เปิดตำนาน เทศกาลไหว้พระจันทร์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 3,000 ปี เทศกาลนี้ไม่ได้เฉลิมฉลองแค่ที่จีน แต่ยังมีการเฉลิมฉลองในประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้ง ญี่ปุ่น, เกาหลี, เวียดนาม, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ
เทศกาลไหว้พระจันทร์มีประวัติยาวนานกว่า 3,000 ปี ในอดีตเป็นพิธีบูชาของราชวงศ์ที่เกี่ยวข้องกับการ "บูชาดวงจันทร์" และ "กิจกรรมทางการเกษตร" ผู้คนจะไหว้พระจันทร์เพื่อ ขอบคุณสำหรับการเก็บเกี่ยว และเพื่ออธิษฐานขอให้ "แสงสว่างที่ช่วยในการเก็บเกี่ยว" กลับมาอีกครั้งในปีหน้า
การเปลี่ยนแปลงของข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์เป็นตัวกำหนดตารางการทำเกษตรกรรม ดังนั้นผู้คนจึงเชื่อว่าการบูชาดวงจันทร์จะนำมาซึ่งการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์
ในยุคปัจจุบันแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะมีอาหารเพียงพอแล้วแต่เทศกาลไหว้พระจันทร์ยังคงมีความสำคัญ เนื่องจาก พระจันทร์เต็มดวงในช่วงเทศกาลเป็นสัญลักษณ์ของการ รวมญาติในครอบครัว เมื่อเวลาผ่านไปเทศกาลนี้ได้พัฒนาและมีความหมายเพิ่มเติม รวมถึงการอธิษฐานขอพรให้มีสุขภาพที่ดีและความสุขอีกด้วย
เรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพีแห่งดวงจันทร์ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ มี 2 เวอร์ชั่นที่โด่งดังและได้รับความนิยม
ตำนานที่ 1 : ตำนานเล่าว่า "ฉางเอ๋อ" เป็นสตรีที่งดงามและจิตใจดี ส่วนสามีของเธอ "โฮ่วอี้" เป็นนักยิงธนูที่เก่งกาจ
ย้อนไปเมื่อหลายพันปีก่อน ในช่วงที่เคยมีดวงอาทิตย์ถึง 10 ดวง โลกไม่สามารถทนทานต่อความร้อนที่แผดเผาได้ เพื่อปกป้องโลก "ยอดนักยิงธนู" อย่าง "โฮ่วอี้" จึงใช้ธนูยิงดวงอาทิตย์ตกลงมาถึง 9 ดวง ทำให้เหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียว
"โฮ่วอี้" ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของโลก และได้รับยาอายุวัฒนะ จาก เจ้าแม่ซีหวางหมู่ (Queen Mother of the West) เป็นรางวัลตอบแทนในการช่วยโลกและผู้คนไว้
แต่ยาอายุวัฒนะนั้นมีเพียงพอสำหรับคนเดียวเท่านั้น และ "โฮ่วอี้" ไม่ต้องการเป็นอมตะโดยปราศจากภรรยาอันเป็นที่รัก ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รับประทานยานั้นทันที แต่ให้ "ฉางเอ๋อ" เก็บรักษาไว้
แต่แล้ววันหนึ่ง ลูกศิษย์คนหนึ่งของโฮ่วอี้ชื่อว่า "ผางเหมิง" พยายามจะขโมยยาอายุวัฒนะในขณะที่ "โฮ่วอี้" ไม่อยู่บ้าน เพื่อปกป้องยานั้นจากคนชั่วร้าย "ฉางเอ๋อ" จึงดื่มยาอายุวัฒนะทั้งหมด จากนั้นเธอก็ ลอยขึ้นไปบนดวงจันทร์ และกลายเป็น "เทพธิดาแห่งดวงจันทร์" โดยทิ้งสามีของเธอไว้เบื้องหลัง
"โฮ่วอี้" เสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับ "ฉางเอ๋อ" เขาได้ตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า และด้วยความประหลาดใจก็พบว่าคืนนั้นดวงจันทร์สว่างไสวอย่างยิ่ง เขาเหลือบไปเห็นเงาร่างที่ไหวระริกซึ่งดูคล้าย "ฉางเอ๋อ" ทุกประการ จากนั้นเขาจึงนำ ผลไม้และขนม ที่ฉางเอ๋อชอบมาจัดวางเพื่อแสดงความรู้สึกคิดถึงภรรยา
ด้วยความซาบซึ้งในรักแท้ของพวกเขา "เจ้าแม่แห่งดวงจันทร์" จึงอนุญาตให้ "ฉางเอ๋อ" ได้กลับมาพบกับ "โฮ่วอี้" ในคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี ซึ่งต่อมากลายเป็น "เทศกาลไหว้พระจันทร์" ผู้คนต่างตั้งตารอคอยการกลับมาพบกันของทั้งคู่ (และการรวมญาติของครอบครัวตนเองด้วย) การบูชาพระจันทร์และการรับประทานขนมไหว้พระจันทร์จึงได้กลายเป็นประเพณีของเทศกาลไหว้พระจันทร์สืบมา
ตำนานที่ 2 : ในอีกฉบับหนึ่งที่เป็นที่นิยมของตำนานนี้ "ฉางเอ๋อ" และสามีของเธอ "โฮ่วอี้" นั้นเดิมเป็น ผู้อมตะที่อาศัยอยู่บนสวรรค์
อยู่มาวันหนึ่ง โอรสทั้งสิบของ "เง็กเซียนฮ่องเต้" ได้แปลงกายเป็นดวงอาทิตย์ทั้ง 10 ดวง ทำให้โลกถูกแผดเผาจนร้อนระอุ
"เง็กเซียนฮ่องเต้" จึงมีรับสั่งให้ "โฮ่วอี้" หยุดยั้งโอรสทั้ง 10 ของพระองค์ไม่ให้ทำลายโลก ดังนั้น "โฮ่วอี้" จึงใช้ธนูยิงโอรสทั้ง 9 ดวงลงมา เหลือไว้เพียงดวงเดียว "เง็กเซียนฮ่องเต้" ทรงเสียพระทัยและกริ้วอย่างมากต่อการสิ้นชีพของโอรสทั้งเก้า จึงลงโทษ "โฮ่วอี้" และ "ฉางเอ๋อ" ด้วยการให้ไปใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนคนธรรมดาบนโลกมนุษย์
ด้วยความทุกข์ใจที่เห็นภรรยาโศกเศร้ากับการกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา "โฮ่วอี้" จึงเดินทางไปเข้าเฝ้า "เจ้าแม่ซีหวางหมู่" และทูลขอ ยาอายุวัฒนะ หนึ่งขวด เจ้าแม่ซีหวางหมู่ทรงเตือนโฮ่วอี้ว่า ยาอายุวัฒนะนี้จะต้อง "แบ่งกัน" รับประทานระหว่างเขากับภรรยา มิเช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถเป็นผู้อมตะร่วมกันได้
เมื่อ "โฮ่วอี้" เดินทางกลับถึงบ้าน เขาได้เก็บขวดยาอายุวัฒนะไว้ในกล่อง และเตือน "ฉางเอ๋อ" ว่าห้ามเปิดกล่องเด็ดขาด ก่อนที่เขาจะต้องออกไปทำธุระเร่งด่วน ด้วยความไม่อาจรอคอยที่จะกลับสวรรค์ได้อีกต่อไป "ฉางเอ๋อ" จึงกลืนยาอายุวัฒนะเข้าไปทั้งขวด เนื่องจากการรับประทานยาเกินขนาด แทนที่เธอจะลอยขึ้นสู่สวรรค์ในหมู่เมฆ เธอกลับลอยขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไป ลงจอดอยู่บนดวงจันทร์แทน
เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือในภาษาจีนเรียกว่า จงชิวเจี๋ย (Zhōngqiū Jié - 中秋节) ยังถูกเรียกอีกชื่อว่า เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ (Mooncake Festival) หรือ เทศกาลดวงจันทร์ (Moon Festival)
เทศกาลไหว้พระจันทร์ ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ในประเทศจีนรองจาก "ตรุษจีน" และเป็น วันหยุดราชการอย่างเป็นทางการ ในปี 2025 นับเป็นวันหยุดราชการ 1 วัน ซึ่งโดยปกติในจีนแผ่นดินใหญ่ ประชาชนมักจะได้ หยุดยาว 3 วัน สำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์
โดยเทศกาลไหว้พระจันทร์ จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมตามปฏิทินสากล (Gregorian calendar) ปีนี้เทศกาลนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม
ในประเทศจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์คือช่วงเวลาแห่งการรวมญาติของครอบครัว คล้ายกับวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการรวมตัวทานอาหารเย็นด้วยกัน ทำพิธีบูชาพระจันทร์ จุดโคมไฟกระดาษ และรับประทานขนมไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์ในประเทศญี่ปุ่นมีชื่อเรียกว่า สึคิมิ (Tsukimi - 月見) หรือ โอสึคิมิ (Otsukimi) ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า "การชมพระจันทร์"
เทศกาลไหว้พระจันทร์ของจีนได้ถูกนำเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 1,000 ปีที่แล้ว และแพร่หลายไปทั่วประเทศ การเฉลิมฉลองเทศกาลนี้จัดขึ้นใน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติสุริยคติแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น (เช่นเดียวกับปฏิทินจีน)
กิจกรรมดั้งเดิม : ในช่วงเทศกาล ชาวเมืองจะสวมใส่ชุดประจำชาติ และแห่ศาลเจ้าไปยังวัด ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาจะทำการจุดธูป เด็ก ๆ จะเก็บต้นอ้อเพื่อนำมาประดับประตูบ้าน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ ความโชคดีและความสุข
1 การบูชาพระจันทร์ : เพื่อแสดงความขอบคุณ
โดยจะมีการถวาย หญ้าแพมพัสของญี่ปุ่น, พืชผล เช่น เผือก (ในช่วงศตวรรษที่ 18 เผือกต้มเป็นของถวายแด่ดวงจันทร์และเทพเจ้าเป็นประจำ และเทศกาลโอสึคิมิ จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ พระจันทร์เผือก) และ สึคิมิดังโกะ (ขนมข้าวปั้นญี่ปุ่น) จัดวางบนแท่นเล็ก ๆ ในระดับพื้นดิน
2 การประดับหลังคาด้วยหญ้าแพมพัส : สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ร่วงและความเชื่อชินโต
ชาวญี่ปุ่นมักจะประดับบ้านของตนด้วยหญ้าแพมพัสญี่ปุ่นก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ หญ้าชนิดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของเทศกาล และเป็นสัญลักษณ์ของการมาถึงของฤดูใบไม้ร่วง ในวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในอดีตหญ้าแพมพัสเคยถูกนำมาใช้ทำหลังคาและเป็นอาหารสัตว์ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า ช่วยปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย โดยปกติแล้วเกษตรกรจะนำมาจัดวางไว้ในแจกันหรือวางไว้ที่บริเวณประตูหน้าบ้าน และยังใช้เป็นเครื่องถวายแด่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ด้วย
3 การถวายเครื่องหอม : เพื่ออธิษฐานขอความสุข
สถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์คือ "ศาลเจ้า" ผู้คนส่วนใหญ่จะสวมใส่ชุดกิโมโน ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ และเดินทางไปศาลเจ้าเพื่อถวายเครื่องหอมพร้อมกับครอบครัวทั้งหมด
ศาลเจ้าเกือบทุกแห่งในญี่ปุ่นจะจัดให้มีการ แสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิมครั้งใหญ่ และศาลเจ้าขนาดใหญ่บางแห่งยังมีการเดินขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่อลังการอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถชมการแสดง เชิดสิงโต ได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านไชน่าทาวน์ที่เมืองโกเบ และ โยโกฮาม่า
เทศกาลไหว้พระจันทร์ ในเกาหลีเรียกว่า ชูซ็อก (Chuseok) จัดขึ้นในวันที่ 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งมักจะตรงกับเดือนกันยายน ในปี 2025 ปีนี้เทศกาลนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม
ชูซ็อกถือเป็นหนึ่งในวันหยุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาหลี และมีการเฉลิมฉลองตามปฏิทินจันทรคติ เทศกาลนี้เปรียบได้กับสิ่งที่ชาวอเมริกันรู้จักกันในชื่อ วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และมีการหยุดยาว 3 วัน
ซงพยอน ถือเป็นจุดเด่นและมีความสำคัญต่อชาวเกาหลีใต้ ไม่ต่างจาก ขนมไหว้พระจันทร์ ของชาวจีน มีรูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ทำจากแป้งข้าวเหนียว มีไส้เป็นถั่วแดงหรือเกาลัด และมักจะถูกส่งมอบเป็นของขวัญระหว่างเพื่อนและญาติ
เทศกาลไหว้พระจันทร์ในเวียดนามมีชื่อเรียกว่า "เต๊ต จรุง ทู" (Têt Trung Thu) เช่นเดียวกับในประเทศจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์ยังคงเป็นเรื่องของการ รวมญาติ และการอธิษฐานขอ ความสุขและความปีติยินดีที่อุดมสมบูรณ์
ในประเทศเวียดนาม เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลที่ เน้นสำหรับเด็กเป็นหลัก และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เทศกาลของเด็ก ๆ" (Children's Festival)
ในปีนี้ เทศกาลไหว้พระจันทร์จะจัดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2025 ซึ่งตรงกับ กลางเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ
เทศกาลนี้ ไม่ได้เป็นวันหยุดราชการ แต่ในหลายพื้นที่ของประเทศจะมีการจัดงานกิจกรรม และการตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลองวันพิเศษนี้ในปฏิทินประจำปี
โดยกิจกรรมหลักได้แก่ การบูชาเทพเจ้าแห่งผืนดิน (God of Earth), การถือโคมรูปปลาคาร์พ และ การชมขบวนแห่เชิดสิงโต
เทศกาลไหว้พระจันทร์ถือเป็นวันสำคัญสำหรับ ชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเทศกาลมาถึง ไชน่าทาวน์ในกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของฟิลิปปินส์ จะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นและคึกคัก
ชาวจีนโพ้นทะเลจะจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล ซึ่งจะกินเวลานานถึง 2 วัน ย่านธุรกิจหลักในชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลจะถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและริ้วผ้าหลากสี ทางแยกหลักและสะพานที่มุ่งหน้าสู่ไชน่าทาวน์ถูกคลุมไปด้วยริ้วผ้าที่พลิ้วไหวอย่างมีสีสัน
ในฐานะประเทศที่ประกอบด้วยชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ สิงคโปร์จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเทศกาลไหว้พระจันทร์มาอย่างยาวนาน
เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะทักทายและ แสดงความขอบคุณต่อกัน ในฐานะเพื่อน ญาติ หรือคู่ค้าทางธุรกิจ พวกเขาจะ มอบขนมไหว้พระจันทร์ ให้กัน เพื่อแสดงความปรารถนาดีและคำอวยพรอย่างมีไมตรี
เทศกาลไหว้พระจันทร์จะตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในแต่ละปี ในปี 2025 เทศกาลไหว้พระจันทร์จะตรงกับ วันที่ 6 ตุลาคม (วันจันทร์)
ประชาชนสามารถเพลิดเพลินกับ โคมไฟจีนแบบดั้งเดิม ที่จัดแสดงในย่านไชน่าทาวน์ เดินชมรอบ Gardens by the Bay เพื่อชมนิทรรศการโคมไฟจีน หรือรับชมการแสดงเรื่องราวตำนาน ฉางเอ๋อ ฉบับดั้งเดิมที่ สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens)
ประเทศมาเลเซียเป็นที่ตั้งของ ชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เทศกาลไหว้พระจันทร์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อ เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลโคมไฟ) จึงเป็นหนึ่งในการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับชาวจีนในมาเลเซีย
เทศกาลไหว้พระจันทร์จะตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในแต่ละปี ในปี 2025 เทศกาลไหว้พระจันทร์จะตรงกับ วันที่ 6 ตุลาคม (วันจันทร์)
เทศกาลไหว้พระจันทร์มีการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวางใน ชุมชนชาวเอเชียอเมริกัน โดย Asian Americans United (AAU) จะจัดขบวนพาเหรดที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นประจำทุกปี ซึ่งรวมกิจกรรมมากมาย เช่น
ใน นครนิวยอร์ก พิพิธภัณฑ์ชาวจีนในอเมริกา (Museum of Chinese in America) จะจัดกิจกรรมทำขนมไหว้พระจันทร์ และกิจกรรมศิลปะและงานฝีมือตลอดช่วงบ่ายเพื่อเฉลิมฉลองทุกปี ในปี 2023 กิจกรรมนี้จะเปิดให้เข้าชมฟรีสำหรับทุกคนในวันที่ 30 กันยายน นอกจากนี้ จะมีการจัด ปาร์ตี้ในธีมพระจันทร์เต็มดวง พร้อมดนตรีเต้นรำและคอนเสิร์ตในวันเสาร์ที่ 23 กันยายน ณ บรูคลิน อีกด้วย
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชาวจีนอพยพมาเมืองไทยครั้งใหญ่ ทำให้เทศกาลไหว้พระจันทร์คึกคักมาก ถึงขั้นตั้งชมรมจันทรเทวีของพวกหญิงจีน แล้วเก็บเงินสมาชิกเอาไปซื้อของไหว้พระจันทร์
การไหว้พระจันทร์ในไทยแต่เดิมไหว้ 3 เวลา คือ
อ้างอิง : chinahighlights , rituals.sac
Advertisement