ส่อฆาตกรรม! สาวไทยกับผัวฝรั่งหายปริศนา ญาติหวั่นซ้ำรอยฆ่าฝังดินในอดีต (คลิป)

24 ก.ย. 61
กรณีเมื่อ 20 ก.ย. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระธาตุช่อแฮได้รับแจ้งจากญาติว่ามี ชาวต่างชาติ และภรรยาสาวไทยได้หายออกจากบ้านไปอย่างลึกลับและไม่สามารถติดต่อได้คือนาย อาลัน อ๊อก อายุ 64 ปี ฝรั่งชาวอังกฤษ อดีตวิศวกร จากประเทศออสเตรีย และนางหน็อต สุดแดน อายุ 61 ปี ภรรยาสาวไทย (อ่าน : ญาติผัวเมียเศรษฐี เปิดใจ เพิ่งเจอกันก่อนหายตัวลึกลับ ช็อกเจอรอยเลือด หวั่นถูกอุ้มฆ่า)
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพันโซ่บริเวณหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ
วันนี้ 23 ก.ย.61 ทีมข่าวเดินทางไปที่เกิดเหตุอีกครั้งที่ ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ พบว่า ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำการอยู่หน้าทางเข้า โดยวันนี้นำโซ่คล้องแม่กุญแจ ล็อกประตูเหล็กทาบเข้าเอาไว้ ทั้งนี้ยังพบกลุ่มญาติ ๆ เดินทางมาติดตามความคืบหน้า นั่งพักอยู่บริเวณบ้านของนายวารุต รัตนสัจจะกุล หรือ หนัด พี่ชายของนางหน็อต
นายล้วน (สงวนนามสกุล)
นายล้วน (สงวนนามสกุล) คนงานประจำบ้านที่เกิดเหตุ ที่ทำงานที่นี่มานานกว่า 10 ปี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นนางหน็อตทะเลาะกับใคร เป็นคนใจดี นิสัยดี ไม่เคยบ่นว่าลูกน้อง ปกติบ้านหลังนี้ก็จะไม่มีใครเข้าออกบ่อย มีคนงานทำงานเพียง 2 คน โดยวันที่ 18 ก.ย. 61 ช่วง 17.00 น. นางหน็อตและสามี เรียกตนและคนงานอีกคนไปที่โรงรถ เรียกตนไปสั่งงาน สอนให้อาหารและยาสุนัขที่ป่วย ตอนนั้นคนที่อยู่ในบ้านมีเพียง 4 คนเท่านั้น อีกทั้งนางหน็อตได้สั่งให้ตนและคนงานอีกคนมานอนเฝ้าบ้านในคืนที่ 19 ก.ย.61 เนื่องจาก นางหน็อตจะไปเชียงใหม่เพื่อไปหาหมอ
นาย อาลัน อ๊อก และนางหน็อต สุดแดน
นายล้วน เล่าว่า ตนทำงานมานาน ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นนางหน็อตมีคำสั่งให้มาเฝ้าบ้าน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ส่วนตัวก็ไม่ได้สงสัยอะไร ก็รับคำสั่งและทำตาม ส่วนตัวไม่เคยเห็นว่ามีปัญหาอะไรกับนางหน็อต ต่อมาช่วงเช้า วันที่ 19 ก.ย. 61 ตนมาทำงานปกติ ตนจะเข้าไปทำงานในสวน สังเกตเห็นว่ารถของเจ้านายไม่อยู่ในโรงรถแล้ว ก็คิดเพียงว่าออกเดินทางไปแล้ว จนกระทั่งตอนเย็นที่มีตำรวจมาที่บ้านจึงมาทราบเรื่อง ส่วนตัวเสียใจ เป็นห่วงเจ้านายทั้ง 2 คน ปกติเจ้านายก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่มีใครแวะเวียนมาหาที่บ้าน จะมีเพียงคนงาน 2 คน นายนายวารุตและนางติ๋ว ภรรยานายวารุตที่เข้าออกบ้านเท่านั้น ส่วนนางหน็อต ปกติจะอยู่บ้าน 2 - 3 วัน จะออกไปจ่ายตลาดบ้าง ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต ส่วนนายอาลัน ก็เป็นคนดี ไม่มีปัญหากับใคร ที่ผ่านมาทั้งคู่ไม่หายไปเช่นนี้ ตอนนี้ยังหวังให้ทั้งคู่ปลอดภัย
นายประสม คำวังจันทร์
ด้านนายประสม คำวังจันทร์ คนงานอีกคน เปิดเผยว่า หลังวันที่ 18 ก.ย. 61 นางหน็อตสั่งให้ตนเก็บมะนาว กล้วย ลองกอง บอกว่าจะเอาไปเชียงใหม่ จากนั้นก็พาตนไปเอาหญ้ามาปลูก จนกระทั่ง 17.00 น. ก็เรียกตนและนายล้วนไปสั่งงาน โดยสอนตนทุกอย่าง ซึ่งต่างจากทุกวัน ตนย้อนถามว่า จะไปเชียงใหม่กี่โมง นางหน็อตบอกว่าจะไปตอน 9.00 - 10.00 น. นางหน็อตให้ตนมานอนเฝ้าบ้าน 1 คืน แต่ตนขอเอานายล้วนมานอนด้วย โดยนางหน็อตจะให้ค่าจ้างเพิ่มวันละ 500 บาท จากนั้นตนก็ขอตัวกลับบ้านตามปกติ
บริเวณหน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุ
เช้าวันที่ 19 ก.ย. 61 เวลา 8.00น. ตนเข้ามาทำงาน ซึ่งตนจะแบ่งงานกับนายล้วน คือ ตนจะไปทำงานฝั่งซ้ายของพื้นที่ ซึ่งเป็นที่เลี้ยงเป็ด เลี้ยงวัว ปรากฏตนเห็นรถแบคโฮจอดอยู่ ซึ่งปกติจะไม่มาจอดบริเวณนี้ ซึ่งรถแบคโฮดังกล่าวถูกล้างไว้อย่างสะอาด ตนคิดอยู่เลยว่า วันนี้นายฝรั่งขยันและก็ทำงานตามปกติ จากนั้นตนเดินขึ้นไปหานายล้วน ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ก็สังเกตว่ารถยนต์ของนางหน็อตหายไปแล้ว ตนยังคิดอยู่เลยว่าทำไม่ถึงออกไปเช้ากว่าที่บอกไว้ ขณะนั้นในบ้านไม่มีใครมีเพียงตน นายล้วน และนางติ๋ว ภรรยานายวารุต ซึ่งทำความสะอาดบ้านอยู่ด้านใน ในช่วงสาย ตนและนายล้วนเข้าไปในบ้านเพื่อดื่มน้ำ ปรากฏนางติ๋วบอกกับตนทั้งคู่ว่า กระเป๋าเงินของคู่สามีภรรยาอยู่ในบ้าน ไม่ได้เอาไปด้วย ส่วนตัวก็คิดว่าเจ้านายทั้งสองอาจลืม นางติ๋วได้ให้ตนเก็บกระเป๋าเงินไว้ ส่วนตัวกลัวว่าจะหาว่าตนขโมยของ ตนจึงให้นายล้วนซึ่งทำงานมานานกว่าเก็บไว้แทน หลังเกิดเรื่องได้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ที่ผ่านมานางหน็อตและสามีเป็นคนใจดี ไม่เคยบ่นด่าอะไรตน ไม่เคยเห็นมีปัญหากับใคร ส่วนตัวก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ภาวนาขอให้ทั้งคู่ยังปลอดภัย จากนี้ยังคงไปทำงานบ้านให้อยู่ แต่หลังจบเรื่องอาจลาออก เนื่องจากกลัว
นายศักดิ์นา สุดแดน หรือ หนุ่ม น้องชายนางหน็อต
ด้านนายศักดิ์นา สุดแดน หรือ หนุ่ม น้องชายนางหน็อต เปิดเผยว่า ตนเป็นน้องแท้ ๆ ของผู้สูญหาย รวมทั้งผู้ต้องสงสัย โดยมีพี่น้องรวมกัน 6 คน เสียชีวิตไป 1 คน ส่วนตัวไม่ได้เจอพี่สาวมาราว 4-5 เดือนแล้ว ระบุพี่สาวเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีทะเลาะกับนายวารุตบ้าง ด้วยพักอยู่ใกล้กัน แต่ไม่ทราบรายละเอียด เพราะพี่สาวไม่เคยเล่าให้ฟังที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณอะไรบอกว่าจะเกิดเหตุ ตนก็ยังเห็นดี ๆ อยู่ ส่วนเพื่อนนางหน็อตก็ไม่ค่อยมี ไม่ออกไปไหน จากข่าวที่ออกมาว่านายวารุตอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ตนก็ไม่ทราบ ไม่รู้เหตุการณ์แน่ชัด ตนก็ยังไม่ได้เจอตัวพี่ชาย หากทำจริงตนก็อยากให้พูดความจริง กล้าทำก็กล้ารับ คนอื่นจะได้กระจ่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดครอบครัวก็มารอติดตามอยู่ ตนไม่อยากจะโกรธใคร ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ก่อเหตุ เพียงอยากทราบว่าตอนนี้พี่สาวและสามีอยู่ที่ไหน เรื่องเกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ยอมรับว่าห่วงพี่สาว อยากรู้ไปอยู่ไหน ใครเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจากที่ผ่านมาประมาณ 20 ปี น้องชายคนเล็กเคยเกิดเหตุลักษณะนี้ โดยน้องคนเล็กถูกคนร้ายปล้นเอารถ และฆ่าไปฝังดินเอาไว้ ใช้เวลาหากว่า 1 เดือนจึงพบ กลัวเหตุจะมาเกิดซ้ำรอย ตนเคยเตือนพี่สาวแล้วว่าให้ย้ายไปอยู่ข้างนอก เพราะจุดนี้เป็นป่า ไม่ปลอดภัย ตนไม่อยากให้พี่สาวพักที่นี่ แต่พี่สาวก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร จนกระทั่งมาเกิดเหตุ นอกจากนี้ ตนยังมีโอกาสไปหาหมอดูละแวกบ้าน ซึ่งระบุว่าพี่สาวตนเสียชีวิตแล้ว ส่วนตัวทำใจไว้ระดับหนึ่ง ต่อมาทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของนางบุญเริง ต่อเขต หรือ ติ๋ว ภรรยาของนายวารุต รัตนสัจจะกิจ หรือ หนัด พี่ขายของ นางหน็อต สุดแดน ผู้สูญหาย เมื่อเดินทางมาถึง ทีมข่าวได้พูดคุยกับลูกสาวให้เพียงข้อมูลว่า มารดาของตนได้เข้าไปเก็บของที่บ้านพักหน้าทางเข้าบ้านเกิดเหตุ เพื่อจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อน โดยตนก็ไม่ได้ถามมารดาว่าจะไปอยู่ที่ใด ซึ่งตนชวนแม่มาอยู่บ้าน แต่แม่ไม่ยอมมา ตนไม่ได้ถามเรื่องที่เกิดขึ้น และแม่ก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง เพราะตนกลัวว่าแม่จะเครียด แม่บอกเพียงว่าจะย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ก่อน จนกว่าเรื่องจะจบ ทั้งนี้แม่บอกเพียงว่า ตัวเองไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็บอกแม่ว่า ให้แม่พูดความจริง หากรู้เห็นอะไรก็ให้บอกเจ้าหน้าที่ไปตามความจริง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ