Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แถลงเรื่องความปลอดภัยและสารประกอบในวัคซีน

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แถลงเรื่องความปลอดภัยและสารประกอบในวัคซีน

30 ก.ย. 68
17:47 น.
แชร์

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ยืนยัน "อะลูมิเนียม" ในวัคซีนไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อเด็ก และ "ไธเมอโรซาล" ไม่ทําให้เกิดภาวะออติซึมหรือความผิดปกติทางสมองอื่นๆ วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทุกชนิดมีความปลอดภัย

คำชี้แจงเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและสารประกอบในวัคซีน
โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
และสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
29 กันยายน 2568

จากกระแสข่าวลือเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของวัคซีนและสารประกอบในวัคซีนที่มีการเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง อันเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนความจริงที่เป็นกระแสในต่างประเทศ และถูกนํามาเผยแพร่ในประเทศไทย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและความไม่มั่นใจในการพาบุตรหลานมารับวัคซีน

โดยที่วัคซีนเป็นหนึ่งในมาตรการด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อหลายชนิดราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยจึงออกคําชี้แจงเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและสารประกอบในวัคซีน โดยรวบรวมข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิชาการและคําแนะนําจากองค์กรในระดับนานาชาติ รวมถึงองค์การอนามัยโลก และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (U.S. CDC) เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ปัจจุบันวัคซีนผลิตขึ้นจากส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อ เพื่อกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อการป้องกันที่เพียงพอ โดยมักมีการเติมสารเสริมฤทธิ์ (adjuvant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หรือเติมสารกันเสีย (preservative) เพื่อความปลอดภัยของวัคซีน หนึ่งในสารเสริมฤทธิ์ที่ใช้มานานและมีความปลอดภัยคือ อะลูมิเนียม ซึ่งถูกนํามาใช้ในวัคซีนตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1930 และใช้มาแล้วกว่า 70 ปี โดยเติมในปริมาณเล็กน้อยในวัคซีนบางชนิด เพื่อช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน วัคซีนชนิดบรรจุหลายโดส (multi-dose vials) จําเป็นต้องเติมสารไธเมอโรซาล (Thimerosal) ซึ่งมีปรอทในรูป เอทิลเมอร์คิวรี (ethylmercury) เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราโดยที่ไธเมอโรซาลถูกนํามาใช้ในวัคซีนมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1930 เช่นกัน

อะลูมิเนียมในวัคซีนคืออะไร

อะลูมิเนียม เป็นธาตุที่พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม พบได้ทั้งในอาหาร น้ํา และยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด และยาแก้ปวด อะลูมิเนียมที่เติมในวัคซีนอยู่ในรูปเกลืออะลูมิเนียม (aluminium salts) โดยเติมในปริมาณเล็กน้อยในวัคซีนบางชนิด เพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น

ความปลอดภัยของการใช้อะลูมิเนียมในวัคซีน

การศึกษาเภสัชจลนศาสตร์ของอะลูมิเนียมในทารกที่ได้รับวัคซีนตามตารางวัคซีน พบว่ามีระดับอะลูมิเนียมในร่างกายที่เกิดจากวัคซีนและอาหารตลอดช่วงขวบปีแรกต่ํามาก ซึ่งต่ํากว่าระดับความเสี่ยงอย่างมีนัยสําคัญ นอกจากนี้ข้อมูลการศึกษาในประชากรเด็กเล็กจํานวนประมาณ 1.2 ล้านคนในปีค.ศ. 1997-2018 ในประเทศเดนมาร์ก ไม่พบหลักฐานว่าการได้รับอะลูมิเนียมจากวัคซีนในช่วงอายุ 2 ปีแรกเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคออโตอิมมูน โรคภูมิแพ้ หรือความผิดปกติทางพัฒนาการในเด็กไม่ว่าจะเป็นออติซึม สมาธิสั้น และอื่นๆ ดังนั้น คํากล่าวที่ว่า อะลูมิเนียมในวัคซีนทําให้เกิดผลเสียต่อสมองของเด็กจึงไม่เป็นความจริง

คณะกรรมการ The global advisory committee of vaccine safety ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ได้ทบทวนความรู้จากการศึกษาต่าง ๆ เกี่ยวกับอะลูมิเนียมในวัคซีนเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีน และสรุปได้ว่า การได้รับอะลูมิเนียมจากการฉีดวัคซีนชนิดที่เติมสารเสริมฤทธิ์
ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก
ทําให้อะลูมิเนียมถูกเลือกใช้เป็นสารเสริมฤทธิ์ของวัคซีนส่วนใหญ่และวัคซีนที่มีสารเสริมฤทธิ์ได้ผ่านการทดสอบในขั้นทดลองก่อนขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา และมีระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยที่ติดตามผลข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง

ผลข้างเคียงที่อาจพบ

วัคซีนที่มีการเติมสารเสริมฤทธิ์ รวมถึงสารอะลูมิเนียม อาจทําให้เกิดผลข้างเคียงซึ่งพบได้น้อยส่วนใหญ่เป็นปฏิกิริยาเฉพาะที่ (เช่น รอยแดง บวม และเจ็บบริเวณที่ฉีด) ได้มากกว่าวัคซีนที่ไม่มีสารเสริมฤทธิ์ ส่วนอาการระบบทั่วไป (เช่น มีไข้ หนาวสั่น และปวดเมื่อยตามตัว) อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าระบบภูมิคุ้มกันกําลังทํางาน และมักหายไปเองภายในไม่กี่วัน

ไธเมอโรซาลในวัคซีนคืออะไร

ไธเมอโรซาลเป็นสารกันเสียที่มีปรอทชนิดเอทิลเมอร์คิวรี(ethylmercury) เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา โดยเฉพาะในวัคซีนชนิดบรรจุหลายโดส และในบางขั้นตอนของกระบวนการผลิตวัคซีน ซึ่งมีความเข้มข้นของไธเมอโรซาลในระดับต่ํามาก (0.001%–0.01%) ซึ่งถือว่าปลอดภัย

สารปรอทที่มนุษย์อาจสัมผัสได้มี2 ชนิด ได้แก่

1. เมทิลเมอร์คิวรี (Methylmercury) พบได้ในปลาบางชนิด ระดับสูงอาจสะสมในร่างกายและเป็นพิษต่อระบบประสาท เนื่องจากมีครึ่งชีวิตยาวนานในร่างกาย ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่มีในวัคซีน

2. เอทิลเมอร์คิวรี (Ethylmercury) เกิดจากการสลายตัวของไธเมอโรซาลซึ่งใช้ในวัคซีนบางชนิด มีคุณสมบัติขับออกจากร่างกายได้รวดเร็ว ทําให้ไม่สะสมและไม่ก่อพิษ

ความปลอดภัยของเอทิลเมอร์คิวรีจากไธเมอโรซาล

งานวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า เอทิลเมอร์คิวรีจากไธเมอโรซาล มีครึ่งชีวิตในเลือดเพียง 3.7 วัน และถูกขับออกจากร่างกายได้เร็ว ไม่สะสมจนก่อให้เกิดอันตราย การศึกษาเชิงระบาดวิทยาหลายการศึกษา ไม่พบว่าไธเมอโรซาลทําให้เกิดภาวะออติซึมหรือความผิดปกติทางสมองอื่น ๆ เช่น การศึกษาในประเทศเดนมาร์ก ในเด็กประมาณ 4.6 แสนคนเปรียบเทียบระหว่างเด็กที่ได้รับวัคซีนที่มีและไม่มีไธเมอโรซาล พบว่า มีอัตราการเกิดภาวะออติซึมไม่แตกต่างกัน

องค์กรในระดับนานาชาติ ได้แก่ องค์การอนามัยโลก (WHO), ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (U.S. CDC), องค์การอาหารและยา (FDA) และสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งชาติสหรัฐอเมริกายืนยันตรงกันว่าไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนที่มีไธเมอโรซาลก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ รวมทั้งไม่ทําให้เกิดอันตรายต่อสมอง

คําแนะนําสําหรับประชาชน

• ตรวจสอบและรับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุข เอกสารข้อมูลวัคซีน ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

• พาบุตรหลานไปรับวัคซีนตามกําหนด

• หลังฉีดวัคซีนอาจมีอาการปวดบวมเล็กน้อยหรือมีไข้

• หากเกิดอาการรุนแรงผิดปกติหลังฉีดวัคซีน แนะนําให้ปรึกษาแพทย์

• แจ้งประวัติการแพ้หรือปฏิกิริยารุนแรงต่อวัคซีนครั้งก่อนกับบุคลากรสาธารณสุข

สรุป

วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทุกชนิดมีความปลอดภัย ได้รับการทดสอบก่อนขึ้นทะเบียนและอยู่ภายใต้ระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง สารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมในวัคซีนบางชนิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ไธเมอโรซาลในวัคซีนชนิดบรรจุหลายโดสเพื่อความปลอดภัยของวัคซีนมีปริมาณที่น้อยมาก และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย วัคซีนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อปกป้องเด็กทุกคนจากโรคติดเชื้อที่อาจมีความรุนแรงและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

แหล่งข้อมูล

1. WHO. Vaccines and immunization: Vaccine safety. เข้าถึงได้จาก:

https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/vaccines-and-immunization-

vaccine-safety

2. US Food and Drug. Thimerosal and Vaccines. เข้าถึงได้จาก: https://www.fda.gov/vaccines-blood-

biologics/safety-availability-biologics/thimerosal-and-vaccines

3. CDC vaccine safety. Adjuvants and Vaccines. เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/vaccine-

safety/about/adjuvants.html

4. Mitkus RJ, King DB, Hess MA, et al. Updated aluminum pharmacokinetics following infant

exposures through diet and vaccination. Vaccine 2011;29(51):9538-43.

5. Andersson NW, Svalgaard IB, Hoffmann SS, et al. Aluminum-adsorbed vaccines and chronic

diseases in childhood: A nationwide cohort study. Ann Intern Med. 2025 Jul 15. doi:

10.7326/ANNALS-25-00997.

6. Pichichero ME, Gentile A, Giglio N, et al. Mercury levels in newborns and infants after receipt

of thimerosal-containing vaccines. Pediatrics 2008;121(2):e208-14.

7. Hviid A, Stellfeld M, Wohlfahrt J, Melbye M. Association between thimerosal-containing

vaccines and autism. JAMA. 2003;290(13):1763–6.

Advertisement

แชร์
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แถลงเรื่องความปลอดภัยและสารประกอบในวัคซีน