ข่าวเศรษฐกิจ

ญี่ปุ่นปรับกฎวีซ่าฝึกงาน มีโอกาสได้วีซ่าทำงาน ต่ออายุได้ไม่จำกัดครั้ง หวังแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน

18 มี.ค. 67
ญี่ปุ่นปรับกฎวีซ่าฝึกงาน  มีโอกาสได้วีซ่าทำงาน ต่ออายุได้ไม่จำกัดครั้ง  หวังแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน

ญี่ปุ่นประกาศเปลี่ยนกฎวีซ่าฝึกงาน ให้ผู้ฝึกงานทักษะสูงสามารถเข้าโครงการฝึกทักษะ เพื่ออัพเกรดเป็นวีซ่าสำหรับแรงงานทักษะสูงได้ ซึ่งต่อได้ไม่จำกัดครั้ง เพื่อจูงใจให้แรงงานทักษะสูงย้ายมาทำงานในประเทศ แข่งกับเกาหลีใต้และไต้หวันที่ได้ออกมาปรับเปลี่ยนกฎให้มีชาวต่างชาติทำงานในประเทศได้มากขึ้นเช่นกัน เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานจากอัตราการเกิดที่ลดลง

ปัจจุบัน ประเทศที่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานทักษะสูงที่สุด ก็หนีไม่พ้นประเทศในแถบเอเชียตะวันออก เช่น เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ที่อัตราการเกิดลดลงเรื่อยๆ จนขาดแรงงานทักษะสูงเข้ามาดำเนินเศรษฐกิจในประเทศ จนเกิดการแย่งตัวพนักงานกันอย่างหนักหน่วง โดยในปี 2022 เกาหลีใต้, ไต้หวัน และญี่ปุ่นมีอัตราการเจริญพันธุ์เพียง 0.78, 0.87 และ 1.26 ตามลำดับ

เพื่อลดผลกระทบจากปัญหานี้ ในวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจึงได้ผ่านกฎหมายใหม่เพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูงชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะมาแทนกฎหมายควบคุมการฝึกงานเก่าที่ขึ้นชื่อมานานเรื่องกฎและข้อจำกัดยิบย่อยที่ทำให้ผู้ที่ฝึกงานในญี่ปุ่นไม่สามารถเปลี่ยนงานในระหว่างฝึกงานได้

ภายใต้กฎหมายใหม่ ผู้ฝึกงานจะสามารถเข้าร่วมโครงการอบรมฝึกทักษะเพื่อขอวีซ่าทำงานสำหรับแรงงานมีทักษะได้ ซึ่งเมื่อได้วีซ่านี้ ผู้ถือวีซ่าจะสามารถต่อวีซ่าเพื่อทำงานในญี่ปุ่นต่อได้ไม่จำกัดครั้ง จนกว่าจะต้องการย้ายออกไปจากประเทศ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้แรงงานทักษะสูงที่ฝึกงานอยู่ หางานทำต่อในญี่ปุ่นได้เลยโดยไม่ต้องกลับประเทศ

ปัจจุบันญี่ปุ่นมีผู้ถือวีซ่าทำงานสำหรับแรงงานทักษะสูงอยู่ทั้งหมด 208,000 คน โดยผู้ที่ถือวีซ่าชนิดนี้อยู่และทำงานจนมีประสบการณ์มาระยะหนึ่งแล้ว ยังจะสามารถขอใบอนุญาตพำนักระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อเปลี่ยนนายจ้างได้ด้วย ซึ่งวีซ่าทำงานของเกาหลีใต้และไต้หวันไม่ได้เปิดให้ทำ

 

ประเทศเอเชียตะวันออกขาดแคลนแรงงาน เร่งปรับกฎดึงคนทักษะสูง

ทั้งนี้ นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประเทศและเขตการปกครองที่อัตราการเกิดต่ำและมีปัญหาสังคมผู้สูงอายุอื่นๆ อย่างเกาหลีไต้และไต้หวันก็ได้พยายามปรับเปลี่ยนกฎในการรับชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศเช่นกันเพื่อแย่งตัวแรงงานมาอุดในภาคส่วนที่ขาด

ในปี 2024 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกมาขยายโควตาการให้ใบอนุญาตทำงานทั่วไปสำหรับชาวต่างชาติเป็น 165,000 คน เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากโควตาที่กำหนดไว้ในช่วง 2010s และในปี 2023 ยังได้เพิ่มโควตาใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานทักษะสูงซึ่งมีสิทธิในการพำนักอาศัยในเกาหลีใต้เป็นการถาวรเป็น 35,000 คน เพิ่มขึ้น 17.5 เท่าจากระดับก่อนหน้า

ส่วนไต้หวันก็ได้ออกมาขยายขอบเขตการจ้างการแรงงานต่างชาติ ให้รวมถึงการจ้างงานในบริษัทในภาคการก่อสร้าง และเพิ่มโควตาแรงงานในภาคการเกษตรสองเท่าเป็น 12,000 คน ในปี 2023 และเปิดให้ชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการสามารถอาศัยในประเทศได้อย่างถาวร และนำสมาชิกในครอบครัวมาอยู่ด้วยได้

การพยายามเปลี่ยนแปลงกฎเพื่อดึงคนเข้าไปทำงาน จากที่เมื่อก่อนพยายามกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าไปแย่งงานระดับสูงรายได้ดีของคนในประเทศนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างประชากรที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการที่แรงงานทักษะสูงจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะย้ายเข้าไปทำงานในประเทศที่จ่ายค่าแรงได้สูงกว่า

จากข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชีย ในปี 2022 มีประชากรมากกว่า 4.64 ล้านคนจากประเทศกำลังพัฒนา 10 ประเทศ ย้ายไปทำงานต่างประเทศ ส่วนมากมาจากบังคลาเทศที่มักย้ายไปทำงานในประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย นิยมไปทำงานในญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออก

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแรงงานต่างชาติมากที่สุดในเอเชีย โดยมีทั้งหมด 2.05 ล้านคน เพราะเป็นประเทศที่ให้ค่าแรงสูง ขณะที่เกาหลีใต้มีทั้งหมด 920,000 คน

อย่างไรก็ตาม หลังญี่ปุ่นประสบปัญหาค่าเยนอ่อน ค่าตอบแทนของญี่ปุ่นก็มีเสน่ห์ลดลง โดยประเทศที่มาแรงแทนญี่ปุ่นก็คือเกาหลีใต้ที่เทียบกันแล้วให้ค่าแรงต่อเดือนเฉลี่ยถึง 271,000 เยน หรือราว 65,315.80 บาท ขณะที่ญี่ปุ่นให้ประมาณเพียง 212,000 เยน หรือราว 51,090.90 บาท



ที่มา: Nikkei Asia 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT