
5 ความลับจิตวิทยา เลือกของขวัญยังไงให้ครองใจคนรับได้ทันทีที่เห็น สร้างและกระชับความสัมพันธ์ที่สำคัญให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ฤดูกาลแห่งการซื้อของขวัญให้คนสำคัญกำลังจะมาถึงแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "สำหรับบางคน" อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดเช่นกัน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาของขวัญที่เหมาะสมให้ใครสักคนได้อย่างถูกใจผู้รับ หรือเกิดความสับสนมึนงงว่าจะเลือกของขวัญอะไรให้ดี เพราะการเลือกของขวัญที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความรู้สึกขอบคุณ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ที่สำคัญให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แล้วจะเลือกของขวัญอย่างไร ให้คนรับประทับใจและจดจำคุณไปตลอดกาล?
มีบทความงานวิจัยทางจิตวิทยาหลายชิ้น ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการให้ของขวัญที่จะสร้างความสุขให้แก่ผู้รับและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ดังนี้
บางครั้งการให้ของขวัญอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของราคา ยิ่งใช้เงินซื้อของขวัญมากเท่าไหร่ ผู้รับก็จะยิ่งชื่นชอบมากขึ้นเท่านั้น แต่เปล่าเลย เรื่องนี้อาจไม่ได้สำคัญสำหรับใครบางคน เพราะมีบทความวิจัยชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่สำคัญกว่าคือประโยชน์ใช้สอยของของขวัญ
บทความวิจัยว่าด้วยเรื่องของขวัญแห่งความใกล้ชิดทางจิตใจ จาก SoYon Rim และคณะ ที่ได้ทำการทดลองต่อเนื่องเพื่อดูว่าผู้รับของขวัญรู้สึกใกล้ชิดกับผู้ให้ของขวัญมากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือเพื่อนสนิท หลังจากได้รับของขวัญที่ดึงดูดใจเทียบกับของขวัญที่ใช้งานได้จริง ประเภทของของขวัญที่พิจารณาในการทดลอง ได้แก่ ปากกาคุณภาพสูงที่ค่อนข้างหนักและไม่สะดวกในการใช้งาน หรือบัตรกำนัลร้านอาหารยอดนิยมแต่ไกลบ้าน ในบางกรณี ผู้เข้าร่วมจำของขวัญที่พวกเขาได้รับจริงได้ ในขณะที่บางกรณี พวกเขาจินตนาการถึงการได้รับของขวัญดังกล่าว ผลการวิจัยพบว่า ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับคนที่ให้ของขวัญที่ใช้งานได้จริงมากกว่าของขวัญที่ดูหรูหรากว่า การให้ของขวัญราคาแพงไม่ใช่หนทางที่จะเข้าถึงหัวใจของใครบางคนเสมอไป แม้ดูเหมือนว่าราคาของของขวัญจะมีผลต่อความใกล้ชิด แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
หลายคนอาจเคยเห็นคอนเทนต์คนทิ้งของขวัญที่ได้รับภายในวันเดียว นั่นเป็นเพราะว่าผู้ให้มัวแต่คาดหวังความตื่นเต้นของผู้รับตอนเปิดของขวัญ จนละเลยความสำคัญของการเลือกของขวัญที่จะสร้างความสุขในระยะยาว
บทความวิจัย โดย อเดลล์ เอ็กซ์ หยาง และ โอเลก อูร์มินสกี ได้ศึกษาการคาดการณ์ปฏิกิริยาของผู้อื่นต่อของขวัญมีผลต่อการเลือกของขวัญในสถานการณ์ต่างๆ อย่างไร ในทุกกรณี ผู้ให้มักเลือกของขวัญโดยพิจารณาจากว่าของขวัญนั้นจะทำให้ผู้รับประทับใจหรือไม่ มากกว่าที่จะคิดถึงความสุขในระยะยาว และผลการวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเลือกของขวัญ เราควรระมัดระวังอย่าเน้นแค่การสร้างความประทับใจทางอารมณ์ในครั้งแรก แต่ควรเน้นไปที่การเลือกของขวัญที่ให้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า
คุณอาจคิดว่าของขวัญเซอร์ไพรส์ จะทำให้เพื่อนและครอบครัวของคุณประทับใจ แต่จากผลการวิจัยในทางตรงกันข้าม ยังมีกลุ่มคนที่ชอบรับของขวัญที่พวกเขาขอมากกว่าให้ด้วยความเซอร์ไพรส์ ซึ่งตรงตามหัวข้องานวิจัยของ Morgan K. Ward และ Susan M. Broniarczyk ที่ว่า พวกเขารู้สึกสนิทสนมกับผู้รับมากพอที่จะไม่ต้องรอให้ผู้รับบอกว่าควรซื้อของขวัญอะไรให้ แต่โชคร้ายที่การเดาใจแบบนั้นอาจผิดพลาดได้ในบางครั้ง และบางทีการเคารพคำขอของผู้อื่นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ผู้คนมักมีความสุขมากขึ้น เมื่อได้รับของขวัญที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์มากกว่าของขวัญที่เป็นวัตถุ แต่การให้ของขวัญที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์นั้นอาจขึ้นอยู่กับบริบทและความเหมาะสม
บทความวารสารจาก โจเซฟ เค กู๊ดแมน และ ซาร่าห์ ลิม พบว่า เมื่อคุณไม่ได้รู้สึกสนิทสนมกับผู้รับมากนัก คุณมักจะเลือกของขวัญที่เป็นวัตถุมากกว่า การทำเช่นนั้นช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกของขวัญให้แบบผิดๆ เพราะการเลือกประสบการณ์ให้ใครสักคนนั้นมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า และบ่งบอกถึงความใกล้ชิดที่มากกว่า แต่สำหรับคนที่คุณรัก การเลือกประสบการณ์ที่พิเศษกว่านั้นอาจทำให้คุณสนิทสนมกันมากขึ้นไปอีก นักวิจัยพบว่าการมีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น นำมาซึ่งความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้นแก่ผู้เข้าร่วม ซึ่งอาจเป็นเพราะประสบการณ์ประเภทนี้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้มากกว่า
แน่นอนว่าประสบการณ์ในการทดลองนี้ไม่ใช่ของขวัญ และเป็นประสบการณ์ร่วมกันซึ่งอาจเพิ่มความสนิทสนมได้มากกว่าประสบการณ์ที่ไม่ได้แบ่งปันกัน อย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบเหล่านี้สอดคล้องกับการศึกษาอื่นๆ ที่พบว่าความแปลกใหม่มีประโยชน์ในความสัมพันธ์ที่จริงจัง และอาจเป็นข้อมูลว่าควรทำอย่างไรให้ของขวัญที่เป็นประสบการณ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
คุณอาจจะแปลกใจที่รู้ว่าการให้ของขวัญไม่ได้เป็นเรื่องดีเสมอไป ผู้รับที่เชื่อว่าเจตนาของผู้ให้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ จะไม่รู้สึกยินดีหรือซาบซึ้งใจต่อผู้ให้มากนัก แม้แต่ของขวัญที่สวยงามก็อาจไม่ทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจ
แน่นอนว่า ผู้ให้ไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ทำให้การแลกเปลี่ยนของขวัญเป็นไปในทางบวก ผู้รับก็มีบทบาทเช่นกัน ในแง่ของความเต็มใจที่จะรับของขวัญและไม่ทำให้ผู้ให้เสียความสุขจากการให้
ผลการศึกษาพบว่า ความเต็มใจที่จะรับของขวัญอาจสำคัญต่อความสุขของผู้รับมากกว่ามูลค่าของของขวัญหรือการรับรู้เจตนาของผู้ให้เสียอีก
ในฐานะผู้ให้ เราควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจตนาของเราบริสุทธิ์ และเรากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้แน่ใจว่าของขวัญนั้นเป็นที่ต้องการ แม้ว่าเรื่องนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในครอบครัวที่มีประเพณีการให้ของขวัญ แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาหากเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน และสำหรับผู้รับก็หมายความว่าต้องเปิดใจรับความสุขจากการได้รับด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทริกเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่อ้างอิงมาจากบทความงานวิจัย สิ่งสำคัญของการเป็นผู้ให้ของขวัญใครสักคน อยู่ที่ "ความตั้งใจ" และ "ความรู้สึกที่มอบให้" ส่วนผู้รับควรชื่นชมเจตนาดีของผู้ให้ แม้ว่าของขวัญอาจจะไม่ตรงใจ 100% ก็ตาม
Advertisement