กล่องเสียง (Larynx) คือ อวัยวะที่สำคัญอย่างยิ่งในระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ตั้งอยู่ในลำคอ บริเวณด้านหน้าของลำคอ ใต้คอหอย และอยู่เหนือหลอดลม เปรียบเสมือนเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอหอยกับหลอดลม หากเกิดการติดเชื้อที่กล่องเสียงหรือใช้เสียงมากเกินไป อาจทำให้กล่องเสียงอักเสบ
กล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis) ภายในกล่องเสียงของคนเราจะมีเส้นเสียงที่เปิดปิดได้ เมื่ออากาศผ่านเส้นเสียงจะเกิดการสั่นสะเทือน เกิดเป็นเสียงพูด เมื่อกล่องเสียงติดเชื้อ ระคายเคือง หรือมีการใช้เสียงมากเกินไป จะทำให้เส้นเสียงบวม เสียงแหบ หรือเสียงหายไป
กล่องเสียงอักเสบสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ
1. กล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน (Acute Laryngitis) มักเกิดขึ้นกะทันหันและหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
• การติดเชื้อ: ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รองลงมาคือการติดเชื้อแบคทีเรีย
• การใช้เสียงมากเกินไป: เช่น การตะโกน การกรีดร้อง การพูดเป็นเวลานานๆ หรือการใช้เสียงผิดวิธี (พบบ่อยในนักร้อง ครู หรือผู้ที่ต้องใช้เสียงอาชีพ)
• การระคายเคือง: เช่น การหายใจเอาควันบุหรี่ ฝุ่นละออง หรือสารเคมีเข้าไป
2. กล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง (Chronic Laryngitis) ภาวะที่กล่องเสียงอักเสบนานกว่า 3 สัปดาห์ สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
• การสัมผัสสารระคายเคืองเป็นประจำ เช่น ควันบุหรี่ (ทั้งผู้สูบและผู้สูดดมควันบุหรี่มือสอง), มลพิษทางอากาศ, ไอระเหยจากสารเคมี
• โรคกรดไหลย้อน (GERD) กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงกล่องเสียง ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง
• ไซนัสอักเสบเรื้อรัง น้ำมูกหรือเสมหะไหลลงคออย่างต่อเนื่อง ทำให้กล่องเสียงระคายเคือง
• การใช้เสียงผิดวิธีหรือใช้เสียงมากเกินไปเป็นเวลานาน เช่น นักร้อง, เชียร์ลีดเดอร์, ผู้บรรยาย
• การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ทำให้เกิดการระคายเคือง
• การติดเชื้อรา พบไม่บ่อย
• สาเหตุอื่นๆ ที่พบน้อย เช่น เนื้องอกหรือติ่งเนื้อที่เส้นเสียง, มะเร็งกล่องเสียง (เป็นสาเหตุที่ร้ายแรงและควรระวังหากมีอาการเสียงแหบนานผิดปกติ)
• เสียงแหบ เสียงจะแหบต่ำ แหบแห้ง หรือเสียงหายไปเลย
• เจ็บคอ หรือระคายเคืองในลำคอ
• ไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะ
• รู้สึกเหมือนมีก้อนในลำคอ หรือคันคอ
• เจ็บขณะเปล่งเสียง
• อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ต่ำๆ, คัดจมูก, เจ็บปวดตามตัว (ถ้าเกิดจากการติดเชื้อไข้หวัด)
โดยส่วนใหญ่กล่องเสียงอักเสบเฉียบพลันมักจะหายได้เอง โดยเน้นการดูแลตนเองเป็นหลัก ดังนี้
• พักการใช้เสียง นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรงดการพูด รวมถึงการกระซิบ จนกว่าอาการจะดีขึ้น
• ดื่มน้ำอุ่นมากๆ วันละ 8-12 แก้ว (ประมาณ 2-3 ลิตร) เพื่อให้คอชุ่มชื้น
• สูดดมไอน้ำอุ่น ใช้เครื่องทำความชื้น หรือสูดไอน้ำจากน้ำอุ่น/น้ำร้อน (ระวังอย่าให้ร้อนจัด) จะช่วยลดการระคายเคือง
• หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และน้ำอัดลม
• หลีกเลี่ยงการกระแอม การกระแอมบ่อยๆ ทำให้เส้นเสียงสั่นผิดปกติและระคายเคืองมากขึ้น
• รับประทานอาหารอ่อนๆ อาหารรสจืด ไม่เผ็ดจัด ไม่ร้อนจัด หรือเย็นจัด
• รับประทานยาบรรเทาอาการ เช่น ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) หรือยาแก้ไอ (ตามอาการ)
• หากเกิดจากกรดไหลย้อน ควรดูแลและรักษาโรคกรดไหลย้อนให้ดี
แม้ส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่ควรไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้
• เสียงแหบติดต่อกันนานกว่า 2-3 สัปดาห์ (หรือ 4 สัปดาห์) โดยไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์จัด
• หายใจลำบาก หรือมีเสียงหวีดขณะหายใจ
• กลืนลำบาก หรือเจ็บปวดมากขณะกลืน
• มีไข้สูงไม่ลดลง
• ไอเป็นเลือด
• สำหรับเด็กเล็ก หากมีอาการหายใจลำบาก, มีเสียงหวีดขณะหายใจ, น้ำลายไหลมากผิดปกติ, กลืนลำบาก, มีไข้สูง ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นภาวะร้ายแรง เช่น Croup (กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน) หรือ Epiglottitis (ฝาปิดกล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน)
การป้องกันกล่องเสียงอักเสบทำได้โดยการหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งครอบคลุมทั้งการป้องกันการติดเชื้อ การดูแลการใช้เสียง และการหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองต่างๆ ดังนี้
1. ป้องกันการติดเชื้อ
• รักษาสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังไอ จาม หรือสัมผัสพื้นผิวต่างๆ
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย: พยายามอยู่ห่างจากผู้ที่เป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือมีการติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ
• ฉีดวัคซีน พิจารณาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี และวัคซีนอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
• ดูแลสุขภาพทั่วไป พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
2. ดูแลและถนอมการใช้เสียง
• พักการใช้เสียงเมื่อจำเป็น หากรู้สึกว่าเสียงเริ่มแหบหรือระคายคอ ควรพักการใช้เสียงทันที หลีกเลี่ยงการพูดนานๆ หรือใช้เสียงดัง
• หลีกเลี่ยงการตะโกนหรือกรีดร้อง พยายามพูดด้วยระดับเสียงปกติ ไม่ตะเบ็งเสียงหรือใช้เสียงดังเกินไป
• หลีกเลี่ยงการกระซิบ การกระซิบอาจทำให้เส้นเสียงทำงานหนักกว่าปกติและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าการพูดปกติ
• ฝึกการใช้เสียงที่ถูกวิธี หากต้องใช้เสียงในการทำงานอาชีพ เช่น ครู นักร้อง วิทยากร ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้เสียง (เช่น นักแก้ไขการพูด) เพื่อ• เรียนรู้เทคนิคการใช้เสียงที่ถูกต้องและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเส้นเสียง
• ใช้ไมโครโฟนหรือโทรโข่ง เมื่อต้องพูดในที่ประชุม หรือต่อหน้าคนจำนวนมาก ควรใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เสียงมากเกินไป
3. หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง
• งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง ควันบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการระคายเคืองเรื้อรังต่อกล่องเสียง
• หลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ควันพิษ สารเคมี หากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งเหล่านี้ ควรใส่หน้ากากอนามัย
• ลดหรือเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เครื่องดื่มเหล่านี้สามารถทำให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้คอแห้ง ระคายเคือง
• ระมัดระวังเรื่องกรดไหลย้อน หากมีอาการของโรคกรดไหลย้อน ควรพบแพทย์เพื่อรักษาและควบคุมอาการ เนื่องจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาสามารถระคายเคืองกล่องเสียงได้
• หลีกเลี่ยงการกระแอมบ่อยๆ หรือการขากเสมหะแรงๆ การกระทำเหล่านี้ทำให้เส้นเสียงเกิดการสั่นสะเทือนและระคายเคืองได้
4. ดูแลความชุ่มชื้นในลำคอ
• ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อให้คอชุ่มชื้นอยู่เสมอ (ควรเป็นน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง ไม่เย็นจัดหรือร้อนจัด)
• ใช้เครื่องทำความชื้น หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศแห้ง เช่น ห้องปรับอากาศ หรือในฤดูหนาว การใช้เครื่องทำความชื้นในห้องนอนจะช่วยให้ลำคอชุ่มชื้น
• สูดดมไอน้ำอุ่น การสูดดมไอน้ำอุ่นจากการอาบน้ำอุ่น หรือจากภาชนะที่ใส่น้ำร้อน จะช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ลำคอและเส้นเสียง
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดกล่องเสียงอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
Advertisement