วันที่ 18 ต.ค. 61 ภายหลังจากมีภาพคลิปกล้องหน้ารถ ขณะนายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชักปืนขู่คนขับรถแท็กซี่คู่กรณี บริเวณถนนในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
พ.ต.ท.สุบรรณ์ อธิเศรษฐ์ รองผกก.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า นายพิเศษเดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมนำอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ซึ่งเป็นปืนที่ปรากฎภายในคลิปดังกล่าว มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าปืนกระบอกดังกล่าว มีเอกสารครบถ้วน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค. 61) จะนำอาวุธปืนส่งกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนประเด็นที่แจ้งข้อหาพยายามฆ่า ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวคนขับแท็กซี่คู่กรณี
นายเลิศ (นามสมมติ) คนขับแท็กซี่คู่กรณีนายพิเศษ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ตนขับรถมาจากคลองประปาเพื่อมุ่งหน้าเพื่อไปศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เนื่องจาก ช่วงเวลาดังกล่าวที่ศูนย์ราชการจะมีผู้โดยสารจำนวนมาก เมื่อตนขับรถเพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าศูนย์ราชการ ถนนเส้นดังกล่าวจะมีสัญญาณไฟกะพริบอยู่ ตนจึงชะลอรถเพื่อดูรถฝั่งซ้ายและขวา ในระหว่างนั้นคู่กรณีก็ขังรถยนต์ตามหลังมาบีบแตรใส่ตน 1 ครั้ง เมื่อข้ามแยกมาตนจึงไปอยู่เลนขวา เพื่อให้รถคู่กรณีขับแซงไป
โด ย
นายเลิศ ยอมรับว่า ได้บีบแตรคืน 1 ครั้งแต่ไม่ได้เปิดไฟกะพริบหน้ารถใส่ ซึ่งสาเหตุที่บีบแตรเพราะคิดว่าทำไมขับรถเช่นนี้ เนื่องจากถ้ารีบก็สามารถเข้าซ้ายได้ด้วยเหตุที่ถนนนั้น 3 เลน แต่หลังจากที่รถคู่กรณีได้ขับแซงไป แอปพลิเคชันรับผู้โดยสาร ก็แจ้งว่ามีผู้โดยสารต้องการรถแท็กซี่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร B ตนจึงขับรถไปตามทางประกอบกับเห็นว่าข้างหน้ารถโล่งจึงรีบขับรถไปเพื่อรับงาน แต่เมื่อขับรถมาถึงลูกระนาดตนก็สงสัยว่าทำไมรถคู่กรณีถึงหยุดแล้วไม่ไปต่อ แต่เมื่อคนขับลงจากรถแล้วชักอาวุธปืนออกมา ตนคิดในใจว่า “เล็งขนาดนี้เลยหรือ” ก่อนที่คู่กรณีจะถามตนว่าตามมาทำไม พร้อมกับไล่ให้ไปที่อื่น ซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยตรงจุดเกิดเหตุก็เดินออกมา คู่กรณีจึงเก็บปืนแล้วต่างคนต่างแยกย้าย
นายเลิศ เล่าถึงวินาทีที่คู่กรณีชักอาวุธปืนออกมาว่า ขณะนั้นตนทำใจสู้ดีว่า คู่กรณีคงไม่ถึงขั้นยิงปืนใส่ตน เพราะเป็นช่วงเวลากลางวันประกอบกับเป็นที่ราชการ แต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นเช่นกัน ซึ่งเมื่อเอาปืนออกมาโชว์ตนก็ไม่กล้าตามต่อ เนื่องจากกลัว ส่วนสาเหตุที่ตนโพสต์คลิปก็ไม่ได้หวังจะเอาเรื่องอีกฝ่าย แต่เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนว่าไม่ควรเล่นกับปืน และอยากเตือนคู่กรณีว่า คนโบราณเคยเตือนว่าหากเล่นปืนแล้วผีผลักใส่ปืนอาจจะลั่นได้ ซึ่งหากตนตายไปคู่กรณีก็คงลำบาก จึงอยากให้ใช้การพูดคุยกันมากกว่ามาใช้อาวุธปืนเช่นนี้
ทั้งนี้
นายเลิศ เปิดเผยว่า ในอนาคตตนก็คงต้องขับรถระมัดระวัง เพราะการขับรถบนท้องถนนก็สามารถเกิดความเข้าใจผิดกันได้ อย่างเช่นกรณีของตนที่ตนขับรถเร็ว เพราะต้องไปรับผู้โดยสารเท่านั้น ซึ่งสำหรับกรณีนี้ตนไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และตนไม่ติดใจอีกฝ่ายเช่นกัน
นายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากในคลิปที่เห็นตนเองหยุดรถ แล้วลงไปเพื่อหยุดการกระทำของแท็กซี่ที่ขับปาดและตบไฟใส่ ด้วยการเอาปืนลงไปนั้น เพื่อไม่ให้ถูกแท็กซี่คุกคามต่อ ส่วนการยกปืนขึ้นเล็งเป็นไปตามวิธีการในการถือปืนเพื่อป้องกันตัว ซึ่งถ้าสังเกตเห็นนิ้วที่จับปืนนั้น ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่จะยิง เพราะนิ้วระนาบกับโกร่งไกปืน ไม่ได้สอดเข้าไป และตนเองไม่มีเจตนาที่จะเหนี่ยวไก
นายพิเศษ ยืนยันว่า เรื่องนี้ที่ถูกมองว่าใช้อารมณ์ และใช้อาวุธในที่สาธารณะ ทั้งนี้ ตนมองว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ และเหตุการณ์ขณะนั้น ซึ่งความรู้สึกของคนที่ต้องเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ แต่ละคนไม่เท่ากัน แนวทางกฎหมายต้องดูในส่วนนี้ประกอบด้วย