ข่าวเศรษฐกิจ

'เศรษฐา' ตั้งเป้าลดคอร์รัปชัน นำเทคฯ ช่วยตรวจสอบ เชื่อใต้รบ.ใหม่ ราชการไทยโปร่งใสขึ้น

6 ก.ย. 66
'เศรษฐา' ตั้งเป้าลดคอร์รัปชัน นำเทคฯ ช่วยตรวจสอบ เชื่อใต้รบ.ใหม่ ราชการไทยโปร่งใสขึ้น

‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ได้ประกาศแผนลดและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศ เพื่อเพื่มความเชื่อมั่นและเพิ่มขีดการแข่งขันกับประเทศร่วมภูมิภาค ผ่านการนำหลักนิติธรรม และเทคโนโลยีมาใช้ตรวจสอบ ลงโทษผู้กระทำผิด พร้อมขับเคลื่อนข้าราชการให้โปร่งใส ไร้การติดสินบน และซื้อขายตำแหน่ง

806556

ในวันนี้ (6 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปกล่าวคำปาฏกถาพิเศษในกิจกรรมงานวันต่อต้านคอร์รัปชันประจำปี 2566 WHAT THE FACT? ค้นหาความจริง-ใจในการต่อต้านคอร์รัปชัน ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อ โดยเปิดเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาร่วมถกสภาวะและวิธีแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศไทย 

รวมถึง การเปิดตัวเว็บไซต์ “ActAi” ซึ่งจะเป็นเครื่องมือ "เสริมพลัง" ให้กับประชาชนในการต่อสู้กับปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ที่รวมข้อมูล ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล ข้อมูลโครงการก่อสร้างของรัฐบาล ข้อมูลทางการเงินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมระบบตรวจสอบประมวลผลข้อมูลดำเนินการด้วย  AI ที่ให้ประชาชนสืบค้นข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ และข้อมูลของบริษัทเอกชนที่ทำงานร่วมกับรัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็วในที่เดียว

 

รัฐบาลใหม่เร่งลดทุจริต ชี้ส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศ

นายเศรษฐา กล่าวว่า การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และเพิ่มความโปร่งใสของรัฐบาลเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญอย่างยิ่งของรัฐบาล และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องสนับสนุนและปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น

โดยในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ เพราะว่ายังมีปัญหาการคอร์รัปชั่นที่ลดทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอยู่ ดังที่จะเห็นได้จากการจัดอันดับขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International - TI) ที่ในปี 2562 ประเทศไทยตกมาอยู่ที่อันดับ 101 ของโลก อันดับ 4 ของอาเซียน แพ้ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอย่าง สิงคโปร์  มาเลเซีย และเวียดนาม สะท้อนว่าไทยยังมีปัญหาต้องแก้อีกมาก

ดังนั้น ในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ รัฐบาลจึงจะให้ความสำคัญมากกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไม่เพียงจะลดผลเสียโดยตรงที่จะเกิดแก่ประชาชนในประเทศ ยังจะช่วยเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับไทย ทำให้ไทยสามารถดึงดูดการลงทุน และกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

989788

ยึดหลักนิติธรรม บังคับกฎหมายลงโทษเด็ดขาด

จากปาฏกถา นายเศรษฐากล่าวว่า เครื่องมือแรกที่รัฐบาลจะนำมาใช้ปราบปรามการทุจริต คือ หลักนิติธรรมที่แข็งแรง ยุติธรรม และยึดโยงกับผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

โดยในอีก 4 ปีข้างหน้า รัฐบาลมีแผนที่จะเปลี่ยนที่จะปรับปรุงตัวบทกฎหมายเพื่อลดกระบวนการและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เปลี่ยนหน่วยงานราชการให้เป็นผู้ช่วยเหลือ ไม่ใช่อุปสรรคในการใช้ชีวิต และป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่หาประโยชน์จากประชาชนด้วยการขอสินบน 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายและลงโทษที่เฉียบขาดและครอบคลุม เจ้าหน้าที่รัฐหลายๆ ตำแหน่งต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งข้อมูลนี้จะต้องเป็นข้อมูลสาธารณะที่เปิดให้ประชาชนตรวจสอบได้อย่างอิสระเต็มที่ 

นายเศรษฐา เชื่อว่า การมีกฎหมายที่เข้มแข็ง เน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และการบังคับใช้กฎหมายที่ยุติธรรม มีประสิทธิภาพตรวจสอบได้นี้ จะสร้างรากฐานที่ดีให้กับสังคม ให้ทุกคนเคารพกฎหมายร่วมกัน ซึ่งจะช่วยขจัดการทุจริตคอร์รัปชันให้หมดจากประเทศไทย 

 

ดึงเทคโนโลยีช่วย ประชาชนตรวจสอบได้เต็มที่

อย่างไรก็ตาม นอกจากหลักนิติธรรมที่แข็งแรงแล้ว อีกเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลจะนำมาช่วยเพิ่มความโปร่งใส และ “ติดอาวุธ” ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก่ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ก็คือ “เทคโนโลยี” เช่น เว็บไซต์ ActAi และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จะช่วยให้ภาครัฐให้บริการประชาชนได้รวดเร็ว และตรวจสอบได้มากขึ้น  

โดยนโยบายด้านเทคโนโลยีที่รัฐบาลจะนำมาใช้ในระยะเวลาอันใกล้ คือ

  1. การนำระบบจ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการทำธุรกรรมในภาครัฐแทนการใช้เงินสด ทำให้ตรวจสอบการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการของรัฐได้ง่ายและมีความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
  2. การเปิดให้ขอใบอนุญาตและการติดต่อราชการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็น one-stop service
  3. การปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้ทันสมัยและโปร่งใส ป้องกันการทุจริต และเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบได้ตามแนวทาง open government
  4. การปรับวิธีการบริหารประเทศของรัฐบาลให้เป็น digital government และปรับใช้เทคโนโลยีสำหรับการอนุมัติ การอนุญาต การควบคุม การตรวจสอบ ให้มีความโปร่งใส และลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีเป็นผู้ติดต่อกับประชาชน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะเน้นขับเคลื่อนภาคข้าราชการ ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ให้มีความยุติธรรมและโปร่งใสอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าขจัดการซื้อขายตำแหน่ง การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม มุ่งให้เกียรติข้าราชการทุกแหน่งที่ตั้งใจทำงาน ให้ได้รับการสนับสนุนเมื่อมีผลงานที่ดี

นายเศรษฐา มองว่า การเปลี่ยนแปลงวงการข้าราชการให้มีความโปร่งใสขึ้นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลต่อไปในอนาคต เพราะข้าราชการเป็นหลักสำคัญในการดำเนินนโยบายให้กับรัฐบาล และเชื่อว่าภายใต้การดูแลของรัฐบาลใหม่ ปัญหาคอร์รัปชั่นจะลดลง ความโปร่งใสและเป็นธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืนในอนาคต

 

 

 








advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT