เปิดใจพระแปลกสอนอึ๊บบรรลุธรรม จัดงานแต่งสายรุ้งดิ้นในวัด ให้โยมดำน้ำขจัดโรค (คลิป)

สืบเนื่องจากเรื่องราวที่มีการตีแผ่ถึงคลิปคำสอนของสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็น วัดป่าเนื้อนาบุญ ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีหลวงตากรันยา เป็นหัวหน้าที่พักสงฆ์ ที่ออกมาระบุคำสอนบางช่วงบางตอนในการอบรมญาติโยมที่เข้ามาปฏิบัติธรรม ทำนองว่า "อนุญาตให้ผู้ที่มาปฎิบัติธรรมสามารถเสพเมถุน เพราะเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำสมาธิให้หลุดพ้นจากกรรม หนำซ้ำยังได้บุญและมีสมาธิเพิ่ม" นั้น

บนเพจเฟซบุ๊กของสำนักสงฆ์ ยังมีการโพสต์ระบุเกี่ยวกับเรื่องราวของกลิ่นศีล การบรรลุโสดาบันหรือการบรรลุอรหันต์ ตลอดจนมีการกล่างอ้างว่าฉี่นิ่วหรือเลือดของผู้มาปฎิบัติธรรมบางรายกลายเป็นพระธาตุ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกต สันนิษฐานว่าเรื่องราวดังกล่าวขัดต่อหลักธรรมพระพุทธศาสนา หรือเป็นการมอมเมาให้ประชาชนหลงเชื่อหรือไม่

ผู้สื่อข่าวพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ เดินทางไปที่พักสงฆ์วัดป่าเนื้อนาบุญ บ้านกอกหวาน หมู่ 1 ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่

เมื่อไปถึงที่วัดพบว่าที่ซุ้มประตูเหล็กหน้าประตูทางเข้าวัดได้มีการนำท่อพีวีซีขนาดใหญ่มาขวางกั้นทางเข้าไว้ ใกล้กับประตูทางเข้าได้มีการนำถังน้ำขนาด 200 ลิตร บรรจุน้ำเต็มตั้งไว้หลายถัง มีผู้ปฏิบัติธรรมโผล่ขึ้นจากน้ำทำพิการฝึกสมาธิ รวมถึงบบรรยากาศการแต่งกายเป็นชุดสีรุ้งสดใส

พระกรันยา ถวรธัมโม หรือ อินธนู อายุ 59 ปี ประธานที่พักสงฆ์ เปิดใจว่า ช่วงเวลานี้ทางวัดกำลังจัดงานเข้าปริวาสกรรม มีญาติโยมมาปฏิบัติธรรมรักษาศีลกันจำนวนมาก เห็นข่าวที่ออกไปนั้นตนก็ตกใจ ตนไม่ได้เป็นแบบนั้น ตนเทศนาสั้งสอนผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมให้ยึดถือและปฏิบัติตามศีล 5 แต่การมาปฏิบัติธรรม ถ้าสามีภรรยามาปฏิบัติธรรมด้วยกัน ก็สามารถที่จะเสพกามได้ แต่ให้เสพอยู่แต่ในคู่ของตนเท่านั้น

พระกรันยา กล่าวต่อว่า ส่วนที่ผู้ปฏิบัติธรรมได้ลงดำน้ำในถังเป็นการฝึกสมาธิ เป็นการทรมานตัวเอง ในน้ำไม่ได้มีอะไรไม่มีสมุนไพร มีน้ำบริสุทธิ์ คนที่ฝึกดำน้ำทำสมาธิแล้วร่างกายจะดีขึ้น คนที่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยก็ทำให้ร่างกายดีขึ้น ร่างกายจะมีกลิ่นหอม เพราะผู้ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่นี่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ทานข้าวกับเกลือ มีผักบ้าง ผู้ที่ดำน้ำแล้วดีทุกคน

ด้านศิษยานิศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรม ซึ่งมีทั้งที่มากรุงเทพฯ และหลายจังหวัด หลายคนบอกเหมือนกันมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่แล้วดีหลายอย่าง อยู่วัดนี้สงบดี บางคนบอกว่าไปมาหลายวัดแล้วไม่เหมือนที่นี่ บางคนเคยเจ็บป่วยต้องไปหาหมอ ต้องรับประทานยาประจำ พอมาปฏิบัติธรรมที่นี่และฝึกสมาธิดำน้ำแล้วโรคหายไม่ต้องทานยาอีก

โดยวิธีปฏิบัติการฝึกปิดลมบนบก คือ 1.หยุดลมหายใจ ไม่ต้องหายใจ 2.หยุดลมหายใจ ไม่ต้องเบ่งลม 3.สังเกตความรู้สึกภายใน ให้เราอยู่กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 4. เมื่อเราอยู่กับความรู้สึก จนทนไม่ได้ อย่าเพิ่งหายใจ แต่ให้เราทำความรู้สึกเหมือนเราหายใจ คือให้กำหนดความรู้สึกขึ้นลง เหมือนใจจะขาด จนกว่าจะทนไม่ไหว จนกว่าจะแขม่วท้องได้เอง แต่ถ้าฝึกในน้ำจะดีที่สุด ขันธ์ของเราจะแข็งแรง และไม่แปรปรวน ถ้าทำถูกร่างกายจะแข็งแรง ไม่อ่อนล้า

นางสาวจิดาภา สอสองชั้น หรือ อริยไพลิน อายุ 41 ปี ผู้ปฏิบัติ เดินทางมาจากมีนบุรี มีอาชีพเป็นพนักงานนวด เปิดเผยว่า ตนเริ่มเข้ามาปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. 63 และมีอาการแปรปรวน เกิดความร้อนในท้อง เหม็น ได้รับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ กินเนื้อสัตว์ไม่ได้ กินได้แต่ผักกับไข่ กระทั่งตนมาปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง 15 วัน กลายเป็นอริยบุคคลในวันที่ 1 ธ.ค. 63

โดยระยะเวลาในการปฏิบัติธรรม อยู่ที่ความจริงจังของแต่ละบุคคล สามารถทำได้ทุกที่ เช่น ปฏิบัติด้วยการเดินซึ่งวิธีทำ คือแขม่วท้อง กับขมิบบั้นท้าย และหยุดลมให้นานที่สุด ส่วนตัวมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่จะเป็นโรคภูมิ ซึ่งแต่ก่อนตนมีน้ำหนักประมาณ 64-68 กก. ปัจจุบันนี้ เหลือเพียง 51 กก. ซึ่งเกิดจากการที่ฌานถูกเผาผลาญทำให้เลือดไหลเวียนดี และบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งที่จริงแล้วแก้ไขด้วยการปฏิบัติธรรมได้ โดยการปฏิบัติธรรมคือการฝึกปิดลม ซึ่งทุกคนปฏิบัติจะมีสุขภาพแข็งแรง เช่น ผู้หญิงสามารถยกก้อนหินหนักได้

โดยกิจวัตรประจำวัน คือนั่งปริวาส ซึ่งบางคนจะไม่กินข้าว เพื่อให้ท้องว่าง เพราะเวลาปิดลมดำน้ำ จะทำให้เผาผลาญได้เร็วขึ้น ปกติแล้วการฝึกกรรมฐานของที่อื่นจะเป็นการเดินจงกลม แต่ที่นี่จะฝึกด้วยการปิดลม แบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก นอกจากนี้ ทุกคนมาที่นี่ ม้กจะเป็นคนที่เคยประสบปัญหาในชีวิต เช่น ตนเคยมีปัญหาครอบครัว รักไม่สมหวัง

ตนมองว่ากระแสข่าวไม่เป็นธรรม ตนยืนยันว่าไม่ได้สอนให้เสพกาม แต่การปิดลมจนสุด จะทำให้เกิดอารมณ์กาม ซึ่งทุกคนเป็นกันหมด ซึ่งเวลาเกิดอารมณ์ก็ควรจะเสพกับคู่ของตัวเอง ด้วยเหตุนี้พระท่านจึงสอนว่าควรจะมีคู่เพียงคนเดียว ไม่ควรมีคู่นอนหลายคน โดยเรื่องนี้เป็นธรรมดาของทุกคนมี แต่ทุกคนแค่ไม่กล้าพูด ด้วยเหตุนี้คนที่ไม่เข้าใจเอาไปตีความว่าเป็นการสอนธรรมให้เสพกาม อีกทั้งไม่ได้สอนให้เกิดความพอใจแล้วจับคู่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ แต่กรณีที่มีความรักนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชนทั่วไป

นอกจากนี้ มีคลิปวิดีโอที่กลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมรวมตัวกันช่วงค่ำแต่งกายด้วยชุดสีรุ้งสดใส ประกอบกิจกรรมร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน และเป็นกิจกรรมงานแต่ง ของผู้ปฏิบัติธรรมที่มาพบรักกันด้วยนั้น

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของหญิงสาวรายหนึ่ง อ้างเป็นผู้ที่บรรลุโสดาบัน ชื่อ น.ส.อริยดาว ตามที่เฟซบุ๊กของวัดได้มีการโพสต์ อยู่ที่บ้านใน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เมื่อไปถึง น.ส.อริยดาว ไม่ให้สัมภาษณ์ ให้สามีออกมาพบบอกว่า "รายละเอียดเรื่องนี้ให้ไปถามหลวงตาเอาเอง"

นายอ๊อด ชาวบ้านใน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อก่อนนี้หลวงตากรันยาเคยมาบวชแล้ว 1 ครั้ง ก่อนจะสึกไป แล้วมาบวชครั้งที่ 2 พฤติกรรมก็เปลี่ยนไป โดยอยู่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ สร้างเป็นกระท่อม ชาวบ้านบางคนศรัทธาก็ไปให้พระอาบน้ำมนต์ให้ จนถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไล่ออกมา ไปจำพรรษาสร้างสำนักสงฆ์ที่ จ.ศรีสะเกษ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล จะผิดถูกอย่างไรให้สังคมตัดสินดีกว่า