ตำรวจถอดกล้องรถน้าเสริมดูไปไหนวันชมพู่ถูกอุ้ม "น้าแต" ไม่สนข่าวหมายจับ (คลิป)

20 ส.ค. 63

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี พูดคุยกับนางจุไรภรณ์ สุขพันธ์ น้าของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า ตำรวจได้มาเอากล้องหน้ารถไปตรวจเมื่อวันที่ 18 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งตนและน้าเสริมก็ไม่กังวลอะไร เพราะก่อนหน้านี้ ช่วงที่น้องชมพู่หายไปช่วงแรก ตำรวจเคยมาขอดูแล้ว 

247604780764

ทั้งนี้ตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนกระแสเรื่อง ส. และ ต. นั้น ก็ตรงกับชื่อต่ายและเสริม แต่ตนก็รู้ว่าเป็นข่าวปลอม รวมถึงไม่ได้กังวลอะไร ช่วงนี้ก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ

771266

ข้อมูลการใช้รถกระบะของน้าเสริม ในวันที่ 11 พ.ค.63 เวลาประมาณ 11.00 น. ไปหาหมอธรรมจังหวัดสกลนคร แต่จำไม่ได้ว่ากลับมาตอนกี่โมง กระทั่งช่วงเวลา 13.00 น. ไปหาพระอาจารย์ลาย ครูบาลาย สำนักสงฆ์ในพื้นที่บ้านนาโคกกุง อ.ดงหลวงไป

330931

โดยไปถามเรื่องน้องชมพู่และกลับมาบ้านช่วง 14.00 น. ส่วนรอบที่ 2 ช่วงเวลา 16.00 น. ได้เดินทางไปรับครูบาลายอีกครั้งเพื่อรับมาที่หมู่บ้านในการตามหาน้องชมพู่ และช่วงวันที่ 12-13 พ.ค.63 จำไม่ได้

845857

ในวันที่ 14 พ.ค.63 ช่วงเช้าจำเวลาไม่ได้เดินทางไปจังหวัดนครพนม ไปบนบานที่วัด ที่บ้านหนองอีกอม ให้พระดูว่าจะเจอน้องชมพู่เมื่อไร ขอให้เจอตัวเด็กไม่ว่าจะสภาพไหนก็ได้ ไม่มั่นใจเรื่องเวลากลับ

487186

นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ กล่าวว่า รถของตนไม่มีกล้อง กรณีมีกระสข่าวว่าตำรวจมาเอากล้องไป ตนคิดว่าการมาเอากล้องไปควรจะมาเอาตั้งแต่ตอนที่ตรวจรถตนแล้ว ไม่คิดว่าจะปล่อยให้ผ่านมาหลายเดือน ตนก็คิดว่ามันช้าเกินไปหรือไม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเอาอะไรจากกล้องได้ไหม เจ้าหน้าที่คงคิดว่ามีประโยชน์หรือไม่ ถึงมาเอาตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่กังวลแล้วหากเป็นคนในครอบครัว เพราะตนก็สู้ผ่านมาเยอะ สู้มาทุกอย่าง หากคนอื่นต้องมาเจอแบบตน ไม่ผิดก็ต้องพิสูจน์ความจริง

250245606859

สำหรับหลักฐานที่ยังไม่ปรากฏผลตรวจออกมา ได้แก่ เส้นขนที่พบบนศพ รอยนิ้วมือจากรถของเล่น รอยนิ้วมือจากถุงขนมที่ตกอยู่บนภูเขา หรือรอยนิ้วมือจากแหวน และกล่องนมที่พบบนเขา 

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีมีข่าวเรื่องกับ ส. และ ต. นั้น ยังปรากฏว่ามีนายนรินทร์ หรือ น้าแต ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่อเล่นตรงกับอักษรย่อ ต. แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือกังวลใจ และยังคงใช้ชีวิตตามปกติ พร้อมกับออกมายืนยันก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ใช่คนที่ทำร้ายน้องชมพู่ 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส