กรณีเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างรัตนตรัยฯ สระบุรี ห้วยป่าหวาย ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย บริเวณหน้า บริษัทเคมีแมน หมู่ 11 ต.ห้วยป่าหวาย อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บชาย 1 ราย คือ นายโชคชัย วิลาคาม อายุ 56 ปี หรือโชติ
หลังจากรับแจ้งว่าถูก นายคฑาเพชร ละคร หรือ ต้อย อายุ 40 ปี ลูกเขย ทำร้ายร่างกายบริเวณใบหน้า ไม่ทราบอาวุธ มีแผลแตกที่เปลือกตาขวา ขนาด 3 ซม. และปูดบวม แผลแตกที่ปาก โดยเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ และนำส่ง รพ.พระพุทธบาท
ล่าสุดวันที่ 3 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นชุมชนขนาดเล็ก ในพื้นที่ หมู่ 11 ต.ห้วยป่าหวาย อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มีห้องน้ำอยู่ด้านนอกบ้าน รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ถนนหน้าบ้านเป็นถนนลูกรัง และพื้นที่โล่งโดยรอบบ้าน พบเตาถ่านแตกเสียหาย วางอยู่บริเวณหน้าบ้าน
ทีมข่าวยังเดินทางไปที่ ตึกศัลยกรรมชาย รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เพื่อไปติดตามอาการของ นายโชคชัย วิลาคาม อายุ 56 ปี หรือโชติ ผู้บาดเจ็บ อยู่ในอาการเบลอ เนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน โดยสามารถพูดคุยได้เพียงเล็กน้อย เพราะมีการเย็บแผลบริเวณริมฝีปากด้วย รวมถึงดวงตาด้านขวาปูดบวม และมีน้ำตาไหลตลอดเวลา
นายโชติ เล่าว่า เมื่อวานนี้ (2 ม.ค.64) มีการนั่งดื่มสุรากันในบ้าน ทั้งหมด 4 คน คือตน และภรรยา (สำเริง) ลูกเขย (ต้อย) เพื่อนลูกเขย โดยก็ได้นั่งดื่มเหล้ากันปกติ และน่าจะเกิดอาการมึนเมาและมีปากเสียงกัน ซึ่งตนก็จำได้เพียงเล็กน้อย ตนน่าจะไปว่าลูกเขย เรื่องที่ลูกเขยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาของตน เป็นเหตุทำให้ตนต้องนอนนอกบ้านมาตลอด 2 ปี ตนไม่ได้มีการต่อสู้กับลูกเขย เพราะต่อสู้ไม่ไหว เนื่องจากตนมีอาการมึนเมาด้วย ลูกเขยจึงใช้เตาถ่านที่อยู่หน้าบ้านทุ่มใส่ใบหน้าตนจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตนไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภรรยาเลย จึงทำให้ต้องเดินไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านแทน
ที่ผ่านมาตนก็โดนทำร้าย 2 ครั้ง และให้อภัยมาตลอด รวมไปถึงช่วงที่ลูกสาวตนยังมีชีวิตอยู่ นายต้อย ไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ เพิ่งจะมีพฤติกรรมมึนเมา และทำร้ายร่างกายตนเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ตนโกรธมาก ถึงแม้ว่าลูกเขยจะมาขอขมาหรือขอโทษ ก็จะไม่มีการให้อภัยอีกแล้ว และต่อจากนี้คงไม่อยู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว คงจะกลับภูมิลำเนา ที่จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งตอนนี้ทางญาติตนก็ยังไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป คงจะได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้
นายโชติ ยังยืนยันว่า หลังจากนี้คงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายโชติถึงที่สุด และไม่อยากพูดคุย หรือไม่อยากเห็นหน้านายโชติอีกต่อไป ส่วนแพทย์นั้นได้เย็บปิดบาดแผลที่ดวงตาด้านขวาประมาณ 8 เข็ม และด้านในปาก อีกนับสิบเข็ม
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านที่เกิดเหตุ พบกับนายต้อย ผู้ก่อเหตุ กำลังนั่งรับประทานมะยมอยู่บริเวณโต๊ะหน้าบ้าน และใบหน้าบวมเล็กน้อย ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่นายต้อยบอกกับทีมข่าวว่า “ไม่พูด” และลุกเดินหนีไปทันที
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางสำเริง มณโฑ หรือ เริง อายุ 57 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวานนี้ (2 ม.ค.64) เวลาประมาณ 18.00 น. ตนและนายโชติ (สามี) นายต้อย (ลูกเขย) และ เพื่อนลูกเขย นั่งดื่มเหล้าบริเวณหน้าบ้าน ด้วยความมึนเมาทำให้นายโชติ กล่าวหาว่าตนชอบออกไปหาคนอื่นนอกบ้าน ชอบออกไปเที่ยวนอกบ้านมากเกินไป ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้ตนเถียงกลับ และมีปากเสียงกับนายโชติ
นายโชติ จึงเดินไปหยิบหินลับมีดขนาดใหญ่ กำลังจะเข้ามาทำร้ายตน เมื่อนายต้อยเห็นก็พยายามที่จะเข้าไปห้าม แต่ไม่เป็นผล จึงทำให้นายต้อยต้องกระชากคอเสื้อ และต่อยเข้าที่ใบหน้า บริเวณดวงตา และปากของนายโชติ ไป 2 ครั้ง ไม่ได้มีการใช้เตาถ่านอย่างที่นายโชติกล่าวอ้างแต่อย่างใด ตนพยายามห้ามปราม เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน จากนั้นนายโชติ จึงรีบเดินออกไปนอกบ้านทันที หลังจากเกิดเหตุตนยังเตือนนายต้อย ว่าทำรุนแรงเกินไป จนเลือดตกยางออก
ส่วนเรื่องที่นายโชติ บอกว่าตนมีสัมพันธ์กับนายต้อยนั้น ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะตนก็อายุมากแล้ว ประกอบกับนายต้อย ก็มีภรรยาใหม่แล้ว ไม่เคยคิดที่จะมีสัมพันธ์กับลูกเขยแน่นอน และที่ผ่านมานายต้อยก็เป็นคนทำมาหากิน เลี้ยงลูกสาว ส่วนนายโชติ ไม่ทำอะไรเลยอยู่บ้านเฉย ๆ
ส่วนที่ให้นายโชตินอนนอกบ้าน เพราะสามีมักจะดื่มเหล้าเป็นประจำ และมักจะทำลายข้าวของในบ้าน รวมถึงอุจจาระ ปัสสาวะ เลอะเทอะในบ้านด้วย เมื่อปี 63 นายโชติ ยังเคยก่อเหตุเผารถจักรยานยนต์ตนด้วย เพราะความมึนเมาขาดสติ แต่ตนก็ไปแจ้งความดำเนินคดีแล้วไม่มีอะไรคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าผ่านไป 1-2 วัน นายโชติก็คงกลับมาคุยกับนายต้อยปกติ และไม่โกรธเคืองอะไร หากนายโชติ แจ้งความดำเนินคดีนายต้อยจริง ก็คงจะต้องประกันตัว หรือให้การช่วยเหลือ เพราะนายต้อยไม่ได้ทำผิดอะไร
