ผิวแดง ผิวม่วงคล้ำ วิธีสังเกตผู้ถูกพิษ "ไซยาไนด์" การช่วยเหลืออย่างถูกวิธี ปลอดภัย เตือน! สิ่งห้ามทำเด็ดขาด เสี่ยงได้รับพิษไปด้วย
จากคดีสะเทือนขวัญ ปี 2566 ที่ น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ "แอม" ใช้ สารพิษ ไซยาไนด์ (Cyanide) กระทำการกับเหยื่ออย่างเลือดเย็นนั้น และเป็นอีกครั้งที่ ไซยาไนด์ ถูกใช้เป็น "ทูตสังหาร" กับคดีฆาตกรรมหมู่ 6 ศพ ชาวเวียดนาม สาเหตุมาจากปมหนี้สิน 10 ล้านบาท
ผิดกฎหมายครอบครอง "ไซยาไนด์" โดยไม่ได้รับอนุญาต
แม้กฎหมายของไทย จะตราโทษไว้ว่า "ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" แต่คดีที่มี "ไซยาไนด์" เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้เกิดขึ้นแล้วใน ปี 2566 และเกิดเหตุซ้ำอีกครั้งใน ปี 2567
ไซยาไนด์มี 3 รูปแบบ
1. รูปแบบของผงสีขาวที่เมื่อแห้งจะไม่มีกลิ่น แต่หากได้รับความชื้นจะเปลี่ยนรูปเป็นแก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์ซึ่งมีกลิ่นฉุน
2. รูปแบบของของเหลว
3. รูปแบบของแก๊ส
อาการของคนถูกวางยา ไซยาไนด์
สำหรับ "ไซยาไนด์" ถือเป็นสารพิษร้ายแรงทำให้เสียชีวิตในระยะเวลาสั้นมาก ระดับเป็นนาทีหรือชั่วโมง โดยพิษของไซยาไนด์จะไปยับยั้ง การใช้พลังงานจากออกซิเจนของเซลล์ในร่างกาย จึงมีอาการคล้ายภาวะขาดออกซิเจนของอวัยวะต่างๆ และเพิ่มการเผาผลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจนทำให้เกิดสารพิษทำให้เลือดเป็นกรด อวัยวะที่ใช้พลังงานมาก เช่น สมอง จะได้รับผลกระทบ และมีอาการเป็นอันดับแรก คือ ปวดศีรษะ กระวนกระวาย สับสน ซึม หมดสติหรือชัก และระบบหัวใจการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว จึงเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
อาการเริ่มจากใจสั่น ความดันโลหิตสูง ต่อมาหัวใจเต้นช้าและความดันตก หัวใจเต้นผิดจังหวะ การหายใจช่วงแรกจะเร็ว แล้วช้าลงจนหยุดหายใจ อาจมีอาเจียนและปวดท้อง อาการโดยรวมคล้ายคนถูกพิษคาร์บอนมอนนอกไซด์จากการรมควันท่อไอเสียในรถ หากรอดชีวิตจากพิษไซยาไนด์อาจมีผลต่อเนื่อง มีอาการคล้ายโรคพาร์กินสัน เนื่องจากสมองส่วน basal ganglion ถูกทำลายถาวร หากเสียรอดชีวิต การตรวจชันสูตรศพสามารถตรวจพบสารไซยาไนด์ในเลือดเพื่อบอกสาเหตุของการเสียชีวิตได้
การรับพิษ
ได้ทั้งการหายใจ และดูดซึมทางผิวหนัง เยื่อบุ และทางเดินอาหาร เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว อาการเกิดภายในวินาทีหากได้รับทางการหายใจ ส่วนการกินหรือทางผิวหนังมีอาการหลังสัมผัสเป็นนาทีถึงไม่เกินหนึ่งชั่วโมง
การแก้พิษ
ทำได้โดยให้ยา thiosulfate ร่างกายจะเปลี่ยนไซยาไนด์เป็น thiocyanate ซึ่งไม่เป็นพิษและขับออกทางปัสสาวะได้ หรือให้สาร hydrocobalamine ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินบี 12 เพื่อเปลี่ยนเป็น cyanocobalamine ขับออกทางปัสสาวะเช่นกัน และบางส่วนขับออกทางการหายใจ เหงื่อ และปัสสาวะ การช่วยคนถูกพิษไซยาไนด์จึงห้ามช่วยหายใจแบบ mouth-to-mouth เพราะอาจได้รับพิษด้วย
วิธีสังเกตผู้ที่สงสัยว่าถูกพิษไซยาไนด์
ผู้ได้รับสารพิษจะมีลักษณะพิเศษคือผิวแดง (cherry-red) เพราะออกซิเจนในหลอดเลือดดำสูง หรือ ผิวม่วงคล้ำได้ ลมหายใจกลิ่นอัลมอนด์หากเกิดพิษจากการสูดดมสาร hydrogen cyanide
วิธีปฐมพยาบาลคนถูกวางยาไซยาไนด์ เตือน! สิ่งห้ามทำเด็ดขาด
สัมผัสกับสารไซยาไนด์ ทางการสูดดม : ให้รีบออกจากพื้นที่ หากไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ให้ก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ อาจจำเป็นต้องได้รับออกซิเจน แต่ห้ามผายปอดด้วยวิธีปากต่อปาก เพราะผู้ช่วยเหลือเสี่ยงได้รับสารพิษไปด้วยฅ
ทางการสัมผัสผ่านผิวหนัง : ให้ถอดชุดออก ล้างบริเวณสัมผัสด้วยน้ำและสบู่
ทางการกิน หรือ ดื่ม : ให้รีบล้างปาก แต่ห้ามล้วงคอให้อาเจียนเพราะไซยาไนด์จะยิ่งดูดซึมอย่างรวดเร็ว
ทางดวงตา : ให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาด 10-15 นาที หากสวมคอนแทกเลนส์ให้ถอดออกด้วย
อย่างไรก็ตาม การได้รับสารพิษไซยาไนด์ยังไม่มีวิธีปฐมพยาบาลอย่างเฉพาะเจาะจง ทางที่ดีควรรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที โดยไทยมี ยาต้านพิษไซยาไนด์ สต๊อกอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ สามารถใช้ได้ทุกสิทธิ์การรักษา
อ้างอิงข้อมูลจาก : กระทรวงยุติธรรม, รพ.ศิริราชปิยมหาการุณย์, รพ.พระราม 9
Advertisement