"ถ้าในจีนมันยากขึ้นก็ต้องไปเมืองนอก" Ant Group ในเครืออาลีบาบา เปิดตัว “ดิจิทัลแบงก์กิ้ง” ในสิงคโปร์ หวังใช้เป็นฐานธุรกิจการเงินดิจิทัลในอาเซียน
“Ant Group” ซึ่งเป็นฟินเทคยักษ์ใหญ่ในเครือ Alibaba ของ Jack Ma ได้ฤกษ์เปิดตัวธนาคารดิจิทัลที่ชื่อว่า “ANEXT Bank” เป็นครั้งแรกในสิงคโปร์เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.)
เนื่องจากธนาคารนี้เป็นรูปแบบของ Digital Wholesale Banking จึงไม่ได้ให้บริการลูกค้ารายย่อยแข่งกับแบงก์ทั่วไป และไม่มีสาขา แต่จะให้บริการการเงินดิจิทัลแก่ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) คลอบคลุมทั้งระดับท้องถิ่น และระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องการดำเนินการข้ามพรมแดน (Cross-border) เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ และยังคาดว่าจะต่อยอดประโยชน์จาก Lazada ที่เป็นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ได้อีกด้วย
ANEXT Bank จะอนุญาตให้ธุรกิจเหล่านี้เปิดบัญชีได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 นี้ โดยการใช้สิงคโปร์เป็นฐานสำหรับธุรกิจของตนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจชดเชยแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลงที่บ้านหลังจากรัฐบาลจีนสั่งยกเครื่องกฎระเบียบใหม่ และเข้มงวดกับธุรกิจเทคโนโลยีมากขึ้น
ทั้งนี้ "สิงคโปร์" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฮับการเงินในเอเชียอยู่แล้ว ได้ยกระดับการแข่งขันด้วยการออกใบอนุญาต “ดิจิทัลแบงก์กิ้ง (Digital Banking License) เมื่อปลายปี 2020 เพื่อมุ่งให้อุตสาหกรรมการเงินการธนาคารในสิงคโปร์ เกิดนวัตกรรมการเงินใหม่ และสามารถแข่งขันได้มากขึ้น โดยมีการออกใบอนุญาตให้ฟินเทค 4 ราย ในดิจิทัลแบงก์กิ้ง 2 ประเภทคือ
- ลูกค้ารายย่อยและทุกเซกต์เมนต์ (Retail Digital Banking) - มี 2 บริษัทที่ได้ใบอนุญาตคือ 1. Singtel-Grab และ 2. Sea Limited
กลุ่มนี้มีทุนที่ต้องชำระ 1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ลูกค้าธุรกิจ (Wholesale Digital Banking) - มี 2 บริษัทที่ได้ใบอนุญาติคือ 1. Ant Group และ 2. Greenland Financial
กลุ่มนี้มีทุนที่ต้องชำระ 100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความพยายามของสิงคโปร์ในการเปิดดิจิทัลแบงก์กิ้ง นับเป็นความเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันในฮ่องกง ซึ่ง Ant และคู่แข่งหลายรวมซึ่งรวมถึง Tencent Holdings ได้รับใบอนุญาตในปี 2020
เป็นที่คาดว่า Ant Group จะใช้สิงคโปร์เป็นฐานธุรกิจการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซหลักของกลุ่มอาลีบาบาภายใต้ชื่อ “LAZADA” และเพื่อชดเชยกับการเติบโตที่ลดลงของตลาดจีน หลังจากต้องเผชิญกับนโยบายรัฐบาลจีนคุมเข้มกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี และทำให้ Ant Group พลาดการเข้า IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง เมื่อปี 2020