จากกรณีที่ธุรกิจนำเข้าฟิน หรือ ตีนกบ แบรนด์ Alchemy จากประเทศกรีซ มาจำหน่ายในไทยโดยมีนักแสดงสาว “สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข” นั่งแท่นเป็นผู้บริหาร แต่กลับโดนผู้ใช้เฟสบุ๊กปริศนารายหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นครูสอนดำน้ำ โดยทราบชื่อภายหลังคือ “นายวรพันธ์ อุดมพงษ์” ได้มีการโจมตีผ่านโพสต์เฟสบุ๊กเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 และยังคงโพสต์นี้ไว้อีก 2 วันก่อนที่จะลบโพสต์ออกไป แน่นอนว่าด้วยจุดประสงค์ที่ไม่หวังดีนี้จึงทำให้สร้างความเสียหายแก่ตัวของสายป่านและบริษัทนับ 10 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “สายป่าน” พร้อมทนายเดินหน้าฟ้องผู้ใช้เฟซบุ๊กโจมตีธุรกิจถึงที่สุด
วันนี้ (26 สิงหาคม 2563) เวลา 10.30 น. เจ้าตัวพร้อมทนายความ 2 ท่านร่วมประกบคือ “ทนายเกรียง วิศิษฏ์สรอรรถ” และลูกชาย “ทนายเกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ” ก็ได้เดินทางมาศาลอาญา รัชดา เพื่อยื่นฟ้องครูสอนดำน้ำผู้ใช้เฟสบุ๊กรายดังเกล่าในคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญาฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โดยด้านของสายป่านและทนายความได้นำเอกสารคำฟ้องและหลักฐานช่วงเวลาการโพสต์มายื่นต่อศาลและเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เจ้าตัวยอมรับว่าจริงๆแล้วจากโพสต์ดังเกล่าทำให้หลายคนเข้าใจผิดและมีการคอมเมนท์ในทางเสียหายหลายคน แต่ตัวของสายป่านเองตั้งใจจะเอาความแค่คนที่เป็นต้นเรื่องคือ “นายวรพันธ์ อุดมพงษ์” เท่านั้น โดยจะเรียกค่าเสียหายในจำนวนเงิน 5 ล้านบาท เพราะจุดประสงค์หลักคืออยากให้คดีนี้เป็นตัวอย่างมากกว่า แม้ตัวเองจะเสียหายทั้งทางธุรกิจและชื่อเสียงจนถูกนำรูปไปล้อว่าโดนสายป่านหลอกก็ตาม
เจ้าตัวบอกว่าก่อนหน้านี้เพื่อนของตนพยายามที่จะติดต่อไปยังคู่กรณีเพื่อให้เข้ามาพูดคุยกัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีวี่แววที่จะเข้ามาเจรจากับตน จึงตัดสินใจดำเนินคดีตามกฎหมาย และยืนยันว่าต่อให้คู่กรณีออกมาโพสต์ขอโทษในตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะความเสียหายได้เกิดขึ้นสำเร็จไปแล้ว จึงทำได้เพียงแค่รอมาคุยกันในศาลอีกที ซึ่งจะมีการนัดไต่สวนในช่วงเดือนมกราคม 2564 ส่วนจะเอาความจนถึงที่สุดหรือไม่นั้นก็คงต้องดูที่เจตนาของการกระทำอีกที เนื่องจากคู่กรณีโพสต์เป็นสาธารณะจึงทำให้มีการเข้าถึงจากผู้ใช้เฟสบุ๊คเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดจากคอมเมนท์กว่า 60-70 คอมเมนท์ที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ตน
ทั้งนี้ด้วยความที่ทางต้นสังกัดสินค้าในต่างประเทศได้มีการตรวจสอบออเดอร์แล้วพบว่ามีหลายรายการถูกตีกลับ ทำให้ทางสายป่านและทนายเองต้องทำการชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับเชิญมาเป็นพยานในคดีนี้ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่าทางต้นสังกัดในต่างประเทศเองจะเอาความด้วยหรือไม่
นอกจากนี้เจ้าตัวยังอัพเดตถึงฟีดแบคจากลูกค้าหลังมีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมาว่ายังไม่เห็นผลชัดเจน คนที่ยกเลิกไปก็ยังไม่กลับมาสั่งใหม่ แต่ก็เริ่มมีลูกค้าใหม่ๆเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เสียไป ส่วนตัวแล้วมองว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้าได้
เปิดใจเล่าว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นในช่วงที่ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น มียอดสั่งซื้อเข้ามาเยอะมากแต่กลับโดนยกเลิกออเดอร์เกือบทั้งหมด จนทำให้เงินทุนจมดิ่ง สุดท้ายสายป่านก็อยากฝากถึงลูกค้าว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความผิดพลาดไม่ได้เกิดขึ้นจากทางตนและบริษัท เป็นความผิดพลาดจากการใช้งาน ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิสูจน์ในอนาคต พร้อมกับย้ำว่าตนและบริษัทไม่ได้มีเจตนาหลอกขายของไม่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ยืนยันว่าจะดูแลแนะนำของที่ดีที่สุดมาให้ลูกค้าเหมือนเดิมควบคู่ไปกับการเดินหน้าส่งเสริมโปรเจ็คการท่องเที่ยวต่อไป”
