กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รปภ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่ ว่ามีคนขับรถยนต์ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ยิงบนถนน แล้วตั้งสติขับรถเข้ามาหลบอยู่ในพื้นที่รพ.แห่งหนึ่ง กลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อขอความช่วยเหลือ ทราบชื่อคนเจ็บในเวลาต่อมา นายวิพะสุจณ์ หรือ หนุ่ม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิด จนกระทั่งทราบตัวคนก่อเหตุ นายสมหมาย หรือ กวน อายุ 49 ปี ชาว จ.สงขลา ซึ่งเป็นเพื่อนพนักงานที่ทำงานอยู่ร้านอาหารปักษ์ใต้แห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่
ล่าสุดวันที่ 5 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณสี่แยกเมืองสมุทร ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุ โดยจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางผ่านของนายวิพะสุจน์ หรือ หนุ่ม โดยกำลังจะขับรถผ่านบริเวณสี่แยกดังกล่าว เพื่อมุ่งหน้าไปทำธุระ แต่มีรถของนายสมหมาย หรือ กวน ขับตามมาด้านหลัง เพื่อจะไปซื้อของในตลาดเมืองใหม่ แต่ขับรถมาเจอกับนายวิพะสุจน์ เมื่อมาถึงสี่แยกไฟแดง ได้ลงจากรถแล้วก่อเหตุจ่อยิงทันที
ทีมข่าวได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่ละแวกสี่แยกไฟแดง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ได้ยินเสียงคล้ายคนจุดประทัด เข้าใจว่าเป็นควันหลงจากเทศกาลขึ้นปีใหม่ จึงไม่ได้เอะใจว่าจะมีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้น กระทั่งช่วงเช้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยชาวบ้านมาพูดคุยกัน ทราบว่ามีเหตุการณ์คนยิงกันบริเวณกลางสี่แยก ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครตื่นมาดูเหตุการณ์ เพราะด้วยอากาศหนาว ประกอบกับส่วนใหญ่จะปิดประตูหน้าต่าง จึงไม่ได้มีใครออกมาเห็นเหตุการณ์
ภายหลังจากที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ได้ติดตามจับกุมนายสมหมาย บุญแอ อายุ 49 ปี ที่ได้ก่อเหตุยิงคู่อริกลางสี่แยกเมืองเชียงใหม่ โดยสามารถติดตามจับได้ที่บ้านเลขที่ 104/90 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้นำตัวมาสอบสวน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ควบคุมตัวนายสมหมาย ผู้ต้องหา ใช้อาวุธปืนยิงนายวิพะสุจณ์ อายุ 39 ปี ไปให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ระหว่างรอการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหาโดยทันที
พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เดิมทีฝ่ายผู้ต้องหาและผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้มีเรื่องบาดหมางใจกันมาตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยตัวของผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นเข้าใจผิดว่าที่โดนออกจากงาน เพราะเป็นต้นเหตุมาจากตัวของมือปืน จากนั้นก็ได้มีการยั่วยุกันมาตลอด โดยช่วงเช้าวันนี้ระหว่างที่มือปืนกำลังขับรถไปซื้อของที่ตลาดเมืองใหม่ ตัวของผู้ได้รับบาดเจ็บก็ได้ขับรถเข้ามาปาดหน้า แล้วพยายามเบรกให้ชนหลายครั้ง ทำให้มือปืนทนไม่ไหว เดินลงมาเพื่อที่จะถาม แต่มือปืนอ้างว่าเกรงว่าจะถูกเพื่อรับบาดเจ็บใช้อาวุธปืนยิงใส่ จึงเปิดฉากยิงใส่คู่กรณีเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในฐานความผิดฐาน "พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองทางสาธารณะหรือหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร" ซึ่งตำรวจก็ได้ควบคุมตัวของผู้ต้องหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ร้านอาหารปักษ์ใต้แห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านที่ทั้งคู่ทำงานอยู่ โดยทีมข่าวได้เจอกับนางประทิ่น เกิดทรัพย์ อายุ 62 ปี เจ้าของร้านอาหารปักษ์ใต้ สาขากาดเมืองใหม่ เปิดเผยว่า ตนเพิ่งมาทราบข่าวเมื่อช่วงสาย รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าพนักงานทั้งสองคนจะก่อเหตุรุนแรงเช่นนี้
โดยนายวิพะสุจน์ หรือ หนุ่ม เป็นพนักงานที่เพิ่งโดนไล่ออกประมาณ 2 เดือน พฤติกรรมของนายหนุ่ม เป็นคนชอบแกล้งเพื่อน เป็นคนชอบเอาเรื่องมาฟ้องเจ้านาย จึงทำให้กลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกันแตกคอและขัดแย้ง ประกอบกับทำงานแล้วไม่มีความสุข ทำงานแล้วต้องหวาดระแวง ตนในฐานะนายจ้างจึงต้องไล่พนักงานแบบนี้ออก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาในระยะยาว ทำให้พนักงานขัดแย้งกัน
ขณะที่นายสมหมาย หรือ กวน ยังทำงานให้กับทางร้านตามปกติ โดยทำหน้าที่ไปซื้อของ ซึ่งเป็นวัตถุดิบมาประกอบอาหารใต้ โดยทุกเช้าเวลาประมาณ 05.00 น. ก็จะขับรถออกจากร้านมุ่งหน้าไปที่ตลาดเมืองใหม่ ไปซื้อของ แล้วกลับมาส่งที่ร้านเพื่อทำอาหารขายในช่วงสาย แต่ไม่ทราบว่าช่วงเวลาเกิดเหตุ ได้ไปขับรถแล้วเจอกับนายหนุ่มได้อย่างไร ทั้งนี้เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว ที่อาจไม่พอใจเพราะถูกฟ้องบ่อยครั้ง หรืออาจจะมีประเด็นอื่นที่ตนไม่รู้ ดังนั้นให้ไปถามเพื่อนสนิท หรือคนรู้จักจะได้ข้อมูลมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะพิจารณานายสมหมาย หรือให้ออกจากการทำงาน แต่ในส่วนของคนเจ็บก็คงเป็นเรื่องของคน 2 คน ไม่ได้เกี่ยวกับทางร้านแล้ว เพราะคนหนึ่งก็ถูกไล่ออกไปแล้ว ส่วนคนก่อเหตุก็ไม่ใช่ญาติโดยตรงของทางร้าน ดังนั้นก็คงปล่อยไปตามกระบวนการกฎหมาย
