เปิดใจ พ่อก้มกราบลูก หวังให้กลับตัวเป็นคนดี แต่ถูกกันน็อกฟาด (คลิป)

19 ต.ค. 61
วันที่ 19 ต.ค. 61 ผู้ใช้สื่อออนไลน์มีการพูดถึงและส่งต่อคลิปวิดีโอของผู้ใช้รายเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ลูกชายมีอาการคล้ายคนติดยามาขอเงิน แต่ตนไม่มี ลูกชายจึงใช้หมวกกันน็อกทุบตี และทำร้ายร่างกาย" ก่อนที่ผู้โพสต์จะก้มลงกราบเท้าลูกชาย เพื่อให้สำนึก แต่ไม่เป็นผล กระทั่งล่าสุดผู้โพสต์ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน.สุทธิสาร ซึ่งบรรดาชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น และตำหนิการกระทำของบุตรชาย
โพสต์ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กระบุว่าพ่อต้องกราบเท้าลูก
ล่าสุด นายหนุ่ย (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 58 ปี ผู้โพสต์และเป็นพ่อที่ก้มกราบลูกในคลิปดังกล่าว เปิดใจว่า ตนอยู่บ้านแถวบางซื่อ ส่วนลูกชายอยู่บ้านปู่ย่าย่านลาดพร้าว ซึ่งคนในคลิปคือคนโต อายุ 32 ปี ส่วนคนเล็ก อายุ 28 ปี เมื่อครั้งที่ลูกคนโต อายุได้ประมาณ 2 เดือน ปู่และย่าได้ขอไปเลี้ยง เพราะตอนนั้นตนเองยังไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและยังไม่มีทุนเลี้ยงดู กระทั่งคนโตเรียนจบก็เป็นเด็กดีมาโดยตลอด ช่วยงานบ้านและธุรกิจของครอบครัว แต่เมื่อปี 2558 ลูกคนโตเริ่มมีท่าทีแข็งกระด้าง ถกเถียงคนในบ้าน และมีอารมณ์เกรี้ยวกราด หากใครขัดใจก็จะมีท่าทีฟึดฟัด แต่ก็ไม่เคยทำลายข้าวของ หรือทำร้ายร่างกายใคร กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา มีนายตำรวจท่านหนึ่งเห็นความสามารถของลูกชาย จึงพาไปฝึกในกรมแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น 2 เดือน ลูกชายก็หนีออกมาจากกรม กลับมาเอาของที่บ้านและหนีไปอยู่ต่างจังหวัดประมาณ 3 - 4 เดือน ก่อนจะกลับมากรุงเทพฯ เพื่อทำงานตามเดิม ขณะที่ปู่และย่าเห็นว่าอาการของลูกชายหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ จึงมาบอกให้ตนรีบจัดการ หรือรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ลูกชายจะเป็นอะไรมากกว่านี้
นายหนุ่ย ผู้เป็นพ่อ
ในระยะหลังมานี้ ลูกชายคนโตมาหาตนเพื่อขอเงิน 300 - 500 บาท ตนก็ให้บ้างเป็นบางครั้ง เพราะรู้ว่าลูกจะเอาไปทำอะไรที่ไม่ดี แต่ล่าสุดตนไม่ยอมให้ลูกชายก็มีท่าทีฮึดฮัดและตาขวาง ตนจึงบอกว่าอย่ามาแสดงกิริยาไม่ดีตรงนี้ ลูกชายกลับมีท่าทีแข็งกร้าวกว่าเดิม ในช่วงวินาทีนั้นตนคิดอะไรไม่ออก เพียงแค่อยากจะให้ลูกชายหยุดแสดงท่าทางเช่นนั้น จึงตัดสินใจก้มลงกราบ เพราะคิดว่าจะหยุดอาการของลูกชายได้ แต่ลูกชายกลับยืนนิ่ง และท้าให้กราบพร้อมกับชกมาที่หน้า และเอาหมวกกันน็อกฟาด นายหนุ่ยยังบอกอีกว่า ใจจริงตนไม่อยากออกมาให้สัมภาษณ์ หรืออะไรก็ตามที่เป็นการโจมตีลูก หรือใครหลายคนอาจจะมองว่าเป็นการประจานทั้งตนเองและลูก ซึ่งตนไม่อยากให้เข้าใจแบบนั้น จุดประสงค์หลักที่ทำเพราะอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลจัดการ นำลูกของคนไปบำบัด เพราะตนไม่อยากเห็นลูกเป็นแบบนี้แล้ว และในฐานะหัวอกคนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรตนก็ยอมรับได้เสมอ ขอแค่เอาลูกคนเดิมกลับมา หรือต่อให้ทำมากกว่าในคลิปตนก็ยอมทำ ถ้าทำให้ลูกคนเดิมกลับมา เพราะในอนาคตลูกจะต้องยืนในสังคมให้ได้ ส่วนตนจะช้าจะเร็วก็ต้องตายอยู่ดี ทั้งนี้ ตนอยากจะบอกกับลูกว่าพ่อรักลูกเสมอ ตอนนี้อยากพูด อยากคุยกับลูก ว่าหยุดหรือยัง พอหรือยัง ถ้าหยุด หรือพอแล้ว เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เพราะไม่มีใครที่จะเลวโดยสันดาน และตนเชื่อว่าคนเราหลงผิดกันได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ