หลวงพี่เต้นฮินดูเครียดทัวร์ลงยอมสึกแล้ว พี่สาวรับเปิดสำนักเจอปาฏิหาริย์เทพ (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "แม่ทัพลิง 2/1 Airline" ได้โพสต์ภาพนิ่งและคลิปชายห่มเหลือง ลักษณะคล้ายพระสงฆ์รูปหนึ่ง กลางวันเป็นพระสงฆ์ กลางคืนเป็นร่างทรงพระศิวะ ด้านพระครูสุชาติ ธรรมะกาโม ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้โดนตัวหรือถูกเนื้อต้องตัวสีกา ไม่ได้ทรงเจ้าและถูกประทับร่างแต่อย่างใด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บุกสำนักพระเต้นฮินดู ปัดลงทรงแค่เต้นให้พร ยันไม่เคยแตะสีกา หมอปลาด่า "เปรต"

ล่าสุด วันที่ 28 เม.ย. 64 ทีมข่าวได้คลิปที่อดีตพระครูสุชาติ เดินทางไปลาสิกขาที่วัดตะโม่ ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ช่วงเช้า เวลาประมาณ 09.00 น. ที่ผ่านมา พูดว่าตนเองนั้นขอลาสิกขา เพื่อที่จะยุติปัญหา และไม่ทำให้คณะสงฆ์เสื่อมเสีย รวมไปถึงเป็นการรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และจะสวมใส่ชุดขาวปฏิบัติไปตลอด หลังจากนั้นก็มีการเข้าไปหาพระอุปปัชฌาย์ที่ทำการอุปสมบทให้ และมีการท่องคำลาสิกขา ถอดจีวรออกและเปลี่ยนเป็นชุดสีขาว

รวมไปถึงเมื่อลาสิกขาแล้ว มีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนา จ.พิษณุโลก ฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่มาสอบถามถึงข้อสงสัยที่เกิดขึ้น รวมไปถึงมีการพูดคุยถามไถ่ถึงเรื่องที่มีการเป็นกระแสอยู่ขณะนี้ มีการตรวจปัสสาวะ ไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งแปลกปลอม

ทีมข่าวลงพื้นที่ เทวสถานธรรมะกาโม ศิวะอิศวรมหาเทพตรีมูรติ ต.คุยม่วง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบว่า มีอาคารลักษณะสำนักเปิดโล่ง เป็นเพิงศาลาปูน 1 ชั้น ภายในมีพระพุททธรูปจำนวนมาก เป็นพระมหาจักรพรรดิ์ ปางหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นสีต่าง ๆ ตั้งเรียงเป็นแถว นับ 10 องค์ รวมทั้งพระศิวะสีทองอีก 1 องค์ พระพิฆเณศสีขาว 1 องค์ และมีข้าวของเครื่องอุปโภค มุ้ง และที่นอนจำนวนหนึ่ง

ล่าสุด พระครูสุชาติ ธรรมะกาโม ลาสิกขาแล้ว อยู่ในชุดปฏิบัติธรรมสีขาว ชื่อนายสุชาติ สิงห์ลอ อายุ 47 ปี ใกล้กันในเทวสถาน มีศาลาลักษณะเปิดโล่งของพี่สาวนายสุชาติ มีพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าสีขาวมีแท่นบูชาวางรูปปั้นเทวรูปจำนวนมาก ตามความเชื่อทางศาสนาฮินดู

นายสุชาติ สิงห์ลอ อายุ 47 ปี อดีตพระครูสุชาติธรรมะกาโม เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้มีความกังวลใจหรือหนักใจแล้ว เพราะมีวุฒิภาวะมากพอ ตนเองจึงตัดสินใจลาสิกขา เพื่อที่จะยุติปัญหา และไม่อยากให้เรื่องยืดยาวบานปลาย ถ้าหากดื้อดึงต่อไปก็จะส่งผลกระทบต่อคณะสงฆ์

ตนเองคิดทบทวนตั้งแต่เมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมาแล้ว หลังจากที่ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวี ซึ่งวิธีนี้ยุติเรื่องได้และอย่าไปยึดติด จะได้สบายใจในส่วนรวม รวมถึงตัวเองด้วย ตนเองได้บอกลูกศิษย์ว่า "หลวงพ่อจะสึกนะ จากผ้าเหลืองแล้ว จะห่มขาวแทน ปฏิบัติแทน แต่จะปฏิบัติแบบพระทุกอย่าง ไม่ต้องเสียใจ เพราะความดีและธรรมต่าง ๆ ก็ไม่ไป ความเป็นพระไม่ได้อยู่ที่ผ้าเหลือง อยู่ที่ใจ"

โดยคลิปและภาพที่มีการเจิมหน้าผากหญิงสาวนั้น คล้ายการแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาว ตนเองชี้แจงว่าใช้อุปกรณ์ในการเจิม ไม่ได้มีการถูกเนื้อต้องตัวสีกา อาจจะเป็นเพราะมุมกล้องที่ทำให้ภาพออกไปแบบนั้น ส่วนพวกตรีศูลนั้นเป็นการนำมาถือเพื่ออธิษฐานจิต เป็นตรีศูลเทพของฮินดู นำมาอธิษฐานจิตเพียงแค่นั้น ถามว่าถือได้หรือไม่นั้นตนเองมองว่าถือได้ เพราะไม่ได้ไปประหัดประหารใคร ถ้าถือไม่ได้ ก็คงจะถือมีดถือจอบเสียมไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าถูกต้องหรือไม่ ตนเองก็ทราบว่าไม่ถูกต้อง

ที่ผ่านมาตามคลิป หรือภาพต่าง ๆ ที่ออกไป เป็นการนิมนต์ของญาติโยม เพราะถ้าไม่เชิญก็ไปไม่ได้ ตนเองคำนึงเสมอว่าตนเองไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่ตนเองเป็นพระ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยเข้าทรงแม้แต่ครั้งเดียว และคลิปต่าง ๆ นั้นก็ไม่ได้รำ มีการนิมนต์ไปให้เปิดภูมิ เปิดสถานที่ให้ เพราะช่วงดังกล่าวมีคณะโซฮา ที่สวดสรรเสริญพระศิวะพอดี ในมือถือดอกดาวเรือง และหมุนครบ 3 รอบ จากนั้นก็จะโปรยดอกไม้ลงมาจากมือ ตนเองมองว่าอยากให้เรื่องดราม่าต่าง ๆ จบลง และไม่อยากให้เป็นเรื่องเสื่อมไปถึงพระพุทธศาสนา

หลังจากนี้คงจะอยู่ที่สำนักนี้ต่อไป สวมใส่ชุดขาว สวดมนต์ นั่งสมาธิ และปฏิบัติแบบเดิมไปตลอดชีวิต ส่วนรูปปั้นต่าง ๆ ของเทพนั้น มีในสำนักก็จริง แต่เป็นไปเพื่อการอำนวยชูช่วยให้กับทุกคน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เรื่องทางโลกก็ต้องอาศัยเทพ และยึดหลักปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็สอนอยู่แล้วว่าเทพมีจริง มีทุกชั้นที่พระองค์เสด็จไปโปรด เมื่อเรานับถือพระองค์ก็ต้องเชื่อในสิ่งที่ท่านตรัสไว้ แต่ก็อยู่ที่แต่ละบุคคลว่าจะคิดเห็นอย่างไร "ตนเองไม่โกรธคนที่มีส่วนให้ตนเองต้องสึก แต่ดีใจมากกว่า ที่ทำให้ตนเองได้หลุดพ้น เหมือนก่อนหน้านี้ต้องแบกสิ่งต่าง ๆ ไว้ ตอนนี้ก็โล่งและไม่ได้มีความเครียดแล้ว"

นางสุขสันต์ สิงห์ลอ อายุ 54 ปี พี่สาวของอดีตพระสุชาติด้วย เล่าว่า นายสุชาติสนใจในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ยังเด็กและเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว แม่ได้เสียชีวิตลง นายสุชาติตัดสินใจอุปสมบท ในช่วงแรกคิดไว้ว่าจะอุปสมบทเพียง 5 พรรษา และจะสึก แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงศึกษาและปฎิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องกระทั่งถึงทุกวันนี้ และเคยบอกกับทุกคนว่าจะตายในผ้าเหลือง ส่วนที่มีหน่วยงานมาตรวจสอบนั้น ตนไม่ได้มีความกังวล เพราะยืนหยัดว่านายสุชาติไม่ได้ทำอะไรผิด

ส่วนพวกเศียรต่าง ๆ เป็นของตนเองที่นับถือและนำมาไว้ที่นี่ เนื่องจากเป็นมรดกของพ่อ และก่อนหน้านี้เมื่อหลาย 10 ปีที่แล้วตัวเองเคยป่วยอยู่นานนับปี แต่ไม่หาย เมื่อมารับทรงซึ่งเป็นพิธีกรรมทางพราหมณ์ ฮินดู และตนเองก็บูชามาโดยตลอดแต่ไม่ได้ออกไปหลอกลวงโอ้อวดหรือให้ดูวิชาใด ๆ และสักการะท่านทุกปี รวมถึงเคยมีเรื่องปฏิหาริย์เกิดขึ้นด้วย ที่ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องที่เทพมาบอก

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตนเองกำลังนอนหลับอยู่ก็มีองค์พระศิวะ พระแม่อุมาเทวี รวมถึงพ่อปู่ฤๅษี มาเข้าฝันและนิมิตให้เห็นเตือนว่า ในวันพรุ่งนี้ จะถูกสามียิงเสียชีวิต ต่อมาช่วงเช้าก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นจริง สามีมีปากเสียงกับตนเองเรื่องหึงหวง และนำอาวุธปืนมาจ่อที่หน้าผากก่อนที่ตัวเองมีการเกลี้ยกล่อมและคิดว่าเหมือนปาฏิหาริย์ เพราะสามีตนเองอารมณ์เริ่มอ่อนลง และลดปืนลงเรื่อย ๆ เหมือนมีใครมาปัดปืนลง จนถึงที่พื้นอาวุธปืนดังกล่าว มีการยิงมาที่ขาตนเองและบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนี้ตนเองกับสามีคนนี้ยังคบหากันอยู่ ส่วนตัวจึงมีความเชื่อเรื่องเทพมาก แต่ไม่งมงาย หลังจากนี้ ตนเองก็จะดูแลน้องชายต่อไป และจะร่วมสร้างที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ต่อไป จะให้เป็นสำนักปฎิบัติธรรมสายขาว ไม่รับแม่ชีที่จะมาขออยู่ประจำ

ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดตะโม่ ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พระครูวรธรรมานุยุต เจ้าคณะตำบลปลักแรด เป็นพระอุปปัชฌาย์ของอดีตพระสุชาติ เปิดเผยว่า อดีตพระสุชาตินั้นอุปสมบทตั้งแต่ปี 2529 โดยอาตมาเป็นคนบวชให้ และเดินทางสายวิปัสสนากรรมฐาน อยู่ที่วัดนี้กับอาตมาประมาณ 1 พรรษา และขอไปอยู่ที่อื่น ซึ่งคงจะมีความเชื่อเรื่องเทพจนมากเกินไป ที่ผ่านมาอาตมาก็เคยเตือน และถ้าหากอดีตพระสุชาติไม่ได้ละทิ้งวิปัสนากรรมฐานก็จะคงไว้อย่างดี ส่วนตัวอาตมาไม่ได้เป็นห่วงอดีตพระสุชาติ เพราะท่านก็อายุมากแล้ว คงจะมีความคิดเป็นของตัวเอง บวชมาก็นาน ปฏิบัติธรรมก็เยอะ ต่อจากนี้ก็นุ่งขาวห่มขาวถือศีล 8 แทน

โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาที่ นายสุชาติมาลาสิกขานั้นไม่ได้มีการบอกล่วงหน้า เมื่อมาอาตมาก็ทำพิธีลาสิกขาให้ โดยไม่ได้คุยอะไรกันมาก อาตมายังไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าว แต่ทราบเรื่องมาหลายวันแล้ว เนื่องจากมีพระรูปหนึ่งที่รู้จักพระสุชาติบอกกับอาตมา และก็เพิ่งจะเห็นจากที่ผู้สื่อข่าวนำมาให้ดู อาตมายังอยากฝากกับพุทธศาสนิกชนว่าในเรื่องของการปฎิบัติก็อย่าละทิ้งวิปัสนากรรมฐาน เพราะถ้าหากมีการละทิ้งก็จะนำไปสู่การปฏิบัติผิด และนำไปสู่ความลุ่มหลงได้