากพี่ชายเยอะมาก ตนไม่เคยทราบเลยว่าพี่ชายได้พระเครื่องเหล่านี้มาจากไหน แต่ตนพยายามถามว่าขโมยมาหรือไม่ พี่ชายยังปฏิเสธว่าไม่ได้ขโมย 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.วิชัยนาวิน อนันต์ ผกก.สภ.เมืองอ่างทอง ให้ข้อมูลว่า แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่จากหลักฐานและพยาน เชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ ซึ่งคงต้องสอบสวนขยายผลต่อไป เพราะคาดว่าไม่น่าจะทำคนเดียว ในส่วนของทรัพย์สินทั้งหมดก็ต้องติดตามว่าไปอยู่ที่ใด ซึ่งหากพบว่าผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

คอนเทนต์แนะนำ

ด่านช่องสะงำวุ่น! ชาวกัมพูชาเจราจา จนท.กัมพูชา แต่ถูกไล่ให้ไปที่อื่น

"ภูมิธรรม" โต้ผู้นำเขมร ยันกองทัพ-รัฐบาลมีเสถียรภาพ ขอม็อบอย่าซ้ำเติม

โฆษกก.กลาโหมเขมร โต้ไทย ปมนักปั่นขึ้นปราสาทตาเมือนธม