“เสี่ยเจษ” เปิดใจครั้งแรก ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

18 เม.ย. 67

“เสี่ยเจษ” เข้าให้ปากคำตำรวจ เปิดใจครั้งแรก ยอมรับซื้อ กากแคดเมียมส่งไปลาว ยัน ชี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ปัดมีนักการเมืองหนุนหลัง 

วันที่ 18 เม.ย. 67 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย หรือ เสี่ยเจษ กรรมการ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด  เปิดใจหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 

กรณีพบ กากแคดเมียมซุกเพิ่มกว่า 3,378 ตัน ที่บริษัท เจ แอนด์ บีฯ จ.สมุทรสาคร หลังปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ตรวจสอบ และเปิดเผยว่าโรงงานแห่งนี้มีกากแคดเมียมซุกซ่อนกว่า 6,378 ตัน 

นายเจษฎา กล่าวว่า ตนทำสัญญา เพื่อซื้อแร่สังกะสี แต่ว่ามีกากแร่แคดเมียมปะปนเข้ามา ส่วนที่ซื้อมานั้น เพราะโรงงานต้นทางที่ทะลุงแร่ในครั้งนั้นมีการฝังกลบ และโรยปูนขาวและปูนพอตแลนต์ลงไปทำให้ปริมาณความเข้มข้นของกากแร่แคดเมียมนั้นลดลง จึงสามารถซื้อขายได้ และกากแร่ที่ตนครอบครองมีทั้งหมด 13,800 ตัน และมีกากแร่แคดเมียมผสมอยู่เพียง 38% เท่านั้น จากการที่กรมวิทยาศาสตร์นำแร่ในโรงงานไปเทส 

อีกทั้ง แคดเมียมไม่ใช่แคดเมียมบริสุทธิ์ เป็นเพียงกากแร่แคดเมียมผสมเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณที่จะส่งผลอันตรายต่อมนุษย์นั้นต้องสูงถึง 100 -150 %  

และตั้งแต่มีข่าวปรากฎสื่อหลายช่องมีการนำเสนอทำให้เกิดความเข้าใจผิดถึงโทษและพิษภัยของ กากแคดเมียมที่รุนแรงเกินความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนั้นทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก 

ส่วนที่คนในโรงงานและคนรอบโรงงานออกมาบอกว่าได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ นายเจษฎา บอกว่า เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบโรงงานรอบๆด้วย และการที่ตนได้กากแร่แคดเมียมดังกล่าวมานั้น มาจากการประมูลที่มีโรงงานอื่นร่วมประมูลด้วยอีก 4 โรงงาน และตนประมูลมาได้จำนวน 8 ล้านบาท เพราะต้องการนำแร่สังกะสีที่นำไปขายต่อได้กินโลกรัมละ 300 กว่าบาท ไม่ได้ต้องการ แร่แคดเมียม แต่มันผสมมาด้วยอยู่แล้ว จึงต้องนำไปคัดแยกตามสัญญาที่เซ็นต์กับบริษัทอีกแห่งว่าซื้อมา เพื่อนำไปกำจัด 

เมื่อถามว่า เหตุใดถึงมีการนำไปขายต่อ นายเจษฎา บอกว่า ตนเป็นพ่อค้า ส่วนที่นำไปขายนั้น เพราะหมุนเงินไม่ทันจึงต้องนำไปขาย 

นอกจากนี้นายเจษฎา ยืนยันว่ากระบวนการทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นทาง จ.ตาก มาจนถึง จ.สมุทรสาครนั้นถูกต้องทุกอย่าง ทั้งเอกสาร 

เมื่อถามว่าทำไมต้องกระจายไปยังโกดังอื่น นายเจษฎา กล่าวว่า เนื่องจากกากแร่ที่ได้มานั้นมาจำนวนมาก พื้นที่ของตนเองไม่เพียงพอ จึงต้องไปเช่าที่โรงงานอื่นเก็บ ส่วนนายจางได้ให้นายหน้ามาติดต่อตนเอง เพื่อขอซื้อต่อ ซึ่งตอนนั้นตนเองต้องขายไป เพราะต้องการนำเงินมาหมุนต่อ ยอมรับว่าผิดสัญญาที่ได้มาว่านำมาเพื่อกำจัด แต่กลับนำไปขาย ส่วนนี้ก็ยอมรับว่าตนเองผิดจริง 

นายเจษฎา ยืนยันอีกว่า ตนเองไม่ได้มีใครมาเป็นที่ปรึกษา หรือมีใครมาถือหุ้นในบริษัท และไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้องแน่นอน และตนเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง จากคนที่ประมูลไม่ได้ น่าจะมากลั่นแกล้งตนเองหรือไม่ เอกสารทั้งหมดที่ตนดำเนินการมานั้นถูกต้องทั้งหมด แต่ทำไมงถึงถูกบอกว่าตนเป็นคนผิด และจะเรียกร้องค่าเสียหายและเตรียมที่จะดำเนินคดีกลับด้วยที่ทำให้ตนเองเสียหาย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินคดีกับใคร 

ตนเองรู้สึกถูกหลอกและโดนลอยแพ จากสัญญาที่ทำกับบริษัทต้นทาง ที่ตนต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด 

สุดท้ายนี้อยากจะฝากถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่า สารแคดเมียมไม่ได้อันตรายอย่างที่สื่อลงข่าวไป ทุกคนปลอดภัยแน่นอน เพราะสารแคดเมียมในถ่านไฟฉายก็มี แบตเตอรี่รถยนต์ก็ยังไม่ เพราะฉะนั้นอย่าไปตกใจว่า จะอันตรายต่อชีวิต

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส