เปิดใจศิษย์สำนักสงฆ์แปลกเชื่อฝึกดำน้ำทำตัวหอมยันฉี่ แจงงานแต่งคู่ธรรมทำรักอมตะ (คลิป)

จากเรื่องราวที่มีการตีแผ่ถึงคลิปคำสอนของสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็น วัดป่าเนื้อนาบุญ ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีหลวงตากรันยา เป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์ ที่ออกมาระบุคำสอนบางช่วงบางตอนในการอบรมญาติโยมที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ทำนองว่า "อนุญาตให้ผู้ที่มาปฎิบัติธรรมสามารถเสพเมถุน เพราะเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำสมาธิให้หลุดพ้นจากกรรม หนำซ้ำยังได้บุญและมีสมาธิเพิ่ม" นั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจพระแปลกสอนอึ๊บบรรลุธรรม จัดงานแต่งสายรุ้งดิ้นในวัด ให้โยมดำน้ำขจัดโรค

วันที่ 20 ก.พ. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดป่าเนื้อนาบุญ ท้ายหมู่บ้านกอกหวาน หมู่ 1 ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ สถานที่ปฏิบัติธรรม มีความกว้าง 22 ไร่ เจ้าของที่ดินคือพระกรันยา ถาวรธรรมโม อินธนู อายุ 59 ปี ผู้ดูแลสถานที่ มีการประดับตกแต่งด้วยสีรุ้ง รวมถึงการแต่งกายของผู้ปฏิบัตที่สวมชุดสีรุ้ง เป็นสัญลักษณ์ของศีลห้า

โดยมีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรม ทุกคนจะช่วยกันก่อสร้างขึ้นเพื่ออยู่อาศัย ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเต็นท์ เพราะอากาศจะเย็นกว่า และนอนสบายกว่า อีกทั้งบ้านเรือนส่วนใหญ่จะยังสร้างไม่เสร็จ เนื่องจากงบประมาณไม่พอ เงินที่นำมาก่อสร้างเป็นจากคนผู้ที่ปฏิบัติธรรมประสงค์จะนำมาใช้จ่ายเอง

โดยที่พักแบ่งออกเป็น 3 จุด จุดแรกเป็นสถานที่พักสำหรับครอบครัว แต่บางคนก็อาศัยอยู่คนเดียว ลักษณะที่พักสร้างเป็นห้องแถวเรียงกัน 5 ห้อง ด้านหน้ามีระเบียง และมีเต็นท์ตั้งอยู่ จุดที่สองอยู่ติดกับกำแพงด้านหน้า เป็นสถานที่พักสำหรับคนโสด ลักษณะคือมีเต็นท์ตั้งเรียงกันหลายหลัง ภายใต้โดมที่สร้างขึ้นมาแบบง่าย ๆ จุดที่สามสำหรับผู้ที่เข้าฌาน ลักษณะเป็นกระต๊อบตั้งเรียงกันประมาณ 4-5 หลัง และมีเต็นท์ตั้งอยู่ข้างกัน

พระกรันยา ถาวรธรรมโม อินธนู อายุ 59 ปี พระผู้ดูแลวัดเนื้อนาบุญ ที่ลูกศิษย์เรียกสรรพนามแทนว่า "สมเด็จ" หลังจากที่ฉันอาหารเช้าเสร็จ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เรียกว่าสมเด็จ เพราะเมื่อก่อนอาตมาเคยเล่นพระสมเด็จมาก่อน ทุกคนเลยเรียกเป็นสรรพนามแทน ทั้งนี้หากการเรียกเช่นนี้แล้ว ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องขอขมา

ส่วนกรณีคำสอนที่ปฏิบัติแล้วจะเป็นอมตะ หรือสวยหล่อตลอดกาล อาตมาไม่สามารถไปห้ามความคิดของทุกคนได้ และหากจะให้อธิบาย คนที่ไม่ปฏิบัติยากที่จะเข้าใจ แต่ผู้ที่ลงมือปฏิบัติตามแล้ว ทำให้ระบบภายในร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง หากปฏิบัติไปสักระยะหนึ่งจะเกิดอาการของคนเข้าฌาน เป็นเหตุให้สิ่งที่เสื่อมสภาพไปเกิดการฟื้นตัวขึ้น เป็นที่มาของคำว่า "การเป็นอมตะ" และความสวยหล่อ

ทั้งนี้ หลักคำสอนต่าง ๆ อาตมาไม่ได้บอกให้ใครมาเชื่อ แต่บอกว่าหากปฏิบัติแล้วจะเป็นเอง การปฏิบัติแล้วเป็นจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคน การทำสมาธิมีทั้งสะเทินน้ำสะเทินบก ขณะที่ทำไม่จำเป็นต้องจับสะดือ แต่บางคนจับ เพราะยังกำหนดลมได้ไม่ได้ โดยหลักแล้วคือการแขม่วท้องเพื่อกลั้นลมหายใจ สามารถทดลองทำประมาณ 2 นาที และจะรู้ผลทันที การฝึกลมในน้ำจะได้ผลมากกว่า และทำเป็นเร็วกว่า เพราะเป็นการปิดตาหูจมูก ซึ่งจะทำให้เกิดการเผาผลาญเร็วขึ้น ทุกคนสามารถทำได้ แม้แต่เด็ก

ถ้าปฏิบัติถึง ร่างกายจะมีกลิ่นศีลหรือกลิ่นหอมจะออกมาเอง กลิ่นของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่ว่าเคยทำบุญถวายอะไรมาก่อน เช่น หากเคยทำบุญด้วยดอกบัว จะมีกลิ่นดอกบัว หากเคยทำบุญด้วยดอกมะลิ จะมีกลิ่นมะลิ ทั้งนี้หากร่างกายยังไม่หอมแปลว่ายังทำไม่ถึง ถ้าเข้าถึงฌานจะกลายเป็น "อริยะ" ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้บวช เรียกว่า อริยบุคคล ถ้าเป็นพระสงฆ์ เรียกว่า อริยสงฆ์ ซึ่งคนที่เข้าถึงฌาน จะมีหลักฐานเป็นพระเกศา ซึ่งเกิดจากการฝึกจิตปิดลม เนื่องจากข้างในร่างกายจะเริ่มเกิดความร้อน และร่างกายจะเริ่มปิดฌาน ส่งผลให้ข้างในร่างกายถูกเผาผลาญ เผาทั้งกิเลศ และเผากามราคะ จากนั้นธาตุขันธ์จะบริสุทธิ์ คือปัสสาวะไม่เหม็น กลายเป็นมีกลิ่นหอม และร่างกายจะมีกลิ่นหอมขึ้น หากปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เลือดหรือน้ำปัสสาวะจะเปลี่ยนเป็นพระธาตุ

จากกรณีคลิปวิดีโองานเฉลิมฉลองนั้น เป็นการจัดงานการแต่งงานทางธรรมผู้ที่เคยแต่งงานทางโลกมาแล้ว หรือคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกัน แต่ยังไม่เคยแต่งงานจะเข้าร่วมพิธีเพื่อให้คู่รักเข้าสู่ทางธรรม และยืนยันว่าจะเป็นคู่กันตลอดไป ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น อีกทั้งยังเป็นการจัดงานเฉลิมฉลองสำหรับผู้ที่บรรลุธรรม เช่น เส้นผมตนเองเปลี่ยน และร่างกายมีกลิ่นหอม ซึ่งสาเหตุที่จัดงานได้ เพราะการจัดดังกล่าวไม่ผิดศีลห้า และเป็นการอวยพรให้ทุกคนมีความสุข อยากให้มองในอีกมุมหนึ่งเพราะปกติแล้วการจัดกิจกรรมมงคลของทางโลก จะมีการจัดมหรสพ การเต้นรำ มีมวยตีกัน มีการพนัน และดื่มเหล้า แต่ทุกคนไม่ได้ข้องใจ แต่พอจัดขึ้นในรูปแบบที่ต่างออกไป แต่ไม่ได้ดื่มเหล้า หรือมีเนื้อสัตว์ภายในงาน ทุกคนกลับมองว่าเป็นเรื่องที่แปลก

นอกจากนี้ กรณีที่พระสงฆ์เต้นรำ อาตมายอมรับว่าเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม และขอชี้แจงว่าไม่ได้เต้นในแนวทางเสื่อมเสีย แต่เต้นเพื่อแสดงความดีใจกับลูก ๆ ที่ทุกคนประสบความสำเร็จในทางธรรม

ส่วนกรณีเรื่องการเสพเมถุน อาตมาขอยืนยันคำเดิมว่าที่นี่ไม่ได้สอนให้เสพ แต่สอนให้มีผัวเดียวเมียเดียว อีกทั้งหากมาสัมผัสจะรู้ว่า ที่นอนตั้งอยู่ติดกัน ไม่มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมดังกล่าว ขณะนี้ทุกคนต่างวิตกกังวล และไม่สบายใจกับข่าวที่ออกไป แต่ขอให้ทุกคนเคารพในทางธรรม เพราะทุกคนไม่ได้มาปฏิบัติธรรมเพื่อทะเลาะกับใคร ทั้งนี้ คำพูดของอาตมากลับทำให้ครูบาอาจารย์ หรือคนพุทธด้วยกันมองว่าสอนไม่ถูกต้อง เพียงเพราะยึดหลักการณ์บางอย่าง โดยบางคำพูดที่ออกไป อาจจะทำให้หลายคนไม่สบายใจ อาตมาต้องขอกล่าวขอโทษทุกคน กราบขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์

อย่างไรก็ตาม คำสอนของอาตมาคือการสอนให้ปฏิบัติตามคำสอน และทำการเทศนา ให้รู้จักการละวาง ปล่อยวาง ยึดมั่น ถือมั่น ซึ่งเป็นคำสอนทางพระพุทธศาสนาเช่น "การละวาง" อาตมาได้กล่าวว่าถ้าลูกเป็นอริยบุคคลแล้ว อาจจะอยู่กับปุถุชนคนธรรมดาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ทุกคนสามารถมาอยู่ที่นี่ และอาตมาจะจัดพื้นที่ให้ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นหมู่บ้านศีลห้า ส่วนที่ดินของลูก ๆ ถ้ามีทายาทก็ขอให้มอบให้ทายาท แต่ถ้าไม่มี ก็สามารถขายทิ้งแล้วนำเงินดังกล่าวไปเก็บออมไว้ ไม่ต้องนำมาทำบุญ เพราะที่นี่มีสถานที่ที่ให้อยู่ และมีนา มีข้าวสารให้กิน ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ส่วนกรณีที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต เพราะที่นี่มีอาตมาเป็นพระสงฆ์เพียงรูปเดียว และไม่ได้อยากจะเบียดเบียนใคร แต่หากมีพระสงฆ์มาฟังธรรมก็ให้ออกบิณฑบาตตามปกติ ส่วนอริยบุคคลท่านอื่นก็ให้ใส่บาตรอริยบุคคลด้วยกันเอง เพื่อจะได้เป็นการให้บุญกันและกัน ช่วงเช้าไม่ได้มีการออกบิณฑบาต เพราะมีพระสงฆ์รูปเดียว หากวันไหนมีพระสงฆ์รูปอื่นอาจจะออกไปบิณฑบาต

ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ หนึ่งในคู่รักที่มาปฏิบัติธรรมได้ลงสะเทินน้ำสะเทินบก ลงฝึกลมในน้ำคู่กัน นายธานินทร์ ไหมพรม หรือ อริยสุรสีห์ อายุ 42 ปี อริยบุคคลหนึ่งในคนที่เข้าพิธีแต่งงานทางธรรม เป็นชาว จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตนเคยผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ หลังผ่าตัดหมอบอกว่าอยู่ได้แค่ 10 ปีเท่านั้น เตรียมตัวตายได้ และตนป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกทางซ้าย แต่ตนไม่อยากตายพยายามหาทางรักษาศึกษา ด้วยการพึ่งทางธรรม ตนลองปฏิบัติธรรมมาหลายที่แล้ว กระทั่งมีน้องแนะนำให้ลองมาศึกษาธรรมที่วัดป่าเนื้อนาบุญ ตนเดินมาศึกษาธรรมปฏิบัติมาประมาณ 2 ปีแล้ว หลวงตาท่านกล่าวว่าการปฏิบัติธรรมสามารถรักษาโรคได้ และไม่ได้บอกให้ทุกคนเชื่อ แต่บอกให้ลองทำดู ตั้งแต่ตนเริ่มภาวนามาประมาณ 2-3 เดือน อาการอัมพาตก็เริ่มดีขึ้น จากที่เดินลากขา กลายเป็นว่าเดินถนัดขึ้น

แต่ช่วงแรกจะมีอาการเหมือนคนโดนของ คือรู้สึกร้อนลุ่มข้างใน เพราะธาตุขันธ์จะเปลี่ยน ทำให้มาสามารถอยู่ใกล้คนเมาได้ และไม่สามารถอยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่กับคนที่กินเนื้อสัตว์ได้ ทั้งนี้ ตนคือหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมงานแต่ง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 และเป็นครั้งแรกที่สถานที่แห่งนี้จัดงานแต่งงาน โดยคู่รักหรือที่นี่เรียกกันว่าโพธิญาณคู่ที่มาเข้าร่วม มีเกือบ 10 คู่ ส่วนใหญ่เคยแต่งงานทางโลกไปแล้ว และบางคนไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานมาก่อน แต่อยู่กินกันมาก่อนแล้ว จึงถือโอกาสจัดงานทางธรรมขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่ใช่วัด เพราะไม่ได้มีตราตั้งวัด แต่เป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรม โดยงานแต่งจะแตกต่างจากที่อื่นเป็นอย่างมาก คือไม่มีคนเมา ไม่มีบัตรเชิญ ไม่มีการจัดเลี้ยง และไม่มีการล้มสัตว์เพื่อจัดเลี้ยง อีกทั้งกิจกรรมในงานจะเน้นการฟังธรรม ส่วนการเต้นเป็นการฉลองทางธรรม ไม่ผิดศีลห้า เพราะการแต่งกายด้วยสีสันสดใส ไม่ใช่เรื่องผิดศีล

โดยงานดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าใช่จ่าย และไม่ได้ใช้งบประมาณสูง ส่วนชุดแต่งกายให้แต่งตามปกติคือแต่งด้วยสีรุ้ง ส่วนอาหารการกิน บางส่วน ผู้ภาวนาที่อาศัยอยู่ข้างนอกจะนำมาร่วมกัน หลวงตาท่านไม่ได้บอกให้สั่งจากที่อื่นมากิน เพราะท่านสอนว่ามีเท่าไรให้กินเท่านั้น ส่วนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่จะเกิดกามอารมณ์ และสามารถทำได้ แต่ไม่ได้ทำในขณะที่ปฏิบัติธรรม และที่สำคัญต้องทำกับคู่ของตัวเองเท่านั้น ห้ามผิดคู่ โดยภรรยาของตนเป็นชาวบ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ ส่วนตนเป็นชาวสุรินทร์ต่างคนต่างมาเจอกันที่นี่ ก่อนจะพบรักกันและตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

นายจิตรติ แซ่ก่วย อายุ 62 ปี และนางน้ำฝน แซ่ก่วย อายุ 56 ปี ผู้ปฏิบัติธรรมหนึ่งในคู่รักที่เข้าแต่งงาน เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา และขณะนี้ทั้งคู่กำลังฝึกเข้าฌานอยู่ ลักษณะของที่อยู่อาศัยจะนอนกันในเต็นท์ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ มีแคร่ไม้ตั้งอยู่ใกล้สำหรับนั่งเล่น ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นลูกสาวเคยมาปฏิบัติธรรมด้วย 2 ครั้ง แต่ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ 3 ที่กรุงเทพฯ

นายจิตรติ เปิดเผยว่า ส่วนตัวแต่งงานทางโลกมาประมาณ 19 ปีแล้ว วันที่จัดพิธีเฉลิมฉลอง ตนได้เข้าร่วมพิธีแต่งงานทางธรรม ซึ่งมีทั้งหมด 9 คู่ และมาจากหลายสถานที่ทั้งสุราษฎร์ธานี เชียงราย กรุงเทพฯ การแต่งงานทางธรรมเป็นการจัดงานในศีลห้า ไม่ผิดศีล และเป็นการกระชับให้ทุกคู่รักกันแน่นแฟ้นมากขึ้น และรักกันมากขึ้น ซึ่งการเต้นรำถือว่าไม่ผิด เป็นการต้อนรับเข้าสู่ทางธรรม และเป็นสักขีพยานว่าจะเป็นเนื้อคู่กันตลอดไป ตนปฏิบัติด้วยการเชื่อในศีลธรรม คือการเอาธรรมเป็นใหญ่ และรักษาด้วยธรรมมะ ให้เกิดฌาน ซึ่งการเกิดฌานข้างในร่างกายจะถูกเผา จนต้องขับออกมาข้างนอก

ตนเริ่มปฏิบัติตั้งแต่ปี 2559 และไม่ได้มาอยู่ที่นี่ประจำ แต่ไป ๆ มา ๆ จะปฏิบัติอยู่ข้างนอกเป็นส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้ตนมาปฏิบัติธรรม 16 วัน และตนได้งเข้าฌานมาประมาณ 13 วันแล้ว ตลอด 13 วันที่ผ่านมา ตนกินแค่น้ำมะพร้าว และไม่กินน้ำเปล่ากินไม่ได้ เนื่องจากภายในตนรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอ ทำให้เกิดอาการสำรอกออกมา ทั้งนี้ ตนสามารถที่จะเข้าใกล้คนทั่วไปได้ แต่ต้องปิดลมหรือกลั้นหายใจ แต่คนอื่นเข้าใกล้ไม่ได้ จะทำให้บุคคลดังกล่าวเกิดกรรม เพราะหากบุคคลทั่วไปเข้าใกล้ตัวจะทำให้ระบบในร่างกายแปรปรวน โดยการฝึกปฏิบัติธรรมเวลาที่เจ็บป่วยจะสามารถรักษาด้วยธรรมมะได้ ต่างจากบุคคลธรรมดาที่ต้องไปหาหมอ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ป่วย แต่ก่อนที่จะมาเข้าฌาน ตนรู้สึกปวดท้องมาก ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

หลังจากที่ปฏิบัติธรรม สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ต้องทำกับคู่ของตัวเอง เนื่องจากขณะเข้าฌานจะเกิดกามและต้องต่อสู้ ซึ่งสามารถแก้ด้วยการกอดกัน ไม่จำเป็นต้องเสพกามอย่างเดียว ทั้งนี้ การปฏิบัติขั้นแรก ต้องฝึกปิดตาหูจมูกปาก ขั้นที่สองต้องฝึกปิดรูปรสกลิ่นเสียง ขั้นที่สาม เริ่มเข้ามาถึงฌานทำให้เกิดความร้อนรุ่มข้างใน และเกิดกามอารมณ์จึงต้องฝึกการปิดกาม ทำให้หมดกามไป