ลุงพิราบ เข้าใจหัวอก ป้าเลี้ยงนกนับพัน บอกถ้าสงสัยโทรหาได้ - เพื่อนบ้านระอาพฤติกรรมเดิมๆ (คลิป)

14 ก.ย. 61
จากกรณีชาวบ้านเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ร้องเรียนพฤติกรรมเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรมให้อาหารนกพิราบเป็นประจำ ทำให้มีนกพิราบหลายร้อยตัวเข้ามารออาหารบริเวณหน้าบ้าน ส่งผลให้เกิดมูลสัตว์ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณนั้น (อ่าน : ตะลึง! “ป้าพิราบ” เปิดบ้านเลี้ยงนกนับพันอ้างทำทาน – ชาวบ้านโวยกลิ่นขี้หึ่ง ขนเพียบ)
นกพิราบ บริเวณบ้านของน.ส.เดือนฉาย (12 ก.ย. 61)
บริเวณบ้านของน.ส.เดือนฉาย (13 ก.ย. 61)
วันนี้ 13 ก.ย. 61 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักเขตหลักสี่ เจ้าหน้าที่เทศกิจ ทหารและตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสำนักสิ่งแวดล้อมและอนามัย ได้เข้าทำความสะอาดบริเวณระเบียงชั้นสองและหน้าบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากมีมูลสัตว์ที่อาจก่อเชื้อโรค โดยเจ้าของบ้านไม่มีทีท่าขัดขืนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ภายหลังการทำความสะอาดเสร็จสิ้น และเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง พบว่า มีจำนวนนกพิราบที่เกาะอยู่บนหลังคาเพิ่มขึ้น นับรวมได้กว่า 100 ตัว บางตัวก็ลงมารออาหารบริเวณระเบียงชั้นสอง และหน้าบ้านชั้นล่าง
เจ้าหน้าที่เขต ทำความสะอาดบ้าน น.ส.เดือนฉาย
โดย น.ส.เดือนฉาย เพ็งปรีชา อายุ 70 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ตนเป็นอดีตข้าราชการ ปัจจุบันเกษียณอายุ และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร อาศัยอยู่คนเดียวเพราะไม่มีสามี ตนเริ่มให้อาหารนกพิราบตั้งแต่ช่วง 7-8 ปีที่แล้ว โดยให้อาหารเป็นพวกเมล็ดพืชวันละ 2 ถุง โดยจะนำมาวางไว้ให้นกกินบริเวณระเบียงชั้น 2 ของบ้านในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งในช่วงแรกมีนกพิราบมาเพียง 2 ตัว ต่อมาก็เพิ่มจำนวนขึ้นจนนับไม่ถ้วน
น.ส.เดือนฉาย เพ็งปรีชา เจ้าของบ้าน
น.ส.เดือนฉาย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีเพื่อนบ้านมาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จึงไม่ทราบว่าทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อน อีกทั้งยังไม่ทราบว่าการมีนกพิราบจำนวนมากอยู่ในบริเวณบ้านอาจเป็นพาหะนำโรค ซึ่งวันนี้ทางสำนักงานเขตหลักสี่ก็ได้มาทำความเข้าใจและตนได้รับปากไปแล้วว่าจะไม่ให้อาหารนกอีก
นางขจีรัตน์ เจนาคม ผอ.เขตหลักสี่ กทม.
ด้าน นางขจีรัตน์ เจนาคม ผอ.เขตหลักสี่ เปิดเผยว่า ทางสำนักงานเขตหลักสี่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว เบื้องต้นเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) ซึ่งได้มีการยื่นจดหมายขอความร่วมมือจากเจ้าของบ้านหยุดให้อาหารนก ก่อนจะมีการประสานเจ้าหน้าที่เขตฯ ทหารและตำรวจ ให้เข้ามาลงพื้นที่เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบริเวณตัวบ้าน รวมถึงบริเวณข้างเคียง นางขจีรัตน์ กล่าวต่อว่า หลักจากได้มีการแจ้งเจ้าของบ้านให้หยุดให้อาหารนกพิราบแล้ว สำนักงานเขตหลักสี่จะมีการติดตามผล ว่าเจ้าของบ้านได้หยุดให้อาหารนกจริงหรือไม่ รวมถึงมาดูแลความสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค โดยหากเจ้าของบ้านหยุดให้อาหารแล้ว แต่ยังคงมีนกอยู่ก็อาจจะต้องมีการประสานกับสำนักอนามัยให้มีการเคลื่อนย้ายนกต่อไป ทั้งนี้ หากทางสำนักงานเขตกลับมาตรวจสอบแล้ว พบว่าเจ้าของบ้านยังคงให้อาหารนกอยู่ ก็จะมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาด คือ ห้ามมิให้ผู้ใดทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยลงบนที่หรือทางสาธารณะ ทั้งนี้ มูลฝอยหมายความรวมถึงเศษอาหารที่นำมาให้สัตว์ หากฝ่าฝืนต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท จากนั้น ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านของ นายวีระศักดิ์ สุนทรจามร ผู้เลี้ยงนกพิราบ โดยนายวีระศักดิ์ เปิดเผยว่า นกก็ยังมีปริมาณเท่าเดิม ไม่ได้หายไปไหน โดยนกจะบินมาที่บ้านช่วงสาย ๆ เพื่อจะมากินอาหารหลังจากนั้นก็จะบินกลับไป พอตกเย็นก็จะบินมาอีกรอบเพื่อมากินอาหารเย็น
นายวีระศักดิ์ สุนทรจามร ผู้เลี้ยงนกพิราบ
นายวีระศักดิ์ ยังบอกอีกว่า อาหารที่ได้มานั้น ตนไปเก็บตามร้านอาหารต่าง ๆ ที่ทิ้งไว้ บางวันก็ได้เยอะแต่บางวันก็ได้น้อย ถ้าวันไหนไม่ได้ตนก็จะเอาอาหารกระสอบออกมาให้ ซึ่งตนซื้อมากระสอบละ 450 บาท โดยมีข้าวเปลือก ข้าวโพด ผสมกัน ซึ่งตนเลี้ยงนกมาตั้งแต่ปี 2538 ก็ไม่เคยป่วยเพราะเลี้ยงนก อย่างมากก็แค่ไม่สบายแปบเดียวก็หาย แต่ไม่ได้เป็นบ่อย นายวีระศักดิ์  ยังบอกอีกว่า ทางเขตห้วยขวางได้เข้ามาทำการปรับพื้นบ้านให้ใหม่ โดยยกให้สูงขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ ส่วนเรื่องของป้าเดือนฉาย เพ็งปรีชา ที่ชอบให้อาหารนกพิราบเหมือนตนนั้น ตนอยากแนะนำว่าให้ เขตหลักสี่ช่วยหาที่เลี้ยงนกพิราบให้ป้าเดือนฉาย เพราะตนก็เข้าใจว่าป้าเดือนฉายก็อยากเลี้ยงเพื่อความสุขส่วนตัว ส่วนเรื่องความสะอาดก็ฝากบอกป้าเดือนฉายว่าให้เก็บกวาดบ่อย ๆ ถ้ามีเวลา
บ้านของนายวีระศักดิ์ สุนทรจามร
ด้าน เพื่อนบ้านของนายวีระศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า ตัวเองได้รับผลกระทบอย่างมาก จนล่าสุด ต้องซื้อพัดลมเป่าผ้า มาติดไว้ชั้น 2 ของตึกเพื่อไล่นก เพราะก่อนหน้านี้ทำมาทุกวิธีแล้ว ก็สำเร็จแค่ช่วงแรก พอนกรู้มันก็ไม่กลัว ซึ่งเพื่อนบ้านก็บอกว่าหมดเงินไปจำนวนมากกับการหาวิธีป้องกันนกที่มาจากบ้านของนายวีระศักดิ์
นายปรีดา สวนพุฒ เจ้าของร้านอาหาร ในซอยบ้านนายวีระศักดิ์
นายปรีดา สวนพุฒ เจ้าของร้านอาหาร ซึ่งตั้งอยู่ในซอย เปิดเผยว่า ร้านของตนไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เพราะอยู่ห่างจากบ้านของนายวีระศักดิ์ แต่ตนสงสารคนที่จำเป็นจะต้องเดินผ่านหน้าบ้านของนายวีระศักดิ์ เพราะต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดหน้าเพื่อไม่ให้ได้กลิ่นมูลของนก และกางร่มเพื่อไม่ให้นกอุจจาระใส่ โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าตนไม่จำเป็นก็จะไม่เดินผ่านหน้าบ้านของนายนายวีระศักดิ์ เลือกที่จะไปเส้นทางอื่นแทนที่มันสามารถทะลุกันได้ นายปรีดา ยังบอกอีกว่า ตนอยากให้สำนักงานเขตเข้ามาช่วยดูแลเรื่องความสะอาดและฆ่าเชื้อของบ้านนายวีระศักดิ์ทุก ๆ ระยะ ถ้ายังให้เลี้ยงอยู่ เพราะอยากให้สภาพแวดล้อมของชุมชนบริเวณนี้มีสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งจุดที่ตนอยู่ก็ห่างออกไปจากบ้านนายวีระศักดิ์ไม่มากนัก และที่สำคัญเป็นย่านตลาดด้วย ถ้าสภาพแวดล้อมดีกว่านี้ผู้คนก็อยากมาเที่ยว จับจ่ายชื้อของเยอะกว่านี้แน่นอน

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ