รัฐบาลเตือนระวัง “ยุงลาย” พาหะนำ “โรคชิคุนกุนยา” ไทยระบาดหนัก 5 จังหวัด เช็กอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเนื้อปวดตัว ต้องรีบไปพบแพทย์
จากสถานการณ์ฝนตกชุกอย่างต่อเนื่องครอบคลุมหลายพื้นที่ ส่งผลก่อให้เกิดสภาพอากาศที่ชื้นแฉะและมีแอ่งน้ำท่วมขัง ทำให้พาหะนำโรคอย่าง “ยุงลาย” สามารถขยายพันธุ์และแพร่กระจายได้มากขึ้นในหลายพื้นที่ในช่วงฤดูฝน โดยปัจจุบันพบว่า มีการแพร่ระบาดของ “โรคไข้ปวดข้อยุงลาย” หรือ “ชิคุนกุนยา” (Chikungunya virus disease) แล้วในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ บึงกาฬ เลย หนองคาย และลำพูน
การระบาดของ “โรคชิคุนกุนยา” เป็นโรคที่สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กนักเรียน และวัยทำงานตอนต้น
โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในตระกูล Togaviridae โดยมียุงลายสวน (Aedes albopictus) และยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค โดยสามารถพบได้ทั่วไปทั้งในเมืองและชนบท
อีกทั้งจากพฤติกรรมของยุงลายที่มักออกหากินและชุกชุมในช่วงกลางวัน ทำให้กลุ่มเด็กนักเรียนที่ออกมาเล่นนอกบ้านหรืออยู่โรงเรียนมีโอกาสเสี่ยงสูงในการติดโรค
หากผู้ที่ติดโรคชิคุนกุนยามีการตั้งครรภ์ โรคดังกล่าวก็ยังสามารถถ่ายทอดไปยังทารกได้อีกด้วย
สังเกตอาการ
หากผู้ป่วยที่ถูกยุงที่มีเชื้อกัด เชื้อไวรัสจะมี ระยะฟักตัวก่อนเริ่มอาการอยู่ในช่วง 3 -7 วัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการ ไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน มีอาการปวดข้อและบวม ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะและคลื่นไส้ ตาแดง และมีผื่น ซึ่งอาการมักจะหายภายในช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ ยกเว้นอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจรุนแรงและมีอาการต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
“โรคชิคุนกุนยา” ยังไม่มีวัคซีนป้องกันที่จำเพาะ ส่วนใหญ่เป็นการรักษาแบบประคับประคอง เช่น การให้น้ำเกลือ และการดูแลรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ ยาบรรเทาอาการปวดข้อ และการพักผ่อนหรือการหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัดเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ระบาด
การป้องกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก thaigov.go.th
Advertisement