กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "รุ่งเพชร นิรทุกข์" โพสต์ภาพสะเทือนใจ แม่ที่นอนป่วยติดเตียง พร้อมข้อความระบุว่า "ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟแล้ว ขอติดไว้ก่อน อย่าเพิ่งตัดไฟนะครับ แม่ต้องใช้เครื่องหายใจช่วยครับ" โดยโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ และมียอดแชร์มากถึง 20,000 ครั้ง
ขณะเดียวกันก็มีผู้ใจบุญจำนวนมาก ร่วมกันบริจาคโอนเงินให้กับหนุ่มกตัญยูรายนี้ ซึ่งมียอดบริจาคกว่า 1.2 ล้านบาท กระทั่งเจ้าตัวได้ประกาศปิดรับบริจาค เนื่องจากจำนวนเงินเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิต 2 แม่ลูกแล้ว พร้อมกับขอบคุณผู้บริจาคทุก ๆ คนที่ให้ความเมตา
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย สาขาหนองจอก จ.อุทัยธานี ยังใจบุญช่วยจ่ายค่าไฟ จำนวน 1,469บาทให้เรียบร้อยแล้ว โดยระบุข้อความว่า "ขอขอบคุณน้องแอนไปรษณีย์ไทยสาขาหนองจอก ที่ช่วยเหลือค่าไฟ 1,469 บาท ขอโมทนาบุญด้วยครับ ขอผลบุญที่ดูแลแม่มา 3 ปี จงกลับสู่ผู้ใจบุญทุกคนมาก ๆ ครับ"
ล่าสุดวันที่ 3 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 14 ต.หนองจอก อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ก่อด้วยอิฐบล็อกสภาพเก่าทรุดโทรม ซึ่งเป็นบ้านของนายรุ่งเพชร นิรทุกข์ อายุ 41 ปี หนุ่มกตัญญูคนดังกล่าว กำลังดูแลและปรนนิบัตินางกำจัด นิรทุกข์ อายุ 66 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และต้องใช้เครื่องช่วยหาย หรือเครื่องผลิตออกซิเจนอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา
นายรุ่งเพชร นิรทุกข์ อายุ 41 ปี เปิดเผยว่า ครอบครัวตนมีฐานะยากจน มีรายได้จากเบี้ยคนจนและเบี้ยคนพิการ รวม 1,400 บาท แต่ภาระค่าค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า ค่ากินค่าอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียงพอ แต่ก็มีญาติพี่น้องช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่ตอนนี้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไว้รัสโควิด–19 ระบาดหนัก จึงไม่มีใครจะช่วยกันได้ ตนก็รู้สึกท้อแท้ให้กับชีวิต ซึ่งตั้งแต่แม่ป่วยจากอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชนมานานกว่า 3 ปี จากที่ตนเคยทำงานขับรถอ้อย ก็ต้องออกมาดูแลแม่อย่างสุดความสามารถ
สำหรับตนเป็นลูกคนเดียว จึงต้องรับผิดชอบด้วยความลำบาก ต้องอยู่กับแม่ตลอดเวลา เพราะแม่ไม่สามารถรับรู้อะไร แต่ตนก็เต็มใจที่จะดูแลแม่ ซึ่งในระยะนี้ขัดสนจริง ๆ กลัวโดนตัดไฟ เนื่องจากยังค้างชำระและมีความจำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชม. ห่างไม่มีเครื่องช่วยหายใจเครื่องนี้ แม่คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อเวลาไฟดับครั้งใด ตนก็แทบจะขาดใจแทนแม่ หากถูกตัดไฟฟ้าแม่คงไม่รอดแน่ ๆ
หลังจากนั้น ตนจึงตัดสินใจโพสต์ลงในสื่อโซเชียลฯ จนมีผู้เห็นใจแม่ แชร์ออกไปอย่างแพร่หลาย โดยความช่วยเหลืออันดับแรกมาจากน.ส.จุติมา เสนีกิจเกษตร เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ จ่ายค่าไฟฟ้าให้ทันทีหลังจากเห็นโพสต์ของตน เนื่องจากเป็นคนในตำบลเดียวกัน และรู้จักกันเป็นอย่างดีรู้ว่ามีความจำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้ากับเครื่องช่วยหายใจ
อย่างไรก็ตาม นายรุ่งเพชร โพสต์ข้อความด้วยว่า "ขอขอบคุณผู้ที่ไห้ความช่วยเหลือทุกคนคราับ ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ ไม่รู้จะพูดกับใคร พูดกับแม่ก็พูดไม่ได้ ดูแลยากครับ ขอขอบคุณที่บริจาคช่วยเหลือ ขอผลบุญที่ดูแลแม่มา 3 ปี จงกลับสู้ผู้บริจาคช่วยเหลือทุกคนครับ"
"เงินที่บริจาคช่วยเหลือ ผมขออนุญาติสร้างห้องให้แม่ใหม่ เพราะหลังคาบ้านร้อนมากครับ ต้องติดสปิงเกอร์บนหลังคา ค่าน้ำตกเดือนละ 300 ครับ หลังคาบ้านต่ำมาก ๆ ครับ"
น.ส.จุติมา กล่าวว่า นายรุ่งเพชรเป็นคนดี มีความกตัญญู ดูแลปรนนิบัติแม่เป็นอย่างดี ซึ่งตนทราบว่าขณะนี้เขาได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว เพราะมีคนใจบุญโอนเงินมาให้กว่า 1.2 ล้านบาท เขาก็จะใช้เงินอย่างคุ้มค่าที่สุดและใช้อย่างประหยัดเพื่อดูแลแม่
โดยเบื้องต้น นายรุ่งเพชร จะขอใช้เงินดังกล่าวสร้างห้องใหม่ให้แม่ได้อยู่สบายกว่านี้ เนื่องสภาพบ้านหลังเดิมเก่าและหลังคาก็เตี้ย อากาศร้อนมาก ๆ และอยากจะซื้อเครื่องปั่นไฟไว้สำรองหากไฟฟ้าดับจะได้ใช้เครื่องช่วยหายใจได้ทันที โดยไม่ต้องรอไฟที่จะจ่ายมาตามปกติ
