ธุรกิจการตลาด

'เซ็น กรุ๊ป’กำไรเพิ่มกว่า 200% นิวไฮในรอบ 32 ปี พลิกจากขาดทุนปีก่อน

11 มี.ค. 66
'เซ็น กรุ๊ป’กำไรเพิ่มกว่า 200%  นิวไฮในรอบ 32 ปี พลิกจากขาดทุนปีก่อน
ไฮไลท์ Highlight
  • ผลประกอบการนิวไฮ ในรอบ 32 ปี
  • ปี 65 กำไรสุทธิ 154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268%
  • ปี 65 รายได้ 3,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51%
  • ปี 65 เปิดร้านอาหารใหม่ 45 สาขา รวมทั้งสิ้น 345 สาขา
  • ปี 66 ปรับโมเดลธุรกิจ พร้อมขยายสาขาเพิ่ม

การใช้ชีวิตของคนไทยขณะนี้ ถือว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ผู้คนออกเดินทางมาทำงานกันปกติ กิน ดื่ม เที่ยง สังสรรค์ ทานอาหารนอกบ้าน ทุกอย่างเหมือนเมื่อปี 2562 สมัยที่เรายังไม่รู้จัก คำว่า “โควิด” ภาคธุรกิจต่างๆ เริ่มฟื้นตัว

โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด อย่างบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่โชว์ผลงานไตรมาส 4/2565 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268% จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 92 ล้านบาท

“ ผลประกอบการที่ทำได้ถือว่าสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา ตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมาจากรายได้ธุรกิจร้านอาหาร จากการฟื้นตัวของธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มีการขยายสาขาใหม่ โดยเฉพาะสาขาที่บริษัทเปนเจ้าของ รวมถึงการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า และการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจากความพยายามของบริษัทในการปรับโมเดลธุรกิจ ซึ่งในปีนี้ได้เข้าลงทุนในบริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ช่วยผลักดันให้รายได้ธุรกิจอาหารค้าปลีกของบริษัทเติบโตขึ้นมาก นางยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปี 65 เปิดร้านอาหารใหม่ 45 สาขา

ด้านนายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทได้โฟกัสที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้ธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิมของบริษัท +25.5% โดยเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร เพิ่มขึ้น 928 ล้านบาท หรือ 59% หลังการปลดข้อจำกัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลับมารับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น และสาขาใหม่บนทำเลที่มีศักยภาพ

โดยปี 2565 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 45 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 25 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 20 สาขา ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 345 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 155 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 190 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45:5 ซึ่งไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวน 18 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 9 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 9 สาขา 5

“ ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ มีการขยายสาขาของแต่ละแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ เพื่อให้ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ”

แผนปี 2566 ปรับโมเดลธุรกิจให้ทันสมัย พร้อมขยายสาขาต่อเนื่อง

สำหรับปี 2566 นี้ มีแผนที่จะการปรับโมเดลธุรกิจให้กระชับ ทันสมัย พร้อมทั้งการขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 66 และบริษัทก็ยังคงเน้นการทำรายได้และกำไรของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงความพร้อมของการบริหารจัดการร้านอาหาร ต่อยอดการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบภายในร้าน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Robot, QR Ordering/Payment, Cashless ให้รองรับการใช้งานกับทุกร้าน และทุกสาขาในเครือทั้งหมด เพื่อเตรียมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยความมั่นคงและยั่งยืน

รวมถึงการเน้นการทำการตลาดที่เผ็ดร้อน ตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้นในทุกมิติ ด้วยการใช้กลยุทธ์ Insightful Marketing ที่จะต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และสร้างกระแสที่สนุกสนานให้กับวงการตลอดทั้งปี

ปีนี้ธุรกิจร้านอาหารต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ปรับโมเดลธุรกิจให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ  โดยเฉพาะโรคอุบัติใหม่ๆ ที่ไม่มีใครจะรู้ได้ว่า จะมีเข้ามาอีกหรือไม่ ต้องมีการตลาดรูปแบบใหม่เพื่อที่จะให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นในทุกช่วงอายุ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT