KFC จับมือแบรนด์ แม่บ้าน แม่ครัว แม่ศรีเรือน ปล่อยแคมเปญ “Let Mom Rest” เหนื่อยนักพักก่อนแม่ ชวนตัวพ่อตัวลูกช่วยงานบ้านในวันแม่ ให้ตัวแม่ ตัวมัม ตัวมารดา ได้พักงานหนัก พักผ่อน ทำเพื่อตัวตัวเองในวันแม่ที่จะถึง พร้อมแย้มโปรโมชั่นดีๆ ฉลองวันแม่เร็วๆ นี้
นับว่ามาไวเกาะกระแสได้ตลอดสำหรับ KFC ที่ออกแคมเปญมาให้เป็นที่ฮือฮาได้ทุกช่วงเทศกาล ในวันแม่ปีนี้ก็ไม่แพ้กัน เมื่อทาง KFC ร่วมมือกับแบรนด์ขวัญใจแม่บ้านถึง 3 แบรนด์ คือ แม่บ้าน แม่ครัว แม่ศรีเรือน ออกแคมเปญรณรงค์ให้ทุกคนในครอบครัวช่วยแบ่งเบางานบ้าน ‘แบบไม่เกี่ยงเพศ’ ผ่านการเล่นคำ แทนคำว่า ‘แม่’ เป็น ‘พ่อ’ ในชื่อแบรนด์ พร้อมใส่ภาพผู้พันแซนเดอร์ในโลโก้แทนเหล่าแม่บ้าน เพื่อชี้ว่านอกจากผู้หญิง ผู้ชายก็ทำงานบ้านได้
พร้อมชวนให้คิดถึงความสำคัญของงานบ้าน ซึ่งแท้จริงเป็นงานหนัก ไม่มีวันหยุดเพราะต้องทำ 365 วัน ผ่านคำโปรยน่ารักๆ อย่าง
- ”รัก..แม่ครัว” ให้แม่ออกจากหน้าเตา ไปพักทำให้หน้าฉ่ำเงา
- “รัก..แม่บ้าน” บอกแม่หยุดล้างจาน พ่อลูกขอล้างให้แบบไม่มีคำว่า ‘เดี๋ยว’
- “รัก..แม่ศรีเรือน” พาแม่ออกจากเรือน แล้วพ่อๆ ขอสวมผ้ากันเปื้อนแทน
ซึ่งเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านี้แล้ว ภาพของแม่ที่นอกจากต้องไปทำงานนอกบ้าน ยังต้องกลับมาทำกับข้าว ล้างจาน กวาดเช็ดถูบ้านให้เรามีบ้านสะอาดๆ อยู่ คงเข้ามาในความคิดของหลายๆ คน ชวนให้เราอยากพาแม่ไปพักผ่อนบ้าง นับเป็นแคมเปญปังๆ ที่นอกจากจะส่งต่อแนวคิดดีๆ ด้านความเท่าเทียมทางเพศแล้ว อาจจะยังให้เหล่าตัวพ่อตัวลูกอยากพาตัวแม่ไปอิ่มอร่อยกับไก่เคเอฟซีในวันแม่ที่จะถึงนี้ด้วย
งานบ้าน คือ “งานที่ไม่ได้เงิน” ผู้หญิงทั่วโลกรับภาระ ชีวิตเหนื่อยสองเท่า
ตามปกติเมื่อเราเห็นผู้หญิงเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกโดยไม่ได้ออกไปทำงานข้างนอก หลายๆ คนอาจจะคิดว่าผู้หญิงคนนั้น ‘ไม่มีงานทำ’ แต่แท้จริงแล้วตามความหมายของการทำงาน ผู้หญิงเหล่านี้กำลังทำ “งานที่ไม่ได้ค่าแรง” (unpaid work) อยู่ เพราะเช่นเดียวกับงานที่ได้เงิน งานบ้านก็คือการใช้แรงกายของมนุษย์เพื่อสร้างผลผลิตบางอย่าง และถือเป็นงานบริการที่ทำให้ชีวิตคนในบ้านสะดวกสบายขึ้นเช่นเดียวกับพนักงานทำความสะอาดมืออาชีพทั่วไป
โดยจากข้อมูลของ UN Women ในปัจจุบันผู้หญิงทั่วโลกทำงานที่ไม่ได้เงินนี้มากกว่าผู้ชายอย่างน้อย 2 เท่าครึ่ง และในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงไทย ผู้หญิงต้องรับภาระทำงานที่ไม่ได้เงินถึงเฉลี่ยวันละ 4.11 ชั่วโมง ในขณะที่ผู้ชายต้องทำเพียง 1.31 ชั่วโมง
จากข้อมูลขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) ยังระบุอีกว่า ทั่วโลกผู้หญิงวัยทำงาน 21.7% ต้องทำงานดูแลเต็มเวลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ในทางตรงกันข้าม ผู้ชายเพียง 1.5% ทั่วโลกเท่านั้นที่ต้องรับภาระนี้
การที่ผู้หญิงต้องทำงานทั้งในบ้านและนอกบ้านย่อมทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมทางเพศ ทำให้ผู้หญิงมีเวลาดูแลตัวเอง หรือไปตั้งใจทำงานในภาคการจ้างงานให้มีความเจริญก้าวหน้าในสาขาอาชีพได้ยากขึ้น ซึ่งในช่วงสามปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ความไม่เท่าเทียมนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เพราะทั้งโรงเรียน ศูนย์รับดูแลเด็กเล็กต้องปิดทำการ ทำให้ผู้หญิงต้องดูแลลูกพร้อมทำงานไปด้วยแทบจะ 24 ชั่วโมง
โดยจากผลการวิเคราะห์ของ ILO พบว่า มีคนทั่วโลกต้องทำงานแบบไม่ได้ค่าแรงถึง 2 พันล้านชั่วโมงต่อวัน และ 75% ของชั่วโมงการทำงานนั้นตกเป็นภาระของผู้หญิง
แท้จริงแล้ว งานบ้าน คือ งานชนิดหนึ่งที่สังคมคาดหวังผู้หญิงทำให้ครอบครัวแบบ ‘ฟรีๆ’ ตลอด 365 วันแบบไม่มีการพักผ่อน ทำให้ผู้หญิงจะยังคงไม่ได้รับความเท่าเทียมอย่างเต็มที่ในตลาดแรงงานตราบใดที่หน้าที่ให้การทำงานบ้านยังเป็นหน้าที่หลักของผู้หญิงอยู่
และการจะแก้ปัญหานี้ คือ การที่สังคมต้องเริ่มเปลี่ยนทัศนคติ สั่งสอนเด็กทุกคนว่า “งานบ้าน คือ หน้าที่ของมนุษย์ทั่วไป” ไม่ใช่หน้าที่ของมนุษย์ผู้หญิง และทุกคนควรจะช่วยแม่ทำงานบ้านทุกวัน ไม่ใช่แค่ในวันแม่เท่านั้น