กรณีโลกออนไลน์ แชร์ภาพกล้องติดหน้ารถระเบิดและเกิดไฟลุกไหม้ทำให้ห้องโดยสารภายในรถได้รับเสียหายอย่างหนัก เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนภัย เบื้องต้นสันนิฐานว่าเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม เพราะถูกใช้งานมา 3 ปี 4 เดือน เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมในตัว
ทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับนาย เอ (นามสมมุติ) ผู้ที่โพสต์ภาพและข้อความ บอกกับทีมข่าว ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลา 16 นาฬิกาเศษ ภายในลานจอดรถบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยตนให้แฟนขับรถไปทำงาน และเวลาจอดรถที่ลานจอด จะแง้มกระจกไว้ และเมื่อถึงเวลาเลิกงาน แฟนได้เดินมาที่รถ ก่อนจะเห็นในรถมีควันไฟลอยออกมาทางช่องกระจกที่แง้มไว้ ด้วยความตกใจจึงไม่กล้าเปิดรถ ซึ่งระหว่างนั้นมีรถเจ้าหน้าที่เซฟตี้ขับรถผ่านมาพอดี จึงเข้าช่วยเหลือเปิดประตูรถและดับไฟ
เบื้องต้นพบว่า ไฟไหม้ที่บริเวณกล้องที่ติดหน้ารถ แรงระเบิดและไฟไหม้ ทำให้กระจกหน้ารถแตก รวมทั้งเบาะนั่ง คอนโซลและประตูรถ ได้รับความเสียหาย เหตุครั้งนี้ นับเป็นความโชคดีที่กล้องหน้ารถระเบิด ในช่วงที่รถยังจอดอยู่ที่ลานจอดรถ หากระเบิดในขณะที่กำลังขับอยู่บนท้องถนน อาจทำให้แฟนได้รับอันตราจรวมทั้งอาจเกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสียและให้เหตุการณ์เช่นนี้ห้เกิดขึ้น ตนจึงตัดสินใจโพสต์ลงในโซเชียล เพื่อต้องการเตือนภัยผู้ใช้รถขอให้ระมัดระวังในการใช้กล้องติดรถยนต์ โดยขอให้ดูอายุการใช้งาน การดูแลรักษาอุปกรณ์ รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เพิ่มเติม ระบุว่า ที่ทำให้ระเบิดครั้งนี้ น่าจะมาจากความร้อนของอากาศ และที่ระเบิดคือแบตเตอรี่ของกล้อง คือ แบตลิเธียมไอออน ขนาด 3.7 โวลท์ ส่วนมากจะเริ่มต้นที่ 200-300 มิลลิแอมป์ แบตเหล่านี้เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 1 ปีกว่า จะเริ่มบวม และมีการพองตัวเกือบจะเป็นลูกโป่ง
บางรุ่นเมื่อแบตบวมแล้วจะมีอาการรีสตาร์ทตัวเองหรือเปิดปิดแล้ววนดับ ไม่แน่ใจว่า มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีมิลลิแอมป์สูงขึ้นหรือไม่ ความร้อนที่สะสมมากจนเกินไป บวกกับแบตที่เสื่อม อาจทำให้ระเบิดก็เป็นไปได้ ผู้ใช้งานควรหมั่นตรวจสอบ เช็กเบื้องต้นว่ามันร้อนผิดปกติหรือไม่
ขอบคุณภาพจาก Got Dangkong
