แม่ยายบอกไม่ติดใจปมการตายของลูกเขย ปัดเอี่ยวปมปัญหามรดกเก่า ลั่นทุกอย่างจบไปแล้วไม่อยากให้สื่อโยง รอแค่ผลชันสูตรพลิกศพ อาจตายเพราะโรคประจำตัว
จากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตที่บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 11 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น ที่ห้องนอนชั้นล่างพบศพ ”นายปรีชา เครือพลอย “อายุ 42 ปี ทายาทมรดกที่ดิน 150 ล้านที่เคยตกเป็นข่าวเกี่ยวกับข้อพิพาทในเครือญาติ นอนหงายอยู่ที่พื้น สภาพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ในห้องพัก ตามร่างกายก็ไม่พบบาดแผล คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6-7 ชั่วโมง
ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นประเด็นที่น่าสนใจเพราะผู้ตายรายนี้เคยมีคดีฟ้องร้องเรื่องมรดก 150 กว่าล้านบาทกับเครือญาติมาก่อน จนตกเป็นข่าวมาแล้วช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังเคยเปิดเผยข้อมูลก่อนเสียชีวิตเอาไว้ว่าเคยถูกวางยามาแล้วครั้งหนึ่งแต่รอดมาได้ จึงต้องตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตามล่าสุดทางทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปบ้านหลังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าในส่วนของครอบครัวที่เป็นภรรยาและแม่ยายของผู้เสียชีวิต ยังคงเดินทางไปให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.บางแม่นาง โดยทางทีมข่าวได้พยายามเข้าสอบถามกับบุคคลที่อยู่ภายในบ้าน ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเเละเยาวชน ซึ่งหลายคนเองไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับกรณีพิพาทเก่า และทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางทีมข่าวจึงได้สอบถามเป็นข้อมูลว่าเบื้องต้นบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีคนอยู่อาศัยรวมกันทั้งสิ้น 11 คน รวมผู้ตาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือญาติในส่วนของฝั่งภรรยาและผู้ตาย
ทั้งนี้ทางทีมข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยกับทางแม่ยายและภรรยาของ “นายปรีชา” แต่ปรากฏว่าทางแม่ยายได้มีการติดต่อผ่านทางเครือญาตที่อยู่ภายในบ้านว่าไม่อนุญาตและไม่สะดวกให้ทำข่าวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมขาวเลยพยามสอบถามถึงประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าทางครอบครัวติดใจถึงสาเหตุการตายและเชื่อมโยงในเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับการที่ผู้ตายโดนวางยาจากเครือญาตอีกฝั่งหนึ่ง ที่เคยมีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องของมรดก
ในประเด็นนี้ทางแม่ยายยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและไม่น่าจะเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกัน เพราะเหตุการณ์ ในอดีตที่ทางผู้ตายได้ไปร้องเรียนฟังญาติกลุ่มของเขาที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของมรดก ประเด็นดังกล่าวนั้นยอมรับว่าผู้ตายและฝั่งคู่กรณีที่เป็นญาติได้มีการเข้ามาพูดคุยและเคลียร์ใจกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทั้งสองฝั่งได้กลับมาจับมือและพูดคุยกันตามเดิมไม่ได้มีปัญหาจิตใจ ต่างฝ่ายต่างแฮปปี้ รวมถึงได้มีการเคลียร์ใจในประเด็นเรื่องกลุ่มมรดกและประเด็นเกี่ยวกับเรื่องที่ทางผู้ตายคิดไปเองว่าโดนทางญาติวางยาในตอนนั้น ซึ่งความจริงไม่ได้มีมูลความความจริงแต่เป็นเพียงการสันนิษฐานของผู้ตายที่คิดไปตอนที่มีการร้องเรียน
เผยเหตุการณ์ครั้งนี้ทางญาติไม่ได้ติดใจเกี่ยวกับประเด็นเก่าแต่แค่ติดใจว่าเค้าเองอาจจะมีโรคประจำตัวหรืออยากทราบเพียงแค่สาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากอะไร ซึ่งทุกอย่างจะตอบได้ก็ต่อเมื่อมีผลชันสูตรพลิกศพออกมา แต่เชื่อไม่น่าจะเกี่ยวกับเคสเก่า วันนี้ทางครอบครัวขอความเป็นส่วนตัว
