“สายป่าน” พร้อมทนายเดินหน้าฟ้องผู้ใช้เฟซบุ๊กโจมตีธุรกิจถึงที่สุด

13 ส.ค. 63

อย่างที่รู้กันดีว่านักแสดงสาวสวยแซ่บ “สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข” ชื่นชอบในกิจกรรมดำน้ำ ว่ายน้ำมากและตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเธอคลุกคลีกับวงการดำน้ำมาก จนวันหนึ่งได้เข้าไปอยู่วงในเพื่อที่จะศึกษาและพัฒนาเป็นธุรกิจนำเข้าฟิน หรือ ตีนกบ แบรนด์ Alchemy จากประเทศกรีซ มาจำหน่ายในไทย ด้วยการทุ่มงบไปหลายล้านบาท แต่จู่ๆล่าสุดท่ามกลางภาวะวิกฤตโควิด-19 เจ้าตัวก็โดนผู้ใช้เฟสบุ๊กปริศนารายหนึ่งโจมตีด้วยจุดประสงค์ที่ไม่หวังดีจนสร้างความเสียหายแก่ตัวเองและบริษัทไปนับล้านบาทเช่นกัน

s__66256948

เล่าว่าเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งไม่ได้ใช้รูปโปรไฟล์เป็นใบหน้าจริง และอ้างตนว่าเป็นครูสอนว่ายน้ำในสระแถวรังสิต รวมทั้งไม่แน่ใจว่ามีบุคคลนี้มีความรู้ด้านดำน้ำจริงหรือเปล่า ได้มีการนำสินค้าจากร้านของตนซึ่งเป็นชิ้นที่ลูกค้าเคยซื้อไปและมีปัญหาหลังการใช้งานมาโพสต์โจมตีแบรนด์ของตนในรูปแบบสาธารณะพร้อมกับเขียนข้อความเชิงตำหนิด้วยถ้อยคำสนุกสนานว่าซื้อมาจากร้านของ “สายป่าน”

เท่านั้นยังไม่พอ ในวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ก็มีคนส่งมาให้เธอดูอีกว่าบุคคลรายนี้ยังคงมีการเข้าไปคอมเมนท์ด้วยข้อความลักษณะโจมตีบริษัทใต้คอมเมนท์ของคนอื่นอยู่อย่างต่อเนื่อง ตนจึงตัดสินใจลองแจ้งไปยังเฟสบุ๊กรายนี้ว่าทำแบบนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก้ผู้อื่นได้ แต่ก็ไม่ได้การตอบรับกลับมา

งานนี้เจ้าตัวพร้อมทนาย “เกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ” จึงขอออกมาชี้แจงว่า จริงๆแล้วตีนกบที่เสียหายนั้นเป็นผลจากการใช้งานของลูกค้า ยืนยันนี่คือเคสแรกที่เกิดปัญหาและไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดระหว่างขนส่งของทางร้านแน่นอน เพราะก่อนหน้าที่ลูกค้ารายนี้จะรับสินค้าไป ได้มีการเช็คของแล้วและยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน อีกทั้งลูกค้าเองก็ได้ใช้งานตีนกบคู่นี้ในทะเลจริงๆแล้ว ซึ่งสายป่านบอกว่ายังมีภาพคู่กันเป็นหลักฐานอีกด้วย บวกกับทางบริษัทได้มีการส่งของไปตรวจกับห้องแลปแล้ว ก็ปรากฎว่าเสียหายโดยผู้ใช้จริงๆ

แน่นอนว่าเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ลูกค้าหลายรายมองว่านี่เป็นการหลอกขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพให้พวกเขาหรือเปล่า ทำให้ความน่าเชื่อถือในแบรนด์ที่ลูกค้ามีลดลง รวมถึงลูกค้าที่มีการสั่งซื้อสินค้าเอาไว้ก็เกิดความไม่เชื่อมั่นในแบรนด์ จึงขอยกเลิกออเดอร์และสร้างความเสียหายแก่ธุรกิจของสาวสายป่านเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท ทั้งยังส่งผลต่อลูกค้าใหม่ ที่อาจจะเกิดความคับแคลงใจต่อแบรนดในอนาคตได้

พร้อมกันนี้ทางทนายความเองก็ยืนยันว่าจากกรณีโพสต์ของบุคคลรายดังเกล่า ทำให้รายได้ของบริษัทหายไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะสินค้าชนิดนี้ในช่วงหลังโควิด-19 เป็นสินค้าที่ขายดีมาก แต่เพราะถูกโจมตี โดนใส่ร้านจนคนหลงเชื่อ พร้อมกันนี้หลังเกิดเรื่อง เจ้าตัวก็พยามไล่คุยกับลูกค้าผ่านข้อความตลอด 2 อาทิตย์เต็ม เพื่อเช็คความรู้สึกของลูกค้าทุกคน อยากรู้ว่าทุกคนยังมั่นใจในสินค้าของตนเอง ส่วนคนที่ยกเลิกไปแล้วตนก็ยอมรับว่าเสียใจ กับการตัดสินตนแค่โพสต์ โพสต์เดียว เชื่อว่าในอนาคตหากลูกค้ามั่นใจก็จะกลับมาใช้บริการใหม่ แต่หากผู้บริโภคไม่เลือกใช้บริการอีก ตนก็จะน้อมรับในทุกๆอย่าง

ส่วนขั้นตอนของการดำเนินคดี ตอนนี้ทั้งคู่ยังไม่สามารถแสดงกับทางสื่อมวลชนได้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบหาผู้ร่วมกระบวนการ และหาเจตนาของผู้กระทำความผิด ซึ่งตั้งใจจะฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” และมีการเรียกค่าเสียหายแน่นอน พร้อมประกาคชัดว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตัวสายป่านและแบรนด์กลับมา เนื่องจาก ณ วันนี้ทางผู้กระทำผิดเองก็ยังไม่ออกแสดงความรับผิดชอบใดๆและความผิดทั้งหมดมันสำเร็จไปแล้วด้วยนั่นเอง

สุดท้ายสายป่านเองก็บอกว่าปกติแล้วตัวเองไม่ค่อยจะมีปัญหากับใคร ไม่ยุ่งดราม่า แต่อันนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวเอง ยังลามไปกระทบถึงบริษัทและคนในบริษัทอีกด้วย ทำให้เสียหายไปทั้งองค์กร จึงต้องขอออกมากอบกู้ ปกป้ององค์กรและอยากให้เป็นตัวอย่างแก่คนที่กำลังกระทำความผิดเช่นนี้อยู่ ยอมรับว่าแม้จะโดนโจมตีหนักตั้งแต่ธุรกิจแรกก็จะไม่ยอมถอดใจเพราะที่ทำอยู่มันจากความชอบ ทำแล้วมีความสุข ทุกขั้นตอนตนอยากทำให้ทุกอย่างมันถูกต้อง ให้คนไทยใช้ของดี จึงต้องสู้ต่อ

ด้านของทนายก็อยากฝากถึงทุกคนว่าจะโพสต์อะไรก็อยากให้คิดเยอะๆ เพราะบางทีคนที่ได้รับความเดือดร้อนเขาอาจเป็นหัวเรือในการดูแลพนักงาน ต้องรับผิดชอบหนัก และเชื่อว่าทุกๆการตัดสินใจของสายป่านเองได้มีการวางแผนเรียบร้อยแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส