เริ่มแล้ว! นายกฯ ปลดปล่อยทาสหนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ

28 พ.ย. 66

เริ่มแล้ว! นายกฯ คิกออฟ ปลดปล่อยทาสหนี้นอกระบบ ดันเป็นวาระแห่งชาติ กำชับ ก.มหาดไทย-ก.คลัง-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ 

เมื่อเวลา 11.03 น. วันที่ 28 พ.ย. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. ร่วมแถลงถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน และเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยมานาน เราจะเอาจริงเอาจังให้การแก้ปัญหานหนี้นอกระบบเป็นวาะแห่งชาติ วันนี้ได้รับความร่วมมือหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจจะมาทำงานร่วมกัน ทั้งเรื่องของหนี้และเรื่องชุมชนที่มีความละเอียดอ่อน รัฐบาลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจยกระดับความเป็นอยู่ ให้ประชาชนไม่กลับไปมีภาระหนี้ล้นพ้นตัวอีก 

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมหลายเรื่อง ขณะนี้มีตัวเลขคนเป็นหนี้นอกระบบ 5 หมื่นล้านบาท ตนคิดว่ายังเป็นตัวเลขค่อนข้างต่ำ คนที่ไม่ได้เป็นหนี้อาจสงสัยว่าทำไมรัฐบาลต้องให้ความสำคัญ เพราะหนี้นอกระบบส่งผลกระทบต่อทุกคน และต่อระบบเศรษฐกิจ 

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับตนหนี้นอกระบบเปรียบเป็นการค้าทาสในยุคใหม่ที่พรากความอิสราภาพไป ปัญหานี้เรื้อรังและใหญ่ ใช้ไหร่ก็ใช้ไม่หมด กระทบเป็นโดมิโน่ ต้องมีภาครัฐเป็นตัวกลาง รัฐบาลต้องบูรณาการหลายภาคส่วน เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปอยู่วงจรนี้อีก และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย กระบวนการทวงหนี้ที่รุนแรงต้องจัดให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสหายใจ หาเงินมาปิดหนี้ให้ได้

ตนได้สั่งการช่วงต้นเดือน พ.ย.ให้ตำรวจและกระทรวงมหาดไทยไปทำการบ้านมา ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แยกกันทำเหมือนในอดีต และต้องมีมาตรการต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับเข้าสู่วงจรอีก จะต้องทำฐานข้อมูลกลาง และมีการสื่อสารกับประชาชนถึงความคืบหน้าต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา ต้องเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยให้ถูกต้อง ต้องทำงานอย่างมีเป้าหมายและเป้าประสงค์ร่วมกัน มีกรอบระยะเวลาชัดเจน ตนจะติดตามดูแลใกล้ชิด เมื่อไกล่เกลี่ยแล้วจากนั้นกระทรวงการคลังจะเข้ามาช่วยเหลือ รัฐบาลจะปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งการปรับระยะเวลา เงื่อนไขและกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถชดใช้หนี้ได้ ไม่เบียดบังการใช้ชีวิต

การแก้ไขหนี้วันนี้คงไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ แต่มั่นใจว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นจะทำให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้น ไม่ก่อหนี้อีกในอนาคต ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนในระบบมากขึ้น 

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในวันที่ 12 ธ.ค.66 จะมีการแถลงภาพรวมหนี้แบบครบวงจร ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบอีกครั้งหนึ่ง และตนจะทำใหโครงการนี้ช่วยประชาชนปลดปล่อยจากการเป็นทาสหนี้นอกระบบ ลืมชีวิตที่เคยลำบาก

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยขอน้อมรับข้อสั่งการการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทยจะทำงานด้วยการบริหารเชิงพื้นที่แบบบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างนายอำเภอและผู้กำกับสถานีตำรวจ จะดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด และร่วมกันดำเนินการโปร่งใส เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน 

อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ ไม่ว่าจะถูกข่มขู่คุกคาม หรือต้องการแก้ไขจากหนี้นอกระบบเป็นหนี้ในระบบ ขอให้เข้าไปแจ้งเรื่องได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเขตทุกเขต เพื่อรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบให้รัฐบาลไปช่วยแก้ปัญหาต่อไป 

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวว่า หลังจากที่ปรับโครงสร้าง หรือไกล่เกลี่ยหนี้เรียบร้อยแล้ว โดยจะดูแลผ่านธนาคารของรัฐ ในส่วนของธนาคารออมสิน  มีโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยจะปล่อยกู้ให้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ระยะเวลาใช้คืนไม่เกิน 5 ปี และมีโครงการสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระรายย่อย ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลาใช้คืนสูงสุด 8 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้ ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ มีโครงการ ปล่อยกูให้กับเกษตรกรที่นำที่ดินไป จำนองหรือค้ำประกันเงินกู้นอกระบบรายละไม่เกิน 2.5 ล้านบาท 

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการดำเนินการให้ถูกกฎหมาย สามารถเข้ามาขออนุญาตได้ ซึ่งตอนนี้มีผู้ยื่นขออนุญาตแล้วกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ โดยมีทุนจดทะเบียน เพียง 5 ล้านบาทเท่านั้น แต่รัฐจะไม่อนุญาตให้รับฝากเงินจะต้องใช้เงินของตนเองเท่านั้น 

พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมขับเคลื่อนด้านการสืบสวนจับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบทุกรูปแบบ โดยได้ตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 2563 สำรวจข้อมูลในพื้นที่เพื่อค้นหาเป้าหมาย ส่งข้อมูลขึ้นบัญชีผู้ประกอบการหนี้นอกระบบทั้งหมด เพิ่มนำมาจัดกลุ่มผู้ประกอบการในระดับ S M L ประกอบการพิจารณาผู้ประกอบการที่ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 66 จนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมผู้ประกอบการหนี้นอกระบบที่ใช้ความรุนแรงได้ 134 ราย สามารถยึดรถซึ่งเป็นของกลาง 22 คัน รถจักรยานยนต์ 19 คัน มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท 

ส่วนกรณีให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้ไกลเกลี่ยกันนอกระบบ จะมีเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยห้ามเกินร้อยละเท่าไหร่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องไม่ให้เกินตามที่กฎหมายกำหนด หรือร้อยละ 15 ต่อปี และหากมีการจ่ายเกินไปแล้วก็ต้องยกเลิกต่อกัน 

เมื่อถามว่า มาตรการแก้ไขหนี้วันนี้เหมือนเป็นการปรับหีบห่อใหม่ แต่แนวทางยังเหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรให้ทุกคนไม่กลับมาเป็นหนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าไม่เหมือนเดิม เพราะในอดีตไม่ได้มีการทำงานแบบบูรณาการหรือทำงานด้วยกัน เป็นการทำงานที่เชิงรุกมากขึ้นมีฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ช่วยเจรจา ซึ่งในการแก้ไขหนี้ในระบบ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราจะต้องแก้ไขเพื่อให้พี่น้องลืมปากลืมตาอ้าปากได้ โดยจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งจะนำมาผสมกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยจะทำให้การเป็นหนี้ยากขึ้น 

"ถ้าเกิดจะบอกว่าไม่ให้เป็นหนี้อีกเลย ผมคิดว่าอาจจะลำบาก แต่ว่าต้องอยู่ในความเป็นธรรม อยู่ในอัตราที่กฎหมายกำหนด" นายกรัฐมนตรี กล่าว 

ส่วนความเหลื่อมล้ำในสังคมค่อนข้างสูง และคนที่บริหารประเทศก็เป็นชนชั้นนำในสังคมจะมองไม่เห็นความยากจนของประชาชนอย่างแท้จริงนั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่า การแถลงในวันนี้มีการพูดคุยระหว่างฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลัง เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่เรานำทุกภาคส่วนมาบูรณาการแก้ไขปัญหา ใช่การมองไม่เห็น ถ้าเรามองไม่เห็นคงไม่มานั่งแถลงข่าวอยู่ตรงนี้ นโยบายของรัฐบาลหลายนโยบายก็จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น แต่ขั้นตอนแรกเราจะต้องมีการลดค่าใช้จ่าย ที่ทำไปแล้วคือการลดค่าไฟค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร ซึ่งเรื่องของการแก้หนี้นอกระบบ เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง โดยในวันที่ 8 ธ.ค. จะมีการประชุมกับนายอำเภอและผู้กำกับสถานีตำรวจทั่วประเทศ จะมีการให้นโยบายและ KPI ที่ชัดเจน 

ส่วนหนี้นอกระบบที่ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หากเขาไม่ยอมเข้าระบบการไกล่เกลี่ยนี้จะมีมาตรฐานอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นนโยบายของเราอยู่แล้วที่ไม่ยอมรับผู้มีอิทธิพล หรือมาเฟียจึงต้องบริหารจัดการไป เพราะบ้านเมืองมีกฎหมาย ส่วนการคิดดอกเบี้ยต้องมีความชัดเจนจึงต้องเรียกเจ้าหนี้ ลูกหนี้ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง มาพูดคุยให้ชัดเจน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส