จากกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วย นายจรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ เดินทางไปยื่นฟ้องคดีอาญา ต่อนายปรีชา ใคร่ครวญ, นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ และ นางสาวพัชริดา พรมตาในความผิดฐานร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จ ในการไตร่สวนในคดีแพ่ง
วันนี้ (19 เม.ย.)
ทนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความของครูปรีชา เปิดเผยว่า ทันทีที่ทราบว่า ทนายษิทรา พร้อมด้วยลุงจรูญ เดินทางไปศาลยื่นฟ้องครูปรีชาในความผิดฐานร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จ ล่าสุด ตนได้มีการพูดคุยกับครูปรีชา โดยครูปรีชาก็ไม่ได้มีความเครียดแต่อย่างใด แต่ทันทีที่ครูปรีชาได้รับหมายจากศาล ตนจะยื่นฟ้องกลับอีกฝ่ายทันที ในข้อหาฟ้องเท็จ เนื่องจากคำฟ้องที่อีกฝ่ายยื่นฟ้องนั้นเป็นความเท็จอยู่แล้ว
ส่วนที่ทนายษิทรา เปิดเผยว่า รวบรวมประจักษ์พยานไว้แล้วจนเชื่อได้ว่าวันที่ 31 ตุลาคม 60 ครูปรีชาไม่ได้มาซื้อลอตเตอรี่เลข 533726 ไปจริง ทนายวรยุทธบอกว่า ก็ให้ไปรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เรื่องข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ขอให้ไปว่ากันในชั้นศาลเพราะในวันที่ 4 มิ.ย. นี้ที่ตนฟ้องอีกฝ่ายในฐานจำเลยนั้น ก็จะมีการไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งพยานทุกปากก็จะนำสู่การพิจารณาของศาลจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป และการที่ทนายษิทราบอกว่า สัปดาห์หน้าอาจจะมีการยื่นฟ้องเพิ่มเติมนั้น ตนไม่รู้สึกหวั่นและถ้ามีการยื่นฟ้องมาตนก็จะฟ้องกลับ
ส่วนที่ทนายษิทราบอกว่า หากตรวจสอบพบว่าพยานที่ได้เบิกความไปแล้วหรือกำลังจะเบิกความ ให้การไม่ตรงความเป็นจริง จะดำเนินคดีกับพยานทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ทนายวรยุทธบอกว่า ตนมีความเชื่อมั่นว่าพยานที่ตนนำขึ้นสู่ศาลคือประจักษ์พยาน ที่สามารถบ่งชี้ให้ศาลรับฟังได้ว่า "หวยเป็นของครู"
ขณะนี้ข้อมูลที่ทนายวรยุทธ มีการรวบรวมหลักฐาน ก็พร้อมที่จะขึ้นสู่ศาลแล้ว และที่ตนเตรียมประจักษ์พยานไว้ก็คือไม่เกิน 10 ปาก หลังจากนี้แนวทางการเดินหน้าของทางตนมีหลายกรณี กรณีแรก ที่ตนเป็นผู้เสียหายที่มีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนั้น ตอนนี้พนักงานอัยการมีคำสั่งให้กองปราบปรามสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว
ส่วนกรณีที่สอง พนักงานอัยการส่งคืนสำนวนไปที่ ป.ป.ช. ตนก็จะขอความเป็นธรรมพร้อมกับเพิ่มหลักฐาน เพื่อให้ ป.ป.ช. ได้วินิจฉัยเพิ่มมากขึ้นในเรื่องพยาน แต่ในเรื่องของคดีแพ่งตนไม่กล้าก้าวล่วงเพราะอยู่ในระหว่างการพิจารณา และเป็นการดูแลของทนายอีกท่านหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทนายวรยุทธทิ้งท้ายไว้ว่า ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งตนอยากให้ตั้งข้อสังเกต ที่ ร.ต.ท.จรูญ และ ครูปรีชามีข้อพิพาทระหว่างกัน แต่ตนมองไม่เห็นเหตุว่า "ทำไมถึงต้องไปดำเนินการกับพยาน" จึงเป็นเหตุให้ตนเชื่อได้ว่า การใช้สิทธิ์ในการฟ้องร้องเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เจตนาคือ "ฟ้องเพื่อจะข่มขู่พยานของโจทก์ในคดีแพ่ง หรือคดีอาญา ที่จะนำสืบเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวไม่กล้ามาเป็นพยาน"
ขณะที่บรรยากาศที่ตลาดเรดซิตี้ จ.กาญจนบุรี
คุณเกด แม่ค้าขายผัก ที่ตั้งแผงอยู่ใกล้กับแผงขายลอตเตอรี่ เปิดเผยว่า แม้ครูปรีชาจะไม่ใช่ลูกค้าร้านตน แต่ตนก็ให้กำลังใจ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ขอให้สู้กันไป ส่วนแม่ค้าลอตเตอรี่ตนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ เพราะเป็นแม่ค้าด้วยกันตนก็รู้สึกเห็นใจ ซึ่งตนมองว่าคงไม่มีแม่ค้าคนไหนอยากที่จะโดนคดี แต่หากต้องเดินทางไปให้กำลังใจถึงที่ศาลตนคงไม่ได้ไป เพราะไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดี
ด้าน
คุณบุษ แม่ค้าขายผลไม้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ๊เกียว บอกกับทีมข่าวว่า ตนเป็นกำลังใจให้กับทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งหากมีเวลาก็จะไปให้กำลังใจตอนแม่ค้าลอตเตอรี่ขึ้นศาล โดยปกติก็คุยกันตลอดว่าขอให้แม่ค้าสู้ เพราะความจริงก็คือความจริง ส่วนตัวที่ตนสัมผัสมาตนไม่ได้เข้าข้างใคร เพราะไม่มีใครให้เงินตน แต่ตนเชื่อฝ่ายของครูปรีชา และแม่ค้าถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เชื่อนั้นไม่ใช่ว่าเพราะเป็นแม่ค้าด้วยกัน แม่ค้าบางคนนิสัยดีจริง มนุษยสัมพันธ์ดี ซึ่งตนก็ให้ใจ ส่วนครูปรีชาไม่ใช่ลูกค้าประจำของตน แต่ตนดูที่ความเป็นจริง ไม่เกี่ยวว่าเป็นลูกค้าหรือไม่ ส่วนลุงจรุญไม่ค่อยได้สัมผัสกันมากนัก เคยเจอภรรยาเขามาสอบถามราคาผลไม้ที่ร้านแต่ก็ไม่ได้ซื้อขายกัน
เช่นเดียวกับ
ป้าคำหล้า แม่ค้าขายผลไม้ ที่ครูปรีชาเคยเป็นลูกค้าซื้อผลไม้ ระบุว่า ตนให้กำลังใจทั้งครูปรีชาและลุงจรูญ เพราะทั้งคู่ก็เป็นลูกค้าตน แต่หากไปให่กำลังใจที่ศาลตนคงไม่มีเวลาไปเพราะก็ต้องทำมาหากิน ส่วนตัวคิดว่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็คงไม่มีใครไป ส่วนใหญ่ต้องอยู่ขายของ ตนคงให้กำลังใจอยู่ที่ตลาด ทั้งนี้วันเกิดเหตุตนจำไม่ได้ว่าลุงจรูญ และภรรยาได้มาซื้อผลไม้ที่ร้านหรือไม่ เพราะลูกค้าตนมีเยอะ