เปิดความลับ Red Light Therapy แสงสีแดงช่วยย้อนวัยได้จริงไหม ?
เปิดโลก Red Light Therapy "แสงสีแดง" แสงมหัศจรรย์ช่วยย้อนวัย กระตุ้นพลังได้จริงไหม ?
"หมอเดียร์" พันโท นพ.ธรณัส กระต่ายทอง อายุรแพทย์ พาไปเข้าใจทุกมิติของนวัตกรรมแสงบำบัด Red Light Therapy แสงสีแดง เทรนด์สุขภาพที่กำลังเปลี่ยนชีวิตคนทั่วโลก
ความเป็นมาของ Light Therapy (แสงบำบัด)
Light Therapy (แสงบำบัด) มีประวัติการใช้งานมายาวนานตั้งแต่สมัยอียิปต์โรมัน เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 1900 มีการค้นพบว่าแสง UV สามารถนำมากระตุ้นการสร้างวิตามินและรักษาโรคได้ พัฒนามาเรื่อย ๆ ปี 1960 เริ่มนำมาเขียนเป็นหนังสือจริงจังมากขึ้น ในปี 2000 นักวิทยาศาสตร์ฝั่งตะวันตกเริ่มมีการสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพบว่าสามารถนำมารักษาในหลายๆ โรคได้ ส่วนในประเทศไทย เริ่มเมื่อประมาณ 50-60 ปีที่แล้ว สมาคมป่าวัณโรค ใช้การรักษาวัณโรคโดยให้ผู้ป่วยนอนตากแดด เปิดหน้าต่างให้แสงแดดเข้า เพื่อรับแสง UV ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างวิตามินดี ซึ่งช่วยในการรักษาและทำให้ผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น
แสงมีผลต่อสุขภาพของเรา หลายคนตื่นเช้ามามักจะจับโทรศัพท์และโดนแสงสีฟ้าก่อนที่จะได้รับแสงแดด สำหรับผู้ที่ไม่สามารถได้รับแสงแดดธรรมชาติได้เพียงพอ วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดหน้าต่างรับแสงแดดในตอนเช้าเป็นเวลา 10-20 นาที การได้รับแสงแดดในตอนเช้าจะกระตุ้นต่อม Pineal ในสมองให้สร้างสารสื่อประสาท เซโรโทนิน (Serotonin) เป็นสารสื่อประสาทและฮอร์โมนที่สำคัญในร่างกาย มีหน้าที่หลายอย่าง เช่น ควบคุมอารมณ์ การนอนหลับ ความอยากอาหาร และการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอารมณ์ดีและสุขภาพจิตดี Serotonin เซโรโทนินที่สร้างในตอนเช้าจะถูกเก็บไว้และเปลี่ยนเป็น เมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ มีหน้าที่หลักในการควบคุมวงจรการนอนหลับและตื่น โดยจะหลั่งออกมาในช่วงเวลากลางคืน ทำให้รู้สึกง่วงและช่วยในการนอนหลับ
Red Light Therapy พัฒนามาอย่างไร ?
องค์กร NASA สหรัฐอเมริกา ได้พัฒนา Red Light Therapy ตั้งแต่ปี 1990 ศึกษาโดยใช้แสงสีแดงกับพืชในอวกาศ พบว่าต้นไม้เติบโตขึ้น และยังนำแสงสีแดงมาบำบัดนักบินอวกาศ พบว่าบาดแผลหายเร็วขึ้นและเนื้อเยื่อฟื้นฟูได้ดีขึ้น พบว่าแสงสีแดงมีประโยชน์ในการบำบัด รักษา และฟื้นฟูเซลล์ แสงสีแดงที่เราสนใจอยู่ในกลุ่ม Visible Light ปัจจุบันมีแหล่งผลิตหลัก 2 แหล่ง คือ เลเซอร์ ซึ่งเป็นแสงที่ถูกขยาย มีทิศทางและสามารถกำหนดความแรงและความลึกได้ และ LED ซึ่งมีความแรงน้อยกว่าและแสงจะกระจายออกไป
ในทางการแพทย์มีการนำแสง 5 สีหลักมาใช้ ได้แก่ แสงสีน้ำเงิน ช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดการอักเสบ แสงสีเขียว ช่วยสร้าง Nitric oxide ซึ่งอาจช่วยลดความดันได้ แสงสีแดง ช่วยเรื่อง Anti-aging ชะลอวัย แสงสีขาวและแสงสีเหลือง คล้ายแสงแดด ช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดีในร่างกาย อินฟราเรดสามารถลงลึกได้ประมาณ 5 เซนติเมตร ทะลุถึงสมองได้ จึงถูกนำมาใช้กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ หลงลืม และซึมเศร้า เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์สมองที่อักเสบหรือฝ่อ
Red Light Therapy ถูกนำมาใช้ในด้านความงามและการดูแลสุขภาพอย่างไร
Red Light Therapy ถูกนำมาใช้ในด้านความงามและสุขภาพหลายรูปแบบ เช่น การใช้มาสก์ LED เพื่อบำรุงผิวหน้า และการใช้หมวกที่มีแสงสีแดงเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผมใหม่และลดผมร่วง ช่วงความยาวคลื่นที่เหมาะสมของ Red Light Therapy อยู่ที่ 620-700 นาโนเมตร หากเกิน 700 นาโนเมตรขึ้นไปจะจัดอยู่ในกลุ่ม Near Infrared ซึ่งสามารถลงลึกได้มากกว่าแสงสีอื่น ๆ ประมาณ 5 เซนติเมตรจากชั้นผิวหนัง การซึมลึกนี้ทำให้ Near Infrared สามารถนำมาใช้กระตุ้นสมองได้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้อนุมัติการใช้งานประมาณ 5 อย่าง ได้แก่ สิว, กล้ามเนื้ออักเสบและข้ออักเสบ, ผมร่วง, และการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในอวัยวะที่บำบัด เช่น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
Red Light Therapy สามารถที่จะป้องกันแสง UV ที่จะมาทำร้ายเซลล์ผิวหนังได้ งานวิจัยพบว่าแสงสีแดงสามารถกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้สร้างพลังงานและแข็งแรงขึ้น ครีมกันแดดจะกัน UV แต่ไม่ได้กันแสงสีแดง โดยแสง UV มีทั้ง UVA และ UVB โดย UVB เป็นตัวหลักที่ทำร้ายผิวหนัง หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสม UVB จะช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามิน D3 ในร่างกายได้
แนวโน้มในอนาคตของ Red Light Therapy และวงการ Anti-aging
งานวิจัยเกี่ยวกับ เวชศาสตร์ชะลอวัย (Longevity Medicine) เอาแสงสีแดงมาใช้เพื่อชะลอความแก่และอายุยืนขึ้น ในปัจจุบันงานวิจัยในต่างประเทศและการศึกษาในทางการแพทย์กำลังโฟกัสในระดับเซลล์ในระดับโมเลกุล Mitochondria Metabolic Therapy ใช้ ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria เป็นอวัยวะขนาดเล็กของเซลล์ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานและมีสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ) เป็นตัวสำคัญในการรักษาร่างกายของเรา ถ้าไมโทคอนเดรียแข็งแรงทำให้เราสามารถผลิตพลังงานของเราแม้จะอายุมากขึ้น
ในอนาคตข้างหน้า Red Light Therapy จะกลายเป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่ทุกคนนำมาใช้ได้เอง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในคลินิกหรือสปา มันจะกลายเป็นเหมือน Gadget ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับเครื่องฟอกอากาศหรือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น อยู่ที่ว่าเราต้องฉลาดเลือกผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือและเหมาะกับเรา
ขอบคุณข้อมูลจากรายการ On the way with Chom
Advertisement
