เช็กเงื่อนไขการรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และเงื่อนไขการใช้งาน หากรัฐบาลฯ "เศรษฐา" ประกาศใช้จริง
24 ส.ค. 2566 ภายหลังจากเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา ในการประชุมสภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย ผลการลงคะแนนโหวตออกมาปรากฏว่านายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับคะแนนเห็นชอบอย่างท่วมท้น 482 คะแนน โดยแยกเป็นคะแนนโหวตเห็นชอบจาก สส. 330 คะแนน และคะแนนโหวตเห็นชอบจาก สว. 152 คะแนน ทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
ภายหลังผลโหวตแน่ชัดแล้วว่านายเศรษฐา ทวีสิน ถูกโหวตให้ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ในโลกออนไลน์มีการได้ทวงถามเงินดิจิทัล 10,000 บาท นโยบายจากพรรคเพื่อไทย ในทันที เช่น "แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร" โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ "รอเงินดิจิตอล 10,000 บาท ตอนเที่ยงพรุ่งนี้เลยค่ะ" หลังเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อมรินทร์ทีวีออนไลน์เปิดเงื่อนไขรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทและเงื่อนไขการใช้งาน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ใครบ้างที่ได้รับเงินดิจิทัล
- คนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป (เป็นช่วงวัยที่สามารถทำงานได้ตามกฎหมาย) มีบัตรประจำตัวประชาชนเลข 13 หลัก
- ผู้ได้ที่ได้รับสวัสดิการ เช่น ผู้พิการ คนชรา ยังคงมีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัลเต็มจำนวน ไม่หักลด
- คนที่เข้าข่ายรับสิทธิ "ไม่ต้องลงทะเบียน" เพราะระบบผูกกับบัตรประจำตัวประชาชน
เงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัล
- สามารถใช้จับจ่ายซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค หรือเครื่องมือทำกินใดก็ได้ทั้งสิ้น
- สามรถใช้ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเพื่อนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชน (ปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกคน)
- ไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
- ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน โดยสามารถใช้จ่ายรวดเดียว 10,000 บาท หรือทยอยใช้ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้น ให้มีการจับจ่ายใช้สอยอย่างรวดเร็ว
- เงินดิจิทัลไม่สามารถเบิกถอนเป็นเงินสดได้
- รับเงินผ่าน "กระเป๋าเงินดิจิทัล" (Digital Wallet)
- ในกรณีไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันได้ไม่ต้องกังวล แค่เพียงมีบัตรประจำตัวประชาชน สามารถใช้งานได้ผ่านรหัสบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักและโค้ดสำหรับการใช้จ่ายก็สามารถใช้เงินดิจิทัลได้
อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย ยังคงเป็นเพียงนโยบายเท่านั้น ยังไม่มีการบังคับใช้จริง ชึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยจะประกาศใช้นโยบายดังกล่าวตามกำหนดการเดิมตามที่เคยแจ้งในช่วงหาเสียงหรือไม่
