สายมูต้องมา! เจาะธุรกิจ “มูเตลู” พุ่งแรง ยุคโควิด เก่ง ต้องบวก เฮง !

โควิด-19 แพร่ระบาดมาแล้วในประเทศไทยมา 2 ปีเต็มส่งผลกระทบต่อเนื่องมากมายไปยังหลายธุรกิจให้ขาดทุนจนล้มหายไป แต่ว่ามีธุรกิจกลุ่มหนึ่งที่โตต่อเนื่องแบบไม่สนสวนโรคระบาดคือ ธุรกิจสาย "มูเตลู" ที่ยึดโยงอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาเป็นที่พึ่งของคนไทยมายาวนาน ในอีกมุมยังช่วยสร้างให้เกิดธุรกิจประเภทใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะปัจจุบันที่มีช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์

สำหรับธุรกิจสาย "มูเตลู" ยุคใหม่ ทีมข่าว SPOTLIGHT รวบรวมมาได้ดังนี้

-ออกแบบ Wallpaper โทรศัพท์มือมงคลเสริมดวงชะตา

-ออกแบบลายเซ็นมงคล

-ออกแบบโลโก้มงคล

-จัดเรียงเบอร์โทรศัพท์มงคล

-ดูดวงและฮวงจุ้ยออนไลน์หรือทางโทรศัพท์

-สักเส้นลายมือเสริมดวงชะตา

-สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล

-รับให้บริการทำบุญออนไลน์ อาทิ ถวายสังฆทาน, ตักบาตร, ปล่อยนก ปล่อยปลา

ขณะที่วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยข้อมูลงานวิจัยหัวข้อการตลาด Marketing in the Uncertain World ที่เผยแพร่ออกมาใน 2564 ว่า จากการสำรวจคนไทยจำนวน 1,200 คนไทย พบว่า 3 ปัจจัยที่คนกังวลมากที่สุด คือ โรคระบาดโควิด-19 , สิ่งแวดล้อม และสังคม อีกทั้งผลสำรวจระบุว่า คนไทยกว่า 52 ล้านคนในปัจจุบันมีความเชื่อเรื่อง โชคลาง

โดยมี 5 อันดับความเชื่อโชคลางที่มีผลต่อคนไทยมากที่สุด ได้แก่

1.พยากรณ์ โหราศาสตร์ ลายมือ ไพ่ยิปซี

2.พระเครื่องวัตถุมงคล

3.สีมงคล

4.ตัวเลขมงคล

5.เรื่องเหนือธรรมชาติ

ธุรกิจหมอดูไพ่

อาจารย์ชัญญา ราชินีไพ่จิตสัมผัส หมอดูไพ่ชื่อดัง กล่าวกับทีมข่าว "SPOTLIGHT" ว่า เดิมครอบครัวทำธุรกิจพัฒนาอสังหริมทรัพย์ แต่ส่วนตัวมีความถนัดและชอบในเรื่องการทำนายดวงจากไพ่จึงมาทำงานที่ตัวเองชอบและยังมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนด้วย โดยนอกจาการดูดวงทำนายผ่านไพ่แล้ว ยังรับเป็นเทรนเนอร์โค้ชเปิดคอร์สรับสอนดูดวงจากไพ่ และเป็นเทรนเนอร์โค้ชเปิดสอนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับด้านความรักโดยทำนายจากไพ่และโหงวเฮ้งซึ่งธุรกิจนี้เป็นเจ้าแรกของประเทศไทย

รวมถึงรับให้คำปรึกษาด้านการออกแบบโลโก้บริษัท และรับดูตี่ลี่ฮวงจุ้ย โดยในส่วนของรายได้รวมถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

แม้ว่าเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีผลกระทบในการดูดวงชะตาผ่านไพ่ เพราะปัจจุบันอาจารย์ชัญญามีการดูดวงใน 2 รูปแบบคือ การเดินทางมาดูดวงแบบพบกับอาจาย์โดยตรงกับการดูดวงผ่านทางโทรศัพท์ซึ่งช่องทางนี้ทำมาแล้วประมาณกว่า 10 ปีถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่เริ่มดูดวงผ่านทางโทรศัพท์ ออกรายการทีวี โดยในช่วงโควิด-19 ยังได้ช่วยเหลือดูดวงแบบไม่คิดเงิน รวมถึงบริจาคทำบุญให้ผู้ที่เดือนร้อนด้วย

สำหรับจำนวนลูกค้าที่รับดูดวงต่อวันจะกำหนดลิมิตอยู่ที่ไม่เกินประมาณ 14 คนต่อวันเพราะต้องใช้พลังในการอ่านไพ่ค่อนข้างมาก จะทำงานในช่วงเวลา 10.30-17.30 น. หากรับดูดวงจำนวนมากกว่านี้ร่างกายอาจเหนื่อยมากจนเกินไป ลูกค้าปกติจะมีการนัดจองคิวล่วงหน้าประมาณ 1-3 เดือนเพื่อรอคิวซึ่งจะกำหนดให้จองคิวล่วงหน้าไม่ให้เกินเฉลี่ย 3 เดือน

เนื่องจากต้องบริหารแบ่งเวลาไว้สำหรับรับงานออกอีเว้นท์กับการับงานด่วนที่จะเข้าด้วย ซึ่งปกติจะมีลูกค้านัดจองคิวดูดวงเกือบทุกวันจะมีบางวันเท่านั้นที่อาจารย์จะกำหนดวันหยุดเอง เพราะหากไม่กำหนดวันหยุดลูกค้าจะมีการจองคิวเข้ามาดูดวงทุกวัน จึงต้องกำหนดวันหยุดเองเพื่อให้ร่างกายได้พัก

ด้านเหตุผลที่มีลูกค้าเข้ามาจองคิวดูดวงไพ่อย่างต่อเนื่องนี้ เพราะการพยากรณ์ด้วยศาสตร์ไพ่สามารถที่จะทำนายอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้อย่างแม่นยำและสามารถช่วยฟื้นฟูเป็นกำลังใจ ใช้เป็นแนวทางใช้ชีวิตทั้งด้านการงาน การเงิน ธุรกิจ ความรัก และเรื่องอื่นๆที่ลูกค้าต้องการรู้ได้อย่างดี

รวมถึงใช้สัมผัสที่หกให้คำแนะนำในเรื่องที่ไม่สามารถมองเห็นได้ จนลูกค้าสามารถพบทางออกของปัญหาและเลือกที่จะกลับมาดูซ้ำเป็นลูกค้าประจำ รวมถึงมีการบอกปากต่อปากถึงความแม่นยำของศาสตร์นี้ ทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ นัดเข้ามาขอดูดวงอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีสโกแกนว่า "ไพ่ไม่เคยโกหกและไม่เคยเอาใจใคร"

"รายได้ของอาชีพนี้ถือว่าดีมากเป็นกอบเป็นกำซึ่งในช่วงที่มีโควิดไม่ได้มีผลกระทบเพราะคนยังมีความต้องการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหาอย่างปัจจุบันที่มีคนได้รับผลกระทบจากโควิดถือเป็นการได้ช่วยเหลือที่เดือนร้อนด้วย โดยลูกค้าสามารถดูดวงได้ทางโทรศัพท์ แม้อยู่ที่บ้าน หรือในช่วง Work From Home"

ธุรกิจสร้างพระใหม่

ด้าน "ป๋อง สุพรรณ" รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และเซียนพระชื่อดัง ให้ข้อมูลกับทีมข่าว "SPOTLIGHT" ว่า ปัจจุบันภาพการสร้างวัตถุมงคลหรือการสร้างพระใหม่เป็นอีกธุรกิจที่กำลังมาแรง โดยจากข้อมูลที่รวบรวมได้เบื้องต้นประเมินมูลค่าการสร้างพระใหม่ในประเทศไทยเฉพาะในปี 2564 ที่ผ่านนี้ แม้จะมีสถานการณ์แพร่ระบาดคาดว่าน่าจะมีมูลค่ารวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท ด้วยแรงศรัทธาที่มีต่อพระเกจิอาจารย์ที่เคารพนับถือส่งผลให้ลูกศิษย์ที่เคารพนับถือต้องการวัตถุมงคลไว้บูชาครอบครอง

ยกตัวอย่างโครงการงานที่ตนเองได้ถูกเรียกใช้งานจาก “หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม” พระเกจิดังอายุ 100 ปี แห่งวัดห้วยด้วน อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ในฐานะลูกศิษย์ใกล้ชิดให้เข้าไปเป็นสะพานบุญเป็นหัวเรือในการจัดจ้างเหรียญรูปเหมือหลวงพ่อพัฒน์ หลายรุ่น โดยปัจจุบันมีลูกศิษย์แลผู้ศรัทธา หลวงพ่อพัฒน์ มากมายจากทั่วประเทศนำวัตถุมงคลไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์ปาฏิหาริย์ ยิ่งทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นต่อเนื่อง

โดย "ป๋อง สุพรรณ" ยืนยันว่าการเข้ามาร่วมสร้างพระใหม่นี้เป็นการทำโครงการแบบกุศลทั้งหมดในฐานะลูกศิษย์ โดยในหลายครั้งในการจัดสร้างพระหากจำนวนเงินได้ไม่ครบตามวัตถุประสงค์ของโครงการของหลวงพ่อ ตนเองยังควักเงินส่วนตัวออกมามาช่วยร่วมบุญเพื่อให้โครงการสาธารณะกุศลสำเร็จตามเจตนารวมของหลวงพ่อ

สำหรับธุรกิจหลักปัจจุบันของตนเองคือ ร้านพระเครื่อง ป๋อง สุพรรณ ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานซึ่งเน้นการรับและปล่อยเช่าบูชาพระเครื่อง พระบูชา และวัตถุมงคลเก่าเป็นหลัก รวมถึงการร่วมหุ้นเปิดสถาบันรับรองและตรวจสอบวัตถุมงคลประเทศไทย

ขณะที่การสร้างเหรียญพระใหม่แต่ละรุ่นจะมีการกำหนดวัตถุประสงค์การสร้างไว้ชัดเจนจากหลวงพ่อว่าจะนำเงินที่ได้นำไปใช้ทำอะไรซึ่งนำเงินที่ได้ไปใช้พัฒนาเพื่อสร้างสาธารณะกุศลทั้งการพัฒนาสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และด้านอื่นๆ

สำหรับรูปแบบการสร้างและเปิดจำหน่ายพระใหม่นี้จะมีการเปิดให้ผู้สนใจที่ต้องการพระเครื่องของหลวงพ่อพัฒน์ สั่งจองล่วงหน้าและชำระเงินผ่านศูนย์จำหน่ายพระเครื่องทั่วประเทศ จากนนั้นจะรวบรวมเงินส่งมาให้หลวงพ่อเพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ตั้งไว้

ป๋อง สุพรรณ อธิบายว่า การสร้างพระใหม่แน่นอนว่าผู้ที่มีรายได้โดยตรงคือโรงงานสร้างพระ ส่วนฝั่งผู้จองซื้อพระก็จะได้วัตถุมงคลไปครอบครองเป็นสิริมงคลกับชีวิต ไม่เท่านั้นยังช่วยสร้างห่วงโซ่ในเชิงเศรษฐกิจต่อยอดให้เกิดอาชีพใหม่สร้างรายได้ให้กับประชาชนได้อีกหลายๆ ส่วน ทั้งโรงงานผลิตกล่องพลาสติก โรงงานผลิตกล่องกระดาษ พนักงานตอกโค้ตพระที่ได้ค่าจ้าง 3 บาทต่อเหรียญ ในภาวะประชาชนกำลังเดือนจากโควิด-19 รวมในช่วงการจัดงานพุทธาพิเศษกของพระเครื่องใหม่จะมีคนจำนวนมาร่วมงานเป็นโอกาสที่ร้านขายสินค้าหรือร้านอาในพื้นที่จะมีโอกาสขายของได้มากขึ้น

นอกจากนี้ด้วยความศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อพัฒน์ จึงเกิดพ่อค้าแม่ค้าที่หันมาซื้อขายเปลี่ยนมือพระเครื่องหลวงพ่อพัฒน์เกิดตลาดซื้อขายพระใหม่ทำให้หลายคนเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้าพระเครื่อง ยกตัวพระใหม่ที่ปลุกเสกแล้ว 1 ลังจะมีจำนวน 100 องค์ หากจองซื้อครั้งแรกที่ราคา 200 บาทต่อองค์เท่ากับราคาขายยกลังค์ที่ 20,000 บาท แต่สามารถนำมาปล่อยเช่าบูชาต่อขายในราคาแพงขึ้นเป็น 300-400 บาทต่อเหรียญ เรียกได้ว่ามีกำไรเป็นเท่าตัว อีกทั้งในเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ ที่มีความยิยมเล่นหาสูง คือ เหรียญเสมารุ่นปี 2561 ที่ตอนเปิดจองมีราคา 10,000 ต่อลังค์ แต่ปัจจุบันถึงมีผู้ยอมจ่ายเงินซื้อที่ 1 ล้านบาทต่อลังค์ ยังหาซื้อได้ยาก

ถือได้ว่าความเชื่อความศรัทธายังเป็นที่พึ่งทางจิตใจอยู่คู่กับคนไทยในทุกยุคสมัยแล้ว ยังต่อยอดให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ สร้างรายได้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องพอมีรายได้ดำเนินชีวิตต่อได้แม้ในยามวิกฤตโรคระบาดปัจจุบัน