
หลายคนที่เป็นสิวเรื้อรังมานาน น่าจะเคยรู้สึกเหมือนว่าเรารักษายังไงก็ไม่หายสักที เปลี่ยนสกินแคร์หลายรอบก็ยังไม่ดีขึ้น ลองยาทาเองตามโซเชียลก็มีช่วงหนึ่งที่ดูดีแต่สุดท้ายสิวก็กลับมาเหมือนเดิม หรือบางครั้งรุนแรงกว่าเดิมจนเสียความมั่นใจ ยิ่งถ้าเป็นสิวอักเสบ สิวหนอง หรือสิวฮอร์โมนที่เป็นซ้ำ ๆ การดูแลด้วยตัวเองอาจจะไม่เพียงพอแล้ว
และนี่คือเหตุผลที่หลายคนเริ่มมองหาการรักษาที่จริงจังและถูกวิธีมากขึ้น ซึ่งก็คือ การเข้ารับการรักษาจากคลินิกรักษาสิวโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคลินิกรักษาสิวจะมีมาตรฐานเหมือนกัน วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกว่าคลินิกรักษาสิวที่ดีและปลอดภัยต่อผิวของเราควรเป็นแบบไหน และรู้ไปถึงสัญญาณเตือนคลินิกที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้เราสามารถรักษาสิวได้อย่างมั่นใจ หน้าไม่พัง และเห็นผลจริง
สาเหตุของสิวเรื้อรังเกิดจากหลายอย่างร่วมกัน ทั้งเรื่องฮอร์โมน พันธุกรรม ความมันส่วนเกิน รูขุมขนอุดตัน ไลฟ์สไตล์ การใช้สกินแคร์ไม่เหมาะสม หรือแม้แต่ยาบางชนิด ดังนั้น การรักษาแบบดูจากในโซเซียลมามักไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาจริง และอาจจะทำให้ผิวยิ่งอักเสบรุนแรงขึ้นด้วย
1.มีการวินิจฉัยที่แม่นยำโดยแพทย์เฉพาะทาง
โดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจะสามารถแยกประเภทสิวได้อย่างละเอียด เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวจากฮอร์โมน หรือสิวจากการแพ้สกินแคร์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะสิวแต่ละประเภทต้องใช้วิธีรักษาที่แตกต่างกัน
2.ยาที่ใช้มีประสิทธิภาพและเหมาะกับผิว
ยาที่ใช้ในคลินิกรักษาสิวจะมีความปลอดภัยตามมาตรฐานทางการแพทย์ และมีความเข้มข้นที่ช่วยให้เห็นผลได้เร็วกว่าเวชสำอางทั่วไป รวมถึงมียารับประทานที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้นด้วย
3.รักษาแบบเจาะลึก ไม่ใช่แค่บรรเทาอาการ
การรักษาในคลินิกรักษาสิวมักใช้หลายเทคนิคผสมกัน เช่น การกดสิวอย่างถูกวิธี เลเซอร์ลดการอักเสบ ฉีดสิว หรือทรีตเมนต์ลดการอุดตัน ซึ่งช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำของสิวเรื้อรังได้ดีกว่า
4.ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น
สิวเรื้อรังอักเสบเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวมาก หากเราได้รับการรักษาเร็วและถูกต้อง ก็จะลดความเสียหายของผิวได้มากในระยะยาว
5.มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
การมีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังคอยประเมินผลหลังการรักษาสม่ำเสมอ จะทำให้สามารถปรับการรักษาได้ทันทีเมื่อผิวมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้เห็นผลอย่างรวดเร็วและเหมาะกับเฉพาะบุคคลมากกว่า
ไม่ใช่ทุกคลินิกจะมีมาตรฐานเหมือนกัน การเลือกคลินิกรักษาสิวที่ดีจะช่วยให้การรักษาของเราปลอดภัยและได้ผลมากที่สุด ซึ่งลักษณะของคลินิกรักษาสิวที่ดี มีดังนี้
1.มีแพทย์ผิวหนัง (ตจวิทยา) ดูแลเคสรักษาสิวโดยเฉพาะ
ซึ่งแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจะมีความรู้ด้านโครงสร้างผิว โรคผิวหนัง และการใช้ยาเฉพาะกลุ่ม ซึ่งสำคัญมากกับสิวเรื้อรังที่ตอบสนองต่อการรักษายาก
สามารถเช็คข้อมูลแพทย์ได้ที่เว็บไซต์ https://checkmd.tmc.or.th/ โดยการนำชื่อและนามสกุล เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ของหมอไปค้นหา
2.ประเมินแบบเจาะลึก ไม่มองแค่เรื่องผิวหน้า
คลินิกรักษาสิวที่ดีจะถามไลฟ์สไตล์ นิสัยการกิน การใช้สกินแคร์ ประวัติการแพ้ และการรักษาที่เคยผ่านมา เพื่อหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวเรื้อรังจริง ๆ ไม่ใช่รักษาเฉพาะจุดที่เห็น
3.มีเครื่องมือและการรักษาที่ได้มาตรฐาน
ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ อุปกรณ์กดสิว เครื่องฆ่าเชื้อ รวมถึงยาทุกตัวต้องได้มาตรฐานอย. และผ่านการดูแลความสะอาดตามหลักการแพทย์
4.อธิบายแผนการรักษาชัดเจน ไม่โอเวอร์เคลม
คลินิกรักษาสิวที่น่าเชื่อถือจะไม่ให้คำสัญญาว่าหาย 100% ในเวลาที่เร็วผิดปกติ แต่จะแจ้งลำดับการรักษา ระยะเวลาที่คาดการณ์ และผลลัพธ์อย่างตรงไปตรงมา
5.ติดตามผลหลังการรักษา
สิวเรื้อรังต้องมีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง คลินิกรักษาสิวที่ดีจะให้คำแนะนำระหว่างการรักษา พร้อมปรับแผนเมื่อต้องการ
การที่เราเลือกรักษาสิวผิดที่ อาจทำให้สิวเห่อหนักขึ้นหรือกลายเป็นเคสผิวพังระยะยาวได้ สัญญาณเตือนของคลินิกรักษาสิวที่เราควรหลีกเลี่ยงมี ดังนี้
1.ไม่เห็นแพทย์ หรือไม่มีแพทย์ตรวจประเมินผิวหน้าเลย
การตรวจประเมินผิวหน้าต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเท่านั้น หากเป็นผู้ช่วยหรือพนักงานทั่วไปเป็นคนตัดสินใจเลือกการรักษา ถือว่าเสี่ยงมากเลยทีเดียว
2.ใช้ครีมหรือยาที่ไม่บอกส่วนผสม
การใช้ครีมเถื่อน ครีมที่ไม่มีฉลาก หรือใช้แล้วหน้าขาวไวผิดปกติ มักเสี่ยงผสมสเตียรอยด์หรือสารอันตราย ทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย และสิวเห่อหนักกว่าเดิม
3.อุปกรณ์การรักษาไม่สะอาด
การกดสิวควรใช้เข็มและเครื่องมือแบบปลอดเชื้อเสมอ หากเราเห็นว่าอุปกรณ์ในคลินิกรักษาสิวไม่สะอาด หรือไม่เปลี่ยนเข็ม ควรหยุดการรักษาทันที
4.ชอบโฆษณาคำที่เกินจริง
เช่น รักษาหายขาด 100%, หายภายใน 3–7 วันแน่นอน หรือหน้าใสในครั้งแรกที่ทำ ซึ่งคำเหล่านี้มักเป็นการตลาดที่ไม่ตรงกับความจริง และอาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่เหมาะกับผิวของเราก็ได้
5. ราคาถูกผิดปกติหรือมีบังคับขายคอร์ส
ซึ่งคลินิกรักษาสิวที่ดีจะให้เลือกตามงบประมาณของเราอย่างตรงไปตรงมา ไม่ยัดเยียดคอร์สหลายแสน และไม่ลดราคาจนผิดหลักการแพทย์
คลินิกรักษาสิวที่ได้มาตรฐานมักมีการรักษาหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับสิวและผิวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น
1.การใช้ยารักษาสิวเฉพาะทาง
เช่น ยาทาลดการอุดตัน ยาลดการอักเสบ ยาฆ่าเชื้อแบบเฉพาะจุด หรือยารับประทานในบางกรณี ซึ่งต้องผ่านการประเมินและสั่งโดยแพทย์เท่านั้น
2.กดสิว
เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนพื้นฐานของการรักษาสิวเรื้อรัง แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีเพื่อลดการบอบช้ำ ลดรอยแดง และป้องกันการติดเชื้อ
3.เลเซอร์หรือแสงบำบัดลดการอักเสบ
ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ลดสิว เลเซอร์ฆ่าเชื้อ หรือแสงสีฟ้า–สีแดง (LED) ซึ่งสามารถช่วยลดสิวอักเสบ ควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน และทำให้สิวยุบเร็วขึ้น
4.ทรีตเมนต์ลดสิวและปรับสมดุลผิว
เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ผิวมัน หรือผิวที่มีสิวเรื้อรังร่วมกับรอยแดง รอยดำ
5. การรักษาเสริมในเคสที่มีปัญหาหลุมสิวหรือรอยสิวร่วม
เช่น เลเซอร์รูขุมขน, เลเซอร์ปรับสภาพผิว, Subcision หรือ การรักษาหลุมสิวโดยใช้เข็มเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อตัดเลาะพังผืดออก เป็นต้น
โดยทุกขั้นตอนจะถูกเลือกให้เหมาะกับลักษณะผิว ไม่ใช้วิธีที่รุนแรงเกินไปหรือซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น การรักษาสิวเรื้อรังให้หายไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ครีมราคาแพงหรือการทำทรีตเมนต์หลายอย่างพร้อมกัน แต่ขึ้นอยู่กับการรักษาที่ตรงจุดและการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่เข้าใจโครงสร้างผิวของเราอย่างแท้จริง การเลือกคลินิกรักษาสิวที่ดีจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยประเมินสาเหตุอย่างถูกต้อง วางแผนการรักษาเหมาะสม และให้ผลลัพธ์ปลอดภัยในระยะยาว
Advertisement