เมียโชเฟอร์ ยันไม่ได้รู้จักเสี่ยแป้งส่วนตัว อยากให้ จนท. คุ้มครองพยาน

16 พ.ย. 66

เมีย โชเฟอร์ ยัน ครอบครัวไม่ได้รู้จัก เสี่ยแป้ง เป็นการส่วนตัว เครียดมากอยากให้ จนท.เข้าคุ้มครองพยานด้วย เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย วอนเสี่ยแป้งมอบตัว ผิดก็ยอมรับแล้วสู้คดีไป

วันนี้ 16 พฤศจิกายน 2566 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีมีโอกาสได้คุยกับ “นางหวาน” (นามสมมติ) ภรรยาของ “นายเชียน” เจ้าตัวยอมรับเลยว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวของตนเหมือนตกกระไดพลอยโจร เพราะจู่ๆก็ถูกโยงให้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นกับคดีสำคัญแบบนี้ ทั้งๆที่จริงแล้วสามีไม่ได้ตั้งใจจะให้การช่วยเหลือ “เสี่ยแป้ง” เลยแม้แต่น้อย แล้วอย่างที่บอก ถ้ารู้ว่าตอนนั้น “เสี่ยแป้ง” กำลังหนีเจ้าหน้าที่มา ก็คงปฎิเสธที่จะพาขึ้นไปบนบ้านตระ

ตอนนี้ทั้งตน สามีและลูกชายก็เครียดมาก ไม่สบายใจ นอนไม่หลับเลยสักคืนเพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง บวกกับไม่ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาคุ้มครองหรือให้ความปลอดภัยใดๆ ทั้งๆที่สามีตนเป็นพยายามคนสำคัญ จึงอยากฝากผ่านอมรินทร์ทีวีไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาสอดส่อง ระแวดระวังยามวิกาล เพื่อให้ความอุ่นใจกับครอบครัวตนบ้าง เพราะตนกับสามียังจำเป็นต้องออกไปทำงานเช้าและกลับค่ำตามปกติ ลูกชายก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน

นอกจากนี้ “นางหวาน” ยังเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวตนกับ “เสี่ยแป้ง” หรือ “นายบ่าว” ที่พวกตนรู้จัก ให้ฟังว่าจริงๆแล้วไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ไม่ได้สนิท ไม่เคยรับเงินทองและการช่วยเหลืออะไรจาก “เสี่ยแป้ง” และไม่ได้เป็นญาติกันด้วย “เสี่ยแป้ง” ไม่เคยเข้าไปในบ้านของตนด้วยซ้ำ มากสุดก็แค่อยู่บริเวณหน้าบ้าน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้การช่วยเหลือ

เพียงแค่สามีของตนทำอาชีพรับจ้างทั่วไป หนึ่งในนั้นคือรับจ้างขี่รถ จยย. พาชาวบ้านขึ้น-ลงตระ แล้วเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2564 คาดว่าคงมีคนแนะนำให้ “เสี่ยแป้ง” มาใช้บริการสามี ด้วยการพาขึ้นหมู่บ้านตระ บอกว่าซื้อสวนยางพาราไว้และจ้างให้สามีขี่รถ จยย.ขนเหล็ก ขนอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นไปให้ แลกกับค่าบริการเที่ยวละ 500 บาท แต่ก็ไม่เคยไปถึงขนำของ “เสี่ยแป้ง” ไม่เคยไปช่วยสร้าง เพราะทุกครั้งจะส่งไว้ที่ขนำของ “นายพริก” ดังนั้นตนกับสามีจึงไม่รู้เลยว่า ขนำของ “เสี่ยแป้ง” อยู่ตรงไหน ทราบแค่ว่าต้องเดินเท้าจากขนำ “นายพริก” ไปอีกหลายกิโลเมตร

เท่าที่ตนรู้จักและเคยพูดคุยกับ “เสี่ยแป้ง” ก็ต้องยอมรับว่าเขาวางตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดี พูดจาดี ไม่มีถือตัวหรือวางอำนาจบาตรใหญ่ ก็เลยไม่แปลกใจที่ชาวบ้านจะพากันจดจำเขาในมุมดีๆ และตกใจหลังรู้ว่าเขาก่อเหตุแบบนี้ขึ้น ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ตนเจอ “เสี่ยแป้ง” คือประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 ตอนนั้นเขาลงจากบ้านตระพร้อมพวกอีก 4-5 คนเพื่อจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ จ.พัทลุง แต่ตนจำไม่ได้ว่าใครบ้าง และแวะมาที่บ้านของตน เพื่อบอกกับเขาว่าจะกลับบ้านแล้ว ตอนนั้นยังยกมือไหว้ตนตามปกติ แต่ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะส่วนตัวไม่สนิท แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

ส่วนกับเหตุการณ์คืนที่ “เสี่ยแป้ง” มาเคาะประตูเรียก ตนเป็นคนแรกที่ได้ยินเสียง เพราะปกติสามีจะนอนหลับลึก เสียงแรกที่ได้ยินคือเขาเคาะในระดับปกติก่อน 2-3 ครั้ง พอตนรู้สึกตัวก็พยายามปลุกสามี แต่ด้วยความที่สามีตื่นยาก เขาก็เลยเคาะรัวๆและดังอีกหลายครั้ง จนสามีตื่นแล้วออกไปเปิดประตู ส่วนตนกับลูกไม่ได้ลุกขึ้นไป

พอได้ยินว่ามีคนมาขอให้สามีพาขึ้นบ้านตระตอนดึก ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จากนั้นพอสามีคุยเสร็จ กลับเข้าบ้าน จึงถามไปว่า “ใครมาเคาะประตูกลางดึก” สามีก็ตอบว่า “บ่าว มาขอให้พาไปส่งที่ตระแปปนึง” แล้วสามีก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและขี่รถ จยย.ออกไป ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร เพราะอย่างที่ทราบว่า “เสี่ยแป้ง” หรือ “นายบ่าว” คือคนที่เคยจ้างให้สามีพาขึ้นบ้านตระเป็นประจำ บวกกับท่าทีตอนที่เขาคุยกับสามี ก็ไม่ได้เป็นเชิงบังคับ ไม่ดุหรือรีบรนจนผิดสังเกต

หลังจากสามีลงมาและกลับเข้าบ้าน ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน จนมาเห็นจากข่าวอีกทีตอนเช้า จึงไปถามสามี แล้วสามีก็เล่าให้ฟังตามที่ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีไปเมื่อวานนี้ 15 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งหลังจากที่กลายเป็นข่าวดัง ตนก็มาย้อนถามกับสามีว่าระหว่างที่พา “เสี่ยแป้ง” ขึ้นไปนั้น เขาพาสัมภาระอะไรขึ้นไปบ้าง สามีก็บอกว่ามีปืน 2 กระบอกและไม่ได้สะพายเป้หรือเอาสัมภาระอะไรขึ้นไปเลย ส่วนเรื่องสายน้ำเกลือที่มือของ “เสี่ยแป้ง” ตนก็เพิ่งจะมารู้พร้อมกับอมรินทร์ทีวีเมื่อวานนี้ แล้วสามีก็ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของ “เสี่ยแป้ง” จะมุ่งหน้าไปที่ไหน หลังจากพักแรมที่ขนำของ “นายพริก”

ท้ายที่สุดนอกจากตนจะอยากขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวแล้ว ก็ยังอยากฝากบอกถึง “เสี่ยแป้ง” ว่า “ขอให้ลงมามอบตัว ไม่อยากให้ถูกวิสามัญหรือเสียชีวิตอยู่บนนั้น อายุยังน้อย กลับมารับผิดแล้วสู้คดีเอา”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส