ดีลประวัติศาสตร์ด้านพลังงงาน เมื่อบางจากซื้อกิจการเอสโซ่ มูลค่าราว 34,000 ล้านบาท คาดคืนทุนภายใน 5 ปี ใช้เงินกู้เพียง 17,000 บาท D/E 1.3 เท่า เตรียมทยอยเปลี่ยนเป็นแบรนด์ “บางจาก” 280 แห่งภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเตรียมเปลี่ยนชื่อ “เอสโซ่” ยันยังไม่ถอนหุ้น “เอสโซ่” ออกจากตลาดหลักทรัพย์ภายใน 1 ปี
วันนี้ (31 ส.ค.) นับเป็นประวัติศาสตร์ด้านพลังงานของไทย เมื่อบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (เอสโซ่) จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็น 65.99% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เสร็จสิ้นในราคาประมาณ 9.8986 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ บางจากจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) อีก 34.01% โดยกำหนดระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ถึง 12 ตุลาคม 2566
“ มั่นใจว่า ธุรกรรมครั้งนี้จะสามารถสร้าง synergy จากศักยภาพที่เกื้อหนุนกัน ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ทำให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงแหล่งพลังงานได้ดีขึ้น และยังช่วยให้มีกำไร (EBITDA) เพิ่มขึ้นในประเทศอีกนับพันล้านบาทต่อปี” นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวแถลงข่าว
คาดใช้เงินกู้ไม่เกิน 17,000 ล้านบาทในดีลซื้อกิจการ “เอสโซ่"
บางจากคาดว่าจะใช้เงินในการซื้อกิจการทั้งหมดไม่เกิน 34,000 ล้านบาท เป็นเงินของบริษัท 17,000 ล้านบาท และเงินกู้จากธนาคาร 17,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ไม่เกิน 1.3 เท่า ซึ่งในวันนี้ได้มีการชำระเงินค่าหุ้นในส่วนของ 65.99% ไปแล้วราว 22,606 ล้านบาท เป็นเงินบริษัท 17,000 ล้านบาท ใช้เงินกู้เพียง 5,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือที่จะรับซื้อหุ้น 34.01% ได้มีวงเงินกู้ไว้รองรับเรียบร้อย ซึ่งวงเงินกู้จากธนาคาร มีอัตราดอกเบี้ยไม่สูงมากนัก ประมาณ 4% ต่อปี
เตรียมเปลี่ยนชื่อ “เอสโซ” พ.ย.นี้ เบื้องต้นมีคำว่า “บางจาก”
ขณะนี้บริษัทได้มีการหารือถึงชื่อใหม่ของ “เอสโซ่” ไว้แล้ว เบื้องต้นก็จะมีคำว่า “บางจาก” ที่จะบ่งบอกความเป็นบางจาก ซึ่งคาดว่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่ได้ภายในเดือนพ.ย.นี้
ยันภายใน 1 ปียังไม่มีแผนถอนหุ้น “เอสโซ่” ออกจากตลาดหุ้น
ต่อจากนี้อยู่ระหว่างการรับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก 34.01% ซึ่งแบรนด์ “เอสโซ่” ตามเงื่อนไขยังสามารถอยู่ได้ 2 ปี และภายใน 1 ปีนี้ ยังไม่มีแผนถอนหุ้น “เอสโซ่” ออกจากตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด
ปิดดีลซื้อหุ้น “เอสโซ่” 65.99% ผู้นำธุรกิจโรงกลั่น
นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับทั้งอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เสริมสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 800 แห่งได้ทันที ทำให้กลุ่มบริษัทบางจากจะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวันจาก
โดยบางจากจะมีโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง คือโรงกลั่นบางจาก พระโขนง และโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา สามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง เพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน
ตั้งเป้ายอดขายแตะ 5 แสนล้านบาท ปี 67
บางจากตั้งเป้ายอดขายจะเติบโตแตะ 5 แสนล้านบาทภายในปี 2567 จากปีนี้ที่มียอดขายราว 3.8 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเข้าซื้อกิจการเอสโซ่ มูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าสามารถคืนทุนได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า
บางจากตั้งงบลงทุน 5 ปี 2 แสนล้านบาท
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า งบลงทุนบางจากยังคงงบลงทุน 5 ปีนี้ (2566-70) อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ภายในปี 2566 กว่า 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุน ดังนี้
- ลงทุนในธุรกิจขุดเจาะและสำรวจแหล่งปิโตรเลียมราว 30%,
- ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานราว 30%
- ใช้รองรับการลงทุนดีล ESSO
- ส่วนเงินลงทุนอีก 10% จะใช้รองรับการขยายธุรกิจบริษัทย่อย ทั้งบมจ.บีซีพีจี (BCPG) และบมจ.บีบีจีไอ (BBGI) เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างรอประเมินสินทรัพย์ ณ สิ้นวันที่ 31 ส.ค.ให้แล้วเสร็จ ซึ่งหากจะมีการบันทึกผลกำไรพิเศษจะเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงเดียว
เตรียมปั้มเป็น “บางจาก” 280 แห่ง กลางเดือนก.ย.นี้
แต่นับตั้งแต่กลางเดือนก.ย.นี้จะเริ่มทยอยเปลี่ยนชื่อปั้ม “เอสโซ่” เป็น “บางจาก” ในส่วนของการเป็นเจ้าของ จำนวน 280 แห่ง และคาดว่าจะเปลี่ยนแบรนด์แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ส่วนที่เหลือกว่า 500 สาขา เป็นของดีลเลอร์ ซึ่งบางจากคงไปเจรจาขอให้เปลี่ยนเป็นแบรนด์ “บางจาก” ทั้งหมด ส่วนปั้มน้ำมันของ “บางจาก” กับ “เอสโซ่” เดิมที่อยู่ใกล้กันนั้น นายชัยวัฒน์ มองว่า “ยิ่งมีปั้มสาขาเยอะ แม้ใกล้กัน แต่มีคนเห็นมากขึ้น โอกาสที่จะมีลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น เปรียบเสมือนตู้เอทีเอ็ม หรือร้านค้าปลีก”
บางจากขึ้นแท่นเบอร์ 2 แซง PT
การเข้าซื้อกิจการเอสโซ่ในครั้งนี้ ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจค้าปลีกน้ำของบางจาก ขึ้นมาอยู่ที่ 30% จากเดิมประมาณ 16% ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 รองจาก ปตท. จากเดิมที่อยู่อันดับ 3 รองมาจาก ปั้มน้ำมัน PT
อันดับ 1 ปั้มปตท. มีส่วนแบ่งการตลาด อยู่ที่ 40%
อันดับ 2 ปั้มบางจาก ส่วนแบ่งการตลาด อยู่ที่ 30%
อันดับ 3 ปั้ม PT ส่วนแบ่งการตลาดราว อยู่ที่ 16%
สำหรับการให้บริการด้านการตลาดจะครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 แห่ง
โดยเครือข่ายสถานีบริการของเอสโซ่ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก สร้างโอกาสในการพัฒนาสถานีบริการให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงน้ำมันบางจากได้มากขึ้น
ถือว่ามีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ สถานีบริการของเอสโซ่จะเริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการบางจากภายใน 2 ปี โดยน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง 2 แห่งของกลุ่มบริษัทบางจาก น้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
นอกจากนี้ น้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจากทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5 และมีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่าค่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
คะแนนสะสมของ “เอสโซ่” โอนมา “บางจาก” ได้
ลูกค้าเอสโซ่ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ยังสามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนน เอสโซ่สไมล์ได้อีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ภายใต้บัตรเดิม หรือสามารถโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์
โดยจะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน หากทำการโอนย้ายคะแนนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
ทั้งนี้ สำหรับสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ นอกจากจะสามารถนำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่นๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว ยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่บางจากฯ ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อร่วมกันช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย
“วันนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับพนักงาน ผู้ประกอบการและลูกค้ารายใหม่จากเอสโซ่สู่ครอบครัวบางจาก ซึ่งการรวมทีมงานคุณภาพของทั้งสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” นายชัยวัฒน์กล่าว
พร้อมเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ “Greenovative Experience” ผ่านช่องทางการให้บริการที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เป็นการผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ Together To Greater เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย