จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "narudee muangkamjud" ลงคลิปวิดีโอลูกชายหลังคลอดได้ 2 ชั่วโมงแล้วเสียชีวิต พร้อมกับ ระบุว่า "วันเกิดปีนี้แทนที่เราจะมีความสุขกว่าทุกปี เพราะจะมีเจ้าตัวน้อยมาร่วมฉลองวันเกิดกับเราด้วย แต่….เชื่อว่าของขวัญที่ดีที่สุดของใครหลายๆคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเราคือการได้มีลูกกับคนที่เรารัก และสร้างครอบครัวไปด้วยกัน เรื่องราวมันจะดี และสมบูรณ์แบบมาก ถ้ามันไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เรื่องอาจจะยาวสักนิดนึงแต่อยากให้ลองอ่านดูค่ะ" นั้น
วันที่ 9 ส.ค. 64 นางสาวนฤดี ม่วงกำจัด หรือ น้ำ อายุ 42 ปี แม่ของเด็กชายเฟ่ย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมาตนเองเดินทางไปฝากครรภ์กับคลินิกแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรม เลือกหมอที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการฝากครรภ์และคลอดลูก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จนกระทั่งครบกำหนดคลอด ตนเองดูแลลูกในครรภ์เป็นอย่างดี ไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน มั่นใจว่าไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้ลูกได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน รวมถึงยังคอยเดินทางไปที่คลินิกดังกล่าวเพื่อฝากครรภ์ ตรวจครรภ์อย่างต่อเนื่องตามวันนัดหมายตลอดเวลา
โดยนายแพทย์ที่ดูแลครรภ์ ระบุผลตรวจต่อเนื่องว่าเด็กสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ตนเองขอยืนยันว่าเป็นคนไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติรับการรักษาหรือทานยาที่จะกระทบต่อลูกในครรภ์ ทุกอย่างปกติ จนกระทั่งกำหนดการเดิมตนเองจะต้องผ่าตัดคลอด ช่วงวันที่ 18 ก.ค. - 1 ส.ค. และด้วยความที่คนในครอบครัวด้วยความเป็นคนเชื้อสายจีน กำหนดว่าเลือกวันที่ 1 ส.ค. เป็นวันดี
แต่วันที่ 14 ก.ค. เริ่มมีอาการปวดท้อง ปวดบริเวณขา ตนเองจึงได้ติดต่อไปยังแพทย์ของคลินิก จะดำเนินการผ่าคลอด คลินิกดังกล่าว จะมีโรงพยาบาลในสังกัดให้เลือก 2 โรงพยาบาล เนื่องจากนายแพทย์เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล 2 แห่ง แต่ตนเองได้ตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากดูมีความอำนวยสะดวกเกี่ยวกับการคลอดที่ดี
กระบวนการฝากท้องตั้งแต่ 1-9 เดือน จนกระทั่งคลอดที่โรงพยาบาลเอกชน ทุกอย่างปกติ ตนเองยอมรับว่าได้ยินเสียงลูกร้องดังลั่นห้อง ภายในห้องคลอดมีเพียงแค่ตนเองเพียงคนเดียว ไม่มีแม่คนอื่นคลอดลูกในช่วงเวลาเดียว ยืนยันชัดเจนว่าเสียงเด็กร้องที่ได้ยินคือลูกชาย คลอดครั้งนี้ไม่ได้มีการผ่าตัดคลอด แต่เป็นการคลอดเองตามธรรมชาติ เพราะมีน้ำคร่ำเริ่มไหล ตนเองเข้าสู่สภาวะคลอดเองตามธรรมชาติได้ หลังจากที่ตนเองคลอดลูก อยู่ระหว่างช่วงพักฟื้น นายปรีชา ศรีแสงจันทรา หรือ บี อายุ 40 ปี สามีของตนเอง ได้ตามไปดูลูกที่ห้องชั้นบน เป็นห้องสำหรับดูแลเด็กหลังคลอด
จากนั้น ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง สามีกลับลงมาจากห้องชั้นบน ลงมาบอกว่าลูกที่คลอดเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่าลูกจะเสียชีวิต เนื่องจากตั้งแต่การคลอดกระทั่งได้ยินเสียงเด็กร้อง ทุกอย่างปกติ สาเหตุเบื้องต้นทราบว่าเด็กมีภาวะปัญหาเรื่องปอด หายใจลำบาก ตอนนั้นก็แปลกใจ หากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับปอดจะร้องส่งเสียงดังไม่ได้ เพราะหลังคลอดปอดยังไม่ขยาย ตนเชื่อมั่นว่าลูกชายแข็งแรง แต่อาจจะเกิดจากความผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิต
"ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองคลอดลูกมาได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง หน้าก็ยังไม่ทันได้เห็น สิ่งที่เตรียมเอาไว้ให้ลูกก็ไม่ทันได้มอบให้ ส่วนตัวอยากจะทราบข้อเท็จจริงจากทางโรงพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่" แม่ของเด็ก กล่าว
นอกจากนี้ นางสาวนฤดียังได้นำตุ๊กตากระต่ายสีน้ำเงิน ที่มีการซื้อเตรียมเอาไว้ให้ลูก เป็นตุ๊กตารุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ราคาตัวละ 3,000 บาท ซื้อเตรียมเอาไว้ให้ลูกหลังจากคลอด หวังว่าจะนำตุ๊กตาตัวดังกล่าววางข้างลูก อยากจะให้เป็นตัวแทนของลูก เป็นของเล่นชิ้นแรกของลูก
อีกทั้งยังมีการเตรียมป้ายชื่อ "เฟ่ย" เป็นข้อความภาษาอังกฤษ ติดประกอบสร้างบรรยากาศต้อนรับสมาชิกใหม่ แต่สุดท้ายตนเองก็ได้แต่กอดตุ๊กตาที่เป็นตัวแทนของลูก ทุกวันนี้ตนเองก็เชื่อว่าลูกรับรู้และอยู่ในตัวตุ๊กตาตัวนี้ เวลาที่ไปไหนมาไหนก็มักจะพาตุ๊กตาตัวนี้ไปด้วย เป็นเสมือนสิ่งแทนตัวของลูกชาย
นายปรีชา ศรีแสงจันทรา หรือ บี อายุ 40 ปี พ่อของเด็กชายเฟ่ย เปิดเผยว่า สำหรับการนำภรรยาไปฝากครรภ์กับคลินิกย่านพหลโยธิน นายแพทย์ของคลินิกดังกล่าวมีชื่อเสียงเรื่องการดูแลครรภ์ มีประสบการณ์เรื่องการคลอดลูก แต่เมื่อครบกำหนดคลอด ก็ได้เลือกโรงพยาบาลเอกชนเป็นสถานที่คลอด กระบวนการตั้งแต่ฝากครรภ์กระทั่งคลอด ตนเองไม่ได้ติดใจ ผลบันทึกเกี่ยวกับประวัติการคลอดและการดูแลครรภ์ทุกอย่างเป็นปกติ ลูกชายปลอดภัย ประกอบกับไม่มีความผิดปกติหลังคลอด เพราะมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่าการเต้นของหัวใจปกติ สภาวะในร่างกายปกติ
แต่หลังจากที่นายแพทย์สิ้นสุดหน้าที่ หลังจากที่รับฝากครรภ์ 1-9 เดือน มีการทำคลอดให้เสร็จสิ้นแล้ว ถือว่าหมดหน้าที่ของนายแพทย์คนดังกล่าว จากนั้นเป็นการส่งต่อให้กับแพทย์เฉพาะทางหรือหมอเด็ก ซึ่งเป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลเอกชนที่ไปทำคลอด ซึ่งกระบวนการความผิดปกติ สาเหตุที่ทำให้ลูกเสียชีวิตอาจเกิดจากแพทย์เฉพาะทางหรือหมอเด็ก มีการดูแลอย่างไม่เต็มที่ ทำให้ลูกชายของตนเองเสียชีวิต
ถ้าหากนำผลบันทึกการคลอดของนายแพทย์คนเดิมมาเทียบเคียงกับแพทย์เฉพาะทางหรือหมอเด็กโรงพยาบาลเอกชน เห็นความแตกต่างเกี่ยวกับผลการบันทึก โดยนายแพทย์ที่ทำคลอดระบุว่าหัวใจและการเต้นของหัวใจของเด็กปกติ 120 และสภาวะการหายใจทุกอย่างเป็นปกติ เทียบกับแพทย์เฉพาะทางพบว่าการเต้นของหัวใจ คือ 1 การหายใจ 0 การตอบสนอง 0 งผลดังกล่าวค่อนข้างต่างกัน หากเด็กจะผิดปกติก็ต้องตรงกับข้อมูลบันทึกของแพทย์ทำคลอด แต่ทำไมผลของแพทย์เฉพาะทางหรือหมอเด็กกลับพบว่าผิดปกติ สาเหตุที่ทำให้คลอดและเสียชีวิตเพราะ 1.ปอดไม่สมบูรณ์ 2.การหายใจผิดปกติ 3.การคลอดเกิดก่อนกำหนด 4.มีภาวะน้ำคร่ำเดินก่อน ฉะนั้นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลังอ้าง 4.เหตุผลในกระบวนการหลังลูกคลอด ตนเองจึงต้องการคำตอบและคำชี้แจงจากโรงพยาบาลเอกชนเพื่อคลายข้อสงสัย
ทั้งนี้ ตนเองได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสอบถามแพทย์เฉพาะทางคนอื่น ๆ ซึ่งทุกคนลงความเห็นพร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากลูกชายคลอด อาทิ วันที่ภรรยาคลอดลูกภายในห้องคลอด มีเสียงเด็กร้องเสียงดังมากถึง 6 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าเด็กมีปอดที่แข็งแรง ถ้าเด็กไม่ร้องก็แสดงว่าระบบปอดมีปัญหาหรือดูดน้ำคร่ำออกไม่หมด อีกทั้งในช่วงที่ตนเองยืนเฝ้าดูอยู่บริเวณหน้าห้องสังเกตว่ามีบางช่วงที่พยาบาลอุ้มเด็กขึ้นมาช่างน้ำหนัก ยกเด็กขึ้นมาจากที่นอน ตนเองมองเห็นลูกยังคงแกว่งมือไปมาดูแข็งแรง แต่เริ่มเห็นความผิดปกติ หลังจากที่เฝ้าดูอาการ เริ่มมีหมอกับพยาบาลไปมุงที่ลูกชายที่นอนอยู่ ไม่รู้ว่ามีการจะทำอะไรเกิดขึ้นบ้าง จนกระทั่งได้นำฉากกั้นมาปิดล้อมลูก ไม่นานแพทย์ประจำห้องเด็กก็เดินมาแจ้งกับตนเองว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว
ตนเองสังเกตที่บริเวณหน้าอกของลูกชาย มีร่องรอยของการถูกใช้เข็มแทงมากกว่า 6 เข็ม ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จนกระทั่งมารู้จากรายงานการรักษาภายหลัง พบว่ามีการพยายามปั๊มหัวใจ ก่อนที่จะมีการฉีดยากระตุ้นหัวใจ มีการฉีดเข้าที่หน้าอกของเด็ก ในฐานะคนเป็นพ่อก็สงสัยว่าทั้งที่อยู่บริเวณหน้าห้องแต่ทำไมเกิดสภาวะฉุกเฉินไม่ยอมแจ้งให้ตนเองทราบ
หลังจากที่ลูกชายของตนเองเสียชีวิตแล้ว ร่างได้ถูกนำส่งนิติเวชโรงพยาบาลรามาธิบดี จะต้องมีการจัดเก็บร่าง การดองฟอร์มาลีนเอาไว้ 3 เดือน เพราะมีอวัยวะบางอย่างที่เบาะบาง ต้องมีการแช่ให้แข็ง ก่อนที่จะมีการชันสูตรตรวจสอบความบกพร่องของอวัยวะอื่น ในการเชื่อมโยงถึงสาเหตุการตาย แต่ผลการตรวจร่างกายเบื้องต้น 95% ยืนยันว่าเด็กค่อนข้างมีความสมบูรณ์ของอวัยวะ พบความผิดปกติบริเวณปอด ปอดรั่วหลายจุด การชันสูตรของนิติเวชบอกว่าเกิดจากการกระทำหรือช่วงที่มีการช่วยชีวิตจนกระทั่งทำให้เด็กเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลระบุว่า "ค่าชดเชยหรือค่าเยียวยาสภาพจิตใจสามารถลดราคาได้อีกหรือไม่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะขอเป็นเคสกรณีศึกษาของทางโรงพยาบาล" ซึ่งคำพูดดังกล่าวของโรงพยาบาล ยอมรับว่าไม่เป็นที่หน้าพอใจ ตนเองไม่ต้องการที่จะได้รับเงินค่าชดเชยเยียวยา แต่ต้องการได้รับคำตอบว่าสาเหตุการตายของลูกชายเกิดจากสาเหตุใด
ทีมข่าวได้ติดต่อไปหาโรงพยาบาลเอกชน ยังไม่ขอชี้แจงทุกกรณี เบื้องต้นให้ข้อมูลว่า "เด็กคลอดที่คลินิก จากนายแพทย์ที่รับฝากครรภ์ ไม่ได้มีการคลอดที่โรงพยาบาลแล้วตาย" แต่รายละเอียดอื่นจะรอชี้แจงและพูดคุยกับพ่อแม่เด็ก ทางโรงพยาบาลพร้อมที่จะหาคำตอบทุกข้อสงสัย
