Otrovert บุคลิกภาพใหม่ ความแตกต่างจาก Introvert/ Extrovert/Ambivert

รู้สึกเหมือนว่าคุณไม่เข้าพวกเลยใช่ไหม? ไม่ใช่ทั้ง Introvert และ Extrovert แล้วยังแตกต่างจาก Ambivert คำว่า "Otrovert" เป็นแนวคิดบุคลิกภาพที่ใหม่ ถูกนำเสนอโดย ดร. รามี คามินสกี (Dr. Rami Kaminski) จิตแพทย์ชาวอเมริกัน และได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศหลายแห่ง บุคลิกภาพที่ถูกนิยามด้วยความรู้สึกว่า "ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง"

Otrovert (ออโทรเวิร์ต) คืออะไร ?

Otrovert ถูกบัญญัติโดย ดร. รามี คามินสกี จิตแพทย์ชาวอเมริกัน โดยมาจากคำนำหน้าภาษา สเปนคือ "otro" ซึ่งแปลว่า "อื่น" หรือ "แตกต่าง" ตรงตามชื่อ

"ออโทรเวิร์ต" เป็นตัวแทนของบุคลิกภาพ "แบบอื่น" ซึ่งเป็นผู้ที่ต่อต้านการถูกจำแนกอย่างเรียบง่ายว่าเป็นคน "อินโทรเวิร์ต" หรือ "เอ็กซ์โทรเวิร์ต"

Introvert และ Otrovert ไม่จำเป็นต้องชอบความสันโดษเสมอไป พวกเขาคือคนที่รู้สึกตื่นเต้นที่จะไปงานเลี้ยง แต่หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง ก็จะแอบออกจากประตูหลังไปอย่างเงียบๆ เพราะเสียงรบกวนเริ่มท่วมท้น

• Otrovert โหยหาความสัมพันธ์แต่เป็นไปตามเงื่อนไขของพวกเขาเอง พวกเขาจะรู้สึกดีในพื้นที่ที่เล็กกว่าและจริงแท้กว่า และมักไม่ชอบการแสดงบทบาทในแง่มุมของการเข้าสังคม

จิตแพทย์ รามี คามินสกี กล่าวว่า Otrovert เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลีกตัวแบบไอริชเลยทีเดียว

Irish Exit (ปลีกตัวแบบไอริช) คืออะไร ?

• วลีนี้หมายถึง การจากไปจากงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์อย่างเงียบๆ โดยไม่บอกลาหรือร่ำลาใคร เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ หรือการต้องสนทนาอำลาที่อาจยืดเยื้อ

วิธีระบุตัวตนของ Otrovert

ขณะที่ศึกษาคนกลุ่มนี้ นักวิจัยสังเกตเห็นว่า มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในการศึกษาบุคลิกภาพที่ไม่ตรงกับหมวดหมู่แบบดั้งเดิมอย่างสม่ำเสมอ ผู้เข้าร่วมเหล่านี้อธิบายตัวเองว่าเป็น "คนนอกทางสังคม"

• พวกเขาเพลิดเพลินกับการสนทนา แต่รู้สึกหมดพลังจากการพูดคุยเล็กน้อยที่ไม่เป็นธรรมชาติ (forced small talk) พวกเขาต้องการความสัมพันธ์ที่มีความหมาย แต่กลับหลีกเลี่ยงพิธีกรรมทางสังคมที่เป็นกระแสหลัก

พูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือ พวกเขารู้สึก "อยู่กึ่งกลาง" , "ไม่ได้ขี้อาย", "ไม่ได้เสียงดัง", แค่... แตกต่าง (other)

นักจิตวิทยาตระหนักว่า นี่ไม่ใช่แค่ แอมบิเวิร์ชัน (ambiversion) (การรักษาสมดุลระหว่างลักษณะของอินโทรเวิร์ตและเอ็กซ์โทรเวิร์ต) แต่เป็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เป็นบุคลิกภาพที่ก่อร่างขึ้นจากความปรารถนาที่จะเข้าพวก แต่ในขณะเดียวกันก็ต่อต้านการทำตามกลุ่ม

ลักษณะของ Otrovert

ออโทรเวิร์ตเป็นคนสนุกสนาน แต่ก็มีวิจารณญาณที่ลึกซึ้ง (insightful) พวกเขาเลือกที่จะเป็นคน เงียบๆ เฝ้ามองอยู่ข้างกำแพง (wallflowers) แต่ก็สามารถเป็น ผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี (social butterflies) ได้เช่นกัน

พวกเขาคือ "นักเข้าสังคมแบบเลือกสรร" ออโทรเวิร์ตไม่ได้ไปร่วมทุกงาน แต่เมื่อไปแล้ว พวกเขาจะเป็นคนที่จุดประกายการสนทนาที่ลึกซึ้งในห้องครัว แทนที่จะเป็นผู้ครองฟลอร์เต้นรำ

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาอาจแสดงทักษะทางสังคมที่แข็งแกร่ง สนุกกับการสนทนาที่ลึกซึ้ง หรือทำงานเป็นทีม แต่ความรู้สึกเป็น "ผู้สังเกตการณ์" ก็ยังคงอยู่

• ลองนึกถึงคนที่อนุญาตให้คุณปีนข้ามกำแพงรอบตัวพวกเขาได้ แต่กลับพบว่าประตูสู่ห้องด้านในนั้นล็อกอยู่!

สำหรับพวกเขา ความรู้สึกเป็นคนนอกไม่ได้เกิดจากความขี้อายหรือความวิตกกังวลเสมอไป แต่มันผุดขึ้นมาจากบางสิ่งที่ "ลึกซึ้งทางด้านการดำรงอยู่" (existential) มากกว่า

Otrovert ชอบความสัมพันธ์มากกว่าฝูงชน แม้จะเป็นที่ชื่นชอบ เป็นที่ยอมรับ หรือเป็นที่นิยม ออโทรเวิร์ตก็ยังกล่าวว่าพวกเขาไม่รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่ออยู่ในกลุ่ม

• พวกเขาเลือกที่จะ ผูกพันกับคนสามคนด้วยเรื่องราวที่แบ่งปันร่วมกัน มากกว่าการสร้างเครือข่ายกับคนแปลกหน้าสามสิบคน

สรุปแก่นของบุคลิกภาพ Otrovert

• ความยืดหยุ่นทางสังคม : พวกเขาสามารถปรับตัวได้ ดูสนุกสนานและมีทักษะทางสังคมที่ดี แต่เลือกที่จะใช้มันอย่างจำกัดและเป็นไปตามเงื่อนไข
• การเป็นผู้สังเกตการณ์ที่เข้าถึงไม่ได้ : แม้จะเปิดเผยตัวตนภายนอกและอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าถึงได้ (เช่น การทำงานร่วมกัน) แต่ก็ยังมี กำแพงทางอารมณ์ หรือความรู้สึกเป็นผู้สังเกตการณ์ที่คงอยู่เสมอ ทำให้คนอื่นไม่สามารถเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงได้
• แรงจูงใจที่ลึกซึ้ง : ความรู้สึกเป็นคนนอกนี้ไม่ได้มาจากความกลัวหรือความไม่มั่นใจ (ขี้อายหรือวิตกกังวล) แต่เป็น ความรู้สึกที่ฝังลึก เกี่ยวกับการเป็นอยู่ (Existential)
• คุณภาพเหนือปริมาณ : พวกเขาให้ความสำคัญกับ ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง (Connection) และความจริงใจในวงจำกัด มากกว่าการเข้าสังคมแบบผิวเผินและวงกว้าง (Crowd)

• พวกเขาเป็น "ขบถโดยเนื้อแท้" แต่บ่มเพาะ "จิตใจที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น" เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับการ "เข้าพวกน้อยกว่า"

ออโทรเวิร์ตจึงมักเต็มใจที่จะ "ตั้งคำถามกับบรรทัดฐาน", "คิดต่างออกไป" หรือสร้างสรรค์ผลงานที่ "ต่อต้านความคาดหวังของคนส่วนใหญ่" อย่างไรก็ตาม ด้วยความเห็นอกเห็นใจ (compassion) พวกเขาก็ยังคง ใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง

• Otrovert เป็นเหมือน ผู้ปรับเปลี่ยนรูปทรงของพลังงาน พวกเขาสามารถสนุกกับพลังงานแบบ Extrovert ได้เป็นพักๆ แต่ก็ยังต้องการเวลาพักผ่อนที่ดูคล้ายกับแบบ Introvert

ความแตกต่างระหว่าง Introvert กับ Otrovert

Introvert (อินโทรเวิร์ต) : ใช้โลกภายใน (inner world) เป็นที่พักพิงจากสิ่งเร้ารอบตัว พวกเขาจะถอยกลับเข้าสู่ตัวเองเพื่อชาร์จพลัง

Otrovert (ออโทรเวิร์ต) : ปัญหาของพวกเขาไม่ใช่การเก็บตัว แต่คือการ รับรู้และตอบสนองต่อโลกภายนอกมากเกินไป (too attuned) พวกเขาจึงไม่สามารถใช้โลกภายในเป็น "ที่หลบภัย" จากสภาพแวดล้อมทางสังคมได้ ต่างจาก Introvert ที่จะปลีกตัวออกจากสังคมเมื่อพลังงานหมด

• Introvert เลือกที่จะไม่สนใจภายนอก แต่ Otrovert ไม่สามารถ เมินเฉยต่อภายนอกได้ แม้ว่าภายในจะรู้สึกแปลกแยกก็ตาม

แตกต่างจาก Ambivert (แอมบิเวิร์ต) อย่างไร ?

เมื่อมองเผินๆ Otrovert อาจฟังดูเหมือน Ambivert ซึ่งเป็นหมวดหมู่ "ที่อยู่กึ่งกลาง" แต่นักวิจัยชี้ให้เห็นว่ามีความแตกต่างที่ละเอียดอ่อน

Ambivert : สามารถปรับเปลี่ยนสลับระหว่างโหมด Introvert และ Extrovert ด้อย่างสบาย โดยขึ้นอยู่กับบริบทในทางกลับกัน

Otrovert : ไม่เคยรู้สึกสบายใจอย่างเต็มที่ในโหมดใดเลย พวกเขามักจะมองว่าตัวเองเป็น "คนนอก" ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เพราะพวกเขา ต่อต้านขนบธรรมเนียมทางสังคม ด้วยตัวของพวกเขาเอง

• เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น Ambivert สามารถเข้ากับทุกที่ได้ (fit in anywhere) ในขณะที่ Otrovert ไม่ต้องการที่จะเข้าพวกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (don't always want to fit in at all)

ทำไมนักจิตวิทยาจึงเห็นความจำเป็นในการบัญญัติคำว่า Otrovert

1. สะท้อนความซับซ้อนของบุคลิกภาพ เพื่อยอมรับว่าบุคลิกภาพของมนุษย์นั้นมีความหลากหลายและไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Introvert หรือ Extrovert เท่านั้น
2. มอบการรับรองความถูกต้อง (Validation) เพื่อตั้งชื่อให้กับประสบการณ์ของผู้ที่รู้สึกแปลกแยกหรือถูกเข้าใจผิดมานาน ทำให้พวกเขารู้สึกว่าอาการที่เป็นอยู่นั้น มีอยู่จริงและสามารถระบุชื่อได้
3. ผลกระทบจากยุคดิจิทัล ในยุคที่สังคมออนไลน์เชิดชูพฤติกรรมแบบ Extrovert (Loud Opinions, Influencer Culture) ทำให้ผู้ที่มีลักษณะสงบเงียบและชอบความจริงใจถูกมองข้าม
4. ความลื่นไหลของอัตลักษณ์ การเติบโตท่ามกลางหลายวัฒนธรรมหรืออัตลักษณ์ที่หลากหลายในยุคปัจจุบัน (Digital/Global Migration) ทำให้ความรู้สึก "ไม่เป็นส่วนหนึ่งโดยสมบูรณ์" นั้นพบได้บ่อยขึ้น

อ้างอิง : afr , timesofindia