แบคทีเรียลิสเตอเรีย หรือ นักฆ่าในตู้เย็น อาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงตายได้

11 มิ.ย. 68

14:54 น.

แชร์

รู้จัก แบคทีเรีย ลิสเตอเรีย (Listeria) หรือ "นักฆ่าในตู้เย็น" สืบเนื่องจากเหตุ ชายอายุ 50 ปี ในประเทศจีน ติดเชื้อแบคทีเรียลิสเตอเรีย และอยู่ในอาการโคม่านาน 7 วัน หลังกินอาหารแช่แข็งที่เก็บไว้นานในตู้เย็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไขคำตอบ "ไข่ไก่" ต้องล้างก่อนแช่ตู้เย็นไหม ?

อาหาร 4 อย่าง ไม่ควรแช่ตู้เย็นนาน เตือนนิสัยไม่เน่าคาตู้ก็ไม่ทิ้ง อาจเป็นเส้นทางสู่ "โรคมะเร็ง"

โรคข้าวผัด ภัยเงียบจากเชื้อแบคทีเรีย

เว็บไซต์ SOHA ของเวียดนาม รายงานถึงกรณี ชาย วัย 50 ปี ในประเทศจีน ติดเชื้อแบคทีเรีย Listeria และอยู่ในอาการโคม่านาน 7 วัน

ผู้ป่วยชายรายนี้มีโรคประจำตัวหลายอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอื่นๆ อีกหลายโรค ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุ เขามีอาการปวดศีรษะและมีไข้สูง ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลด้วยอาการสับสน

อาการของเขาแย่ลงอย่างรวดเร็ว โดยมีไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส และเข้าสู่อาการโคม่า ระบบทางเดินหายใจเริ่มล้มเหลว จากอาการที่แสดงออก แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าเขาน่าจะเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

แบคทีเรีย ลิสเตอเรีย คืออะไร

หลังจากพูดคุยกับครอบครัว แพทย์เริ่มสงสัยว่าเขาติดเชื้อแบคทีเรีย Listeria (ลิสเตอเรีย) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ได้รับฉายาว่า "นักฆ่าในตู้เย็น" เพราะสามารถเจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิต่ำระหว่าง 0-4 องศาเซลเซียส และแม้แต่อยู่รอดได้ถึง 1 ปีในอุณหภูมิต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส

ก่อนที่เขาจะล้มป่วย ชายคนนี้ได้บริโภคอาหารแช่แข็งที่เก็บไว้นานในตู้เย็น

หลังจากรักษาเป็นเวลา 7 วัน ผู้ป่วยพ้นขีดอันตราย ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีกต่อไป และถูกย้ายไปยังหอผู้ป่วยทั่วไปในแผนกประสาทวิทยาเพื่อรับการรักษาและฟื้นตัวต่อไป

เราจะป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ลิสเตอเรีย ได้อย่างไร?

1. ทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ

2. แยกเก็บอาหารสดและอาหารสุกออกจากกันอย่างชัดเจน

3. อาหารสดควรปรุงให้สุก และอาหารที่ปรุงสุกแล้วแต่เก็บในตู้เย็นควรนำมาอุ่นให้ร้อนที่อุณหภูมิสูงก่อนรับประทาน เพราะ Listeria จะถูกทำลายเมื่อโดนความร้อน 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป

4. รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ในครัว และใส่ใจเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล

5. หญิงตั้งครรภ์ ทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรหลีกเลี่ยงอาหารแช่แข็ง